ตำรวจคุมตัว “ไอ้ทอย” ผัวโหดไปทำแผนฯฆ่า “น้องนุ่น” เมียสาว 4 จุด สารภาพสิ้นแค้นเมียพูดกระแนะกระแหนเรื่องแฟนเก่าจนมีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ สุดกลั้นระเบิดอารมณ์ก่อเหตุฆ่าแล้วเผาต่อหน้าลูกสาววัย 1 ขวบ ส่วนแม่น้องนุ่นถามลูกเขย “ทำแบบนี้ทำไม” ไอ้ทอยก้มกราบขอโทษยอมชดใช้กรรม ขณะที่ ตร.ตั้ง 3 ข้อหาหนัก ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, ปิดบังอำพราง ซ่อนเร้นศพและแจ้งความเท็จ ส่งตัวฝากขังต่อศาลภายหลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เค้นสอบสวนนายศิริชัย หรือทอย รักทอง อายุ 33 ปี หลังเข้ามาแจ้งความว่า น.ส.ชลลดา หรือนุ่น มุธุวงศ์ อายุ 27 ปี ภรรยา หายตัวไป ภายหลังช่วงเย็นวันที่ 17 ก.พ. พาภรรยาและลูกสาววัย 1 ขวบ ไปกินเลี้ยง วันเกิดเพื่อนที่ร้าน Waterside ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลียบด่วนรามอินทรา กระทั่งร้านปิดเวลา 01.00 น. วันที่ 18 ก.พ. นายศิริชัยขับรถเก๋งบีเอ็ม ดับเบิลยู 303 ดี สีขาว ทะเบียน 1 ขส 6644 กรุงเทพ มหานคร กลับบ้านที่โครงการลูกกอล์ฟ ภายในเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมกับ น.ส.ชลลดาและลูกสาว ระหว่างทางเกิดทะเลาะกัน ภรรยาลงจากรถที่บริเวณถนนเลียบคลองประปา บริเวณมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อ.เมือง นนทบุรี วิ่งหนีแล้วติดต่อไม่ได้เกรงจะเกิดอันตราย แต่พบพิรุธหลายอย่างคำให้การไม่ตรงกับหลักฐาน กระทั่งยอมสารภาพว่า ฆ่าน้องนุ่นแล้วนำไปเผาอำพราง คดีที่สวนยางพารา อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีต่อมา ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งเหตุพบศพถูกเผาร่างไหม้เกรียมที่สวนยางพารา บ้านมาบเหียง หมู่ 10 ต.หนองโพรง ไปตรวจสอบพบโครงกระดูกมนุษย์ไหม้เกรียมและพบเลสทองข้อมือถูกไฟไหม้ไปบางส่วน คล้ายกับเลสทองข้อมือของน้องนุ่นที่ใส่ไปงานเลี้ยง ด้านพล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุท ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุและหลักฐานที่พบสอดคล้องกับคำรับสารภาพของผู้ต้องหาในพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด หลังพบข้อมูลตามจากจีพีเอสของน้องนุ่นหายไปในจุดดังกล่าว กระทั่งมาพบศพความคืบหน้าเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 20 ก.พ. พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร่วมสอบสวนนายศิริชัย ยืนยันคำสารภาพคืนวันที่ 17 ก.พ. ไปกินเลี้ยงวันเกิดนายศิริชัยขับรถบีเอ็มดับเบิลยู 303 ดี สีขาว ทะเบียน 1 ขส 6644 กรุงเทพมหานคร ไปพร้อมกับน้องนุ่นและลูกสาววัย 1 ขวบ จัดเลี้ยงที่ร้าน Waterside เลียบด่วน รามอินทรา ขากลับเกิดมีปากเสียงกับเมียกันมาตลอดทาง กระทั่งขับมาถึงบริเวณระหว่างปากซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 36-38 ใกล้ทางขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะขาเข้า ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด นายศิริชัยจอดรถข้างทางก่อนเปิดประตูฉุดกระชากลากเมียลงมาจากรถแล้วเตะตบตีน้องนุ่นหยิบก้อนหิน ปาใส่นายศิริชัย ทำให้นายศิริชัยโมโหกระหน่ำเตะจนล้มลงแล้วใช้อิฐบล็อกตีหัวจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นพากันขึ้นรถกลับบ้านจนเกิดทะเลาะวิวาทกันในบ้านอีกครั้ง นายศิริชัยทำร้ายร่างกายและใช้อิฐบล็อกทุบหัวเมีย 3 ครั้งเป็นเหตุให้เสียชีวิตพล.ต.ปรารถนากล่าวอีกว่า ช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.พ. นายศิริชัยนำร่างเมียยัดกระเป๋าลากขึ้นรถไว้ บริเวณเบาะนั่งหลังด้านซ้าย ขับรถออกจากบ้านไปแวะซื้อน้ำมันเบนซินจำนวน 2 แกลลอน ที่ปั๊มน้ำมันใกล้ทางต่างระดับเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด ก่อนขับรถมุ่งหน้าไป อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพื่อนำศพไปเผาอำพรางคดีในสวนยาง พารา เชื่อว่าคำรับสารภาพที่สมเหตุสมผลและเชื่อว่า มีเจตนาฆ่าอย่างแน่นอน เบื้องต้นเหตุที่ทะเลาะกันมาจากการดื่มสุราและเมา น้องนุ่นพูดถึงแฟนเก่าของ สามีจนเกิดการทะเลาะกันระหว่างเดินทางกลับ ส่วนศพ ที่พบในสวนยางพารา อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ยืนยันว่าเป็นศพน้องนุ่น เนื่องจากพบเลสข้อมือเป็นหลักฐานที่ทำให้ยืนยันได้ว่าเป็นน้องนุ่น อยู่ระหว่างประสานกับตำรวจในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ในการชันสูตรพลิกศพยืนยันตัวตนให้แน่ชัด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ฆ่าคนตายโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ”หลังจากชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด นำตัวนายศิริชัย รักทอง มาจากบ้านเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักก่อนเปิดปากรับสารภาพ ต่อมา น.ส.เพ็ญ พอตา อายุ 42 ปี แม่ของน้องนุ่น เดินทางมาที่โรงพัก หลังจากทราบว่านายศิริชัย ลูกเขย เป็นผู้ที่ทำร้าย ร่างกายลูกสาวจนเสียชีวิต ทันทีที่ น.ส.เพ็ญเจอหน้าลูกเขยตรงเข้าไปถามว่า “ทำแบบนี้ทำไม” นายศิริชัย ก้มกราบขอขมาบอกว่า “เสียใจ เพราะความโมโหจึงทำไปไม่ได้ยั้งคิด” จากนั้นนายศิริชัยเอาแต่ก้มหน้าด้วยอาการสลดต่อมาเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ก.พ. ที่ สภ. ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.ติรัช ตฤณเตชะ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ณัฐธนพล อินทรเรืองศร สว.(สอบสวน) พ.ต.ต.แสงระวี ภูสะอาด สว.สส สภ.ปากเกร็ด พร้อมกำลัง ชุดสืบสวนและสายตรวจ สภ.ปากเกร็ด นำตัวนายศิริชัย รักทอง อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ฆ่า น.ส.ชลลดา หรือนุ่น มุธุวงศ์ อายุ 27 ปี ภรรยาสาว ออกจากห้อง ควบคุม นายศิริชัยอยู่ในอาการเครียดและอิดโรย นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 4 จุด จุดแรกที่บ้านเลขที่ 53/271 อยู่ในโครงการลูกกอล์ฟ เมืองทองธานี หมู่ 5 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น เป็นบ้านของนายศิริชัยที่เช่าไว้เป็นจุดที่ นายศิริชัยลงมือทำร้ายร่างกายและใช้อิฐบล็อกทุบศีรษะน้องนุ่น 3 ครั้ง เสียชีวิตอยู่บริเวณห้องรับแขกชั้นล่าง จากนั้นนำศพยัดใส่กระเป๋าเดินทางแบบลาก ขึ้นรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู 330 ดี สีขาว ทะเบียน 1ขส 6644 กรุงเทพมหานคร จุดที่สองภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ใกล้ต่างระดับเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ถนนแจ้งวัฒนะ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด อยู่ห่างจากบ้านราว 3 กม. หลังขับรถขนศพน้องนุ่นออกจากบ้านไปเตรียมเผาทำลาย แวะซื้อน้ำมันเบนซินแกลลอนละ 5 ลิตร จำนวน 2 แกลลอน จากนั้นขับรถมุ่งหน้าไป อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพื่อนำศพไปเผาอำพรางคดีต่อมาตำรวจคุมตัวทำแผนฯจุดที่ 3 บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้ปากซอยแจ้งวัฒนะปากเกร็ด 34 เป็นจุดที่แวะจอดทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกัน จนได้รับบาดเจ็บ แต่น้องนุ่นยังไม่เสียชีวิต หลังกลับจากงานเลี้ยงวันเกิด ในช่วงเวลา 03.00 น. ของคืน วันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนจุดสุดท้ายที่ทิ้งศพก่อน เอาน้ำมันราดจุดไฟเผาบริเวณสวนยางพาราพื้นที่ สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี นายศิริชัยให้การเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่นำร่างน้องนุ่นไปเผาอำพรางคดีที่สวนยางใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพราะเป็นเส้นทางที่คุ้นเคยจะขับรถไปส่งนุ่นเพื่อข้ามไปทำงานยังปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทำให้ทราบว่าจุดนี้เป็นพื้นที่เปลี่ยว วางแผนและตัดสินใจนำศพของนุ่นมาเผาบริเวณจุดนี้ เพื่ออำพรางศพและ หวังไม่ให้ใครผ่านมาพบ ภายหลังทำแผนฯเสร็จ ตำรวจรีบคุมตัวนายศิริชัยกลับ สภ.ปากเกร็ดทันทีสอบถามนายยุทธภูมิ นวลสมศรี อายุ 38 ปี ผู้ดูแลสวนยางจุดที่พบศพทราบว่า ตามปกติขี่รถ จยย.มาดูคนงานกรีดยางในสวนห่างจากจุดที่เผาศพ ประมาณ 6 เมตร ช่วงแรกไม่ได้สังเกตเป็นร่างมนุษย์ถูกเผา เข้าใจว่าเป็นตอไม้ที่คนงานเผาทิ้งไว้ กระทั่งมารู้จากตำรวจว่าพบศพถูกเผา เส้นทางดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นคนกรีดยางเท่านั้นที่เข้ามาบริเวณนี้ และรถที่เข้ามาบริเวณนี้จะเป็นรถกระบะของชาวบ้าน ที่มาดูสวนยาง ส่วนรถเก๋งคันก่อเหตุนั้น ตนไม่เห็นต่อมาเวลา 15.00 น. ตำรวจคุมตัวนายศิริชัยกลับมาถึงที่ สภ.ปากเกร็ด นำตัวเข้าห้องสอบสวนเพิ่มเติมแล้วพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 2.ปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ และ 3.แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นพนักงานสอบสวนคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ระหว่างทาง ขึ้นรถนายศิริชัยเปิดเผยว่า ตนขอยอมชดใช้ในสิ่งที่ ทำลงไปไม่ว่าจะติดคุก 10 ปี หรือ 20 ปีก็ตาม จะขอ ชดใช้ให้น้องนุ่น ส่วนเรื่องที่ตนเอาศพน้องนุ่นไปเผาเพื่ออำพรางใน จ.ปราจีนบุรีนั้น เป็นทางผ่านที่ตน ใช้ขับรถไปส่งน้องนุ่นทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาเป็นประจำอยู่แล้ว รู้จักสถานที่ว่าเปลี่ยวไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านไปมามากนักพ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ. จ.นนทบุรี กล่าวว่า สำหรับในเรื่องการดำเนินคดี พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จะเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งหมด เนื่องจากจุดเริ่มต้นรับแจ้งความร้องทุกข์ให้ติดตามบุคคลสูญหาย จนกระทั่งกลายเป็นเหตุฆาตกรรม จุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด ถึงแม้ว่าจะนำศพไปทิ้งที่ จ.ปราจีนบุรี พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการในเรื่องคดีได้ สำหรับนายศิริชัยเป็นนักเต้นบีบอย มีอาชีพซื้อขายรถยนต์มือสองแบบฟรีแลนซ์ หรือซื้อมาขายไปไม่มีหน้าร้าน นอกจากนี้มีอาชีพเป็นวีเจคอยชักชวนมาเล่นการพนันในเฟซบุ๊ก ส่วน น.ส.ชลลดา ผู้เสียชีวิตประกอบอาชีพพริตตี้ ในส่วนประเด็นเรื่องแรงจูงใจในการลงมือก่อเหตุนั้น จากการสอบปากคำนายศิริชัยอ้างว่า เกิดความโมโหที่ผู้ตายชอบพูดถึงเรื่องแฟนเก่าของตนที่เคยคบกันมา แม้ว่าจะเลิกรากันมานานแล้วก็ตาม แต่ยังคงเอามาพูดเสมอสร้างความรำคาญใจใช้ความรุนแรงมาตลอดจนเมียเสียชีวิตด้าน พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขั้นตอนการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ของ น.ส.ชลลดา หรือน้องนุ่น มุธุวงศ์ อายุ 27 ปี กรณีการตายทั่วไปการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจะใช้เลือดนำไปตรวจ แต่คดีนี้น้องนุ่น ร่างถูกเผา ทำให้ยากในการตรวจหาดีเอ็นเอจากเลือด แต่สภาพศพยังมีกล้ามเนื้อบางส่วนที่ยังไม่ไหม้เสียหาย จะต้องนำมาตรวจพิสูจน์เทียบกับดีเอ็นเอ ของพ่อและแม่ของ น.ส.ชลลดาว่าตรงกันหรือไม่ ทั้งนี้ หากการตรวจดีเอ็นเอชิ้นกล้ามเนื้อยังไม่ขึ้นผล จะตรวจพิสูจน์จากกระดูกต้นขาเพื่อนำผลดีเอ็นเอมาเทียบเคียงต่อไป อย่างไรก็ตาม กรณีนี้แม้พนักงานสอบสวนจะมีพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นที่ระบุว่าเป็น น.ส.ชลลดาแล้ว เจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวชจะต้อง ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อเป็นหลักฐานในชั้นศาลต่อไปขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบแม่ทอยอยู่ที่จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ป่วยเป็นโรคหัวใจแทบช็อกเมื่อรู้ข่าวลูกชายฆ่าน้องนุ่นอย่างโหดเหี้ยม ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ทะเลาะบ่อย ทอยโทร.มาเล่าให้แม่ฟัง ตนเตือนลูกไปว่ามีอะไรขอให้ค่อยๆพูดกัน แม่อยากจะบอกทอยว่าถ้าลูกทำอะไรลงไปก็ต้องรับกรรม ส่วนครอบครัวน้องนุ่นคุยกันแล้วอยากจะขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้น เสียใจกับครอบครัวของน้องนุ่นเพราะดีกับครอบครัวของตนมาตลอดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่