ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย คลิปวัยรุ่น 2 คน แกนนำ “กลุ่มทะลุวัง” โต้เถียงเรื่องขบวนเสด็จกับตำรวจ พฤติกรรมคุกคามพยายามขับรถพุ่งเข้าหาขบวนเสด็จฯ ใช้เส้นทางการจราจรร่วมกับพี่น้องประชาชนในการเสด็จพระราชดำเนิน ไม่ได้มีการปิดเส้นทางการจราจร เพื่อไม่ต้องการให้กระทบพสกนิกรชาวไทยเป็นเรื่องใหญ่กระทบกระเทือนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่รับไม่ได้กับสิ่งที่ได้เห็นจากคลิปเหตุการณ์ที่ปล่อยมา เกิดกระแสเรียกร้องให้รัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ามาดำเนินการเด็ดขาดการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมทั้งประมุข ผู้นำประเทศ ตัวแทนของกลุ่มประเทศต่างๆที่เข้ามาในฐานะเป็นแขกของรัฐบาลไทยเป็นสิ่งที่ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จของพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นหน้าที่และภารกิจอันสำคัญสูงสุดเท่าชีวิตของข้าราชการทุกหมู่เหล่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น กำชับการปฏิบัติหน้าที่ในการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และอำนวยการจราจรขบวนเสด็จเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบแก่พสกนิกรของพระองค์ท่านกำชับ ผบ.ตร.นำบทเรียนที่เกิดผลกระทบต่อขบวนเสด็จมาทบทวน สั่งให้ดำเนินคดีผู้ร่วมก่อเหตุ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้พนักงานสอบสวนขออำนาจศาลออกหมายจับและจับกุมผู้กระทำผิดทันทีผบ.ตร.ย้ำว่า คนที่มาแสดงพฤติกรรมไม่ได้ออกมาเอง มีขบวนการที่อยู่ข้างหลัง ไม่อยากให้ประเด็นนี้มาโจมตีสถาบันฯตำรวจต้องละเอียด ไม่ให้มีข้อครหา ไม่มีแจ้งข้อหาแบบหว่าน ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยืนยันว่า “ขอให้ประชาชนมั่นใจ ตำรวจถวายการอารักขาพระองค์เท่าชีวิต ข้าราชการทุกคนเป็นข้าราชการในพระองค์ที่ต้องดูแลความปลอดภัย เป็นภารกิจข้อแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ดูแลความปลอดภัยในพระบรมวงศานุวงศ์”เป็นภารกิจสำคัญยิ่งของ ผบ.ตร. สร้างมาตรฐานการถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์และบุคคลสำคัญของประเทศ ไม่ให้เป็นเครื่องมือนำมาใช้โจมตีทางการเมืองของทุกฝ่ายหรือ มือที่สาม สร้างสถานการณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้งและเป็นกลางทางการเมืองการออกมาเคลื่อนไหวของปวงชนชาวไทย และการทำหน้าที่ของตำรวจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่เรื่องความเห็นต่าง” แต่เป็นการแสดงความจงรักภักดีและร่วมกันปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยไม่ปล่อยให้ผู้ใดคิดกล่าวล่วงสถาบันฯ.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม