“ศรีสุวรรณ จรรยา” นักร้อง (เรียน) คนดัง เกมพร้อม “เจ๋ง ดอกจิก” ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ คณะทำงานเขตราชการที่ 11 และ “พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์” อดีตผู้สมัคร สส.รทสช. หลังข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้านบาท จากอธิบดีกรมการข้าว อ้างพบข้อพิรุธส่อทุจริตในโครงการของหน่วยงาน เผยคู่กรณีต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท แบ่งจ่ายเป็นงวด ก่อนถูกซ้อนแผนให้ ตำรวจ บก.ปปป.-ป.ป.ท.-ป.ป.ช. จับกุมพร้อมซองใส่เงิน 5 แสนบาทถึงบ้าน พบทั้งหมดแบ่งงานกันทำเป็นขบวนการตำรวจ บก.ปปป.สนธิกำลังหน่วยงานเกี่ยวข้องจับนักร้องเรียนคนดังคาบ้านพัก เปิดเผยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ม.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. นำโดย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. นำหมายเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาขบวนการนักร้องเรียนข่มขู่เรียกเงินจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียน หรือร้องเรียนเพื่อกลั่นแกล้งให้ถูกตรวจสอบสืบเนื่องจาก บก.ปปป. รับเรื่องร้องเรียนจากนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวชื่อดัง พร้อมด้วยเจ๋ง ดอกจิก-นายยศวริศ ชูกล่อม ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ 1 ในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี พร้อม น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ร่วมกันข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้านบาท ก่อนเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท แลกกับการยุติการร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนผลิตด้านการปลูกข้าวและโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว หลังทั้งหมดอ้างพบข้อพิรุธในโครงการที่ส่อไปในทางทุจริตทั้งนี้ นายณัฏฐกิตติ์มั่นใจที่ผ่านมาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต แต่ด้วยความที่เกรงหากถูกร้องเรียนโจมตีบ่อยครั้งจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงยอมจ่ายเงินก้อนแรก 1.4 แสนบาทให้ โดยนายณัฏฐกิตติ์แอบถ่ายคลิปวิดีโอระหว่างส่งมอบเงินไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำมามอบให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนพบหลักฐานผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีพฤติกรรมเรียกรับเงินจริง รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับนายศรีสุวรรณ-น.ส.พิมณัฏฐาในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด และออกหมายจับเจ๋ง ดอกจิก-นายยศวริศ ในความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากนั้นวางแผนให้ผู้เสียหายส่งมอบเงินงวดที่สองอีก 5 แสนบาทสำหรับเป้าหมายสำคัญเป็นบ้านเลขที่ 51/119-121 หมู่ 9 หมู่บ้านพฤกษา 17 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นบ้านของนายศรีสุวรรณ หลังจากผู้เสียหายส่งคนนำเงิน 5 แสนบาทไปส่งมอบให้กับภรรยาของนายศรีสุวรรณ กระทั่งมีการหยิบซองเงินเข้าไปภายในบ้านจริงจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม ระหว่างนั้นนายศรีสุวรรณไหวตัวพยายามวิ่งนำซองเงินไปโยนทิ้งข้างบ้าน ถูกชุดจับกุมวิ่งไล่ติดตามยึดกลับคืนมาได้ ก่อนแสดงหมายจับให้รับทราบ จากนั้นคุมตัวพร้อมพาตรวจค้นในบ้าน เพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังเตรียมเชิญภรรยาของนายศรีสุวรรณ ไปสอบปากคำเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่หลังการจับกุมตัวนายศรีสุวรรณไม่นาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์มาหา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อประสานติดต่อจะพาเจ๋ง ดอกจิก-นายยศวริศ กับ น.ส.พิมณัฏฐา สองผู้ต้องหาเข้ามอบตัว อยู่ระหว่างการเจรจานัดหมายสถานที่มอบตัว กระทั่งเวลา 16.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจ สน.ดุสิตเดินทางมาควบคุมตัวเจ๋ง ดอกจิก-นายยศวริศ และ น.ส.พิมณัฏฐา หลังมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกรณีตำรวจ บก.ปปป.จับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา ข่มขู่เรียกรับเงินเจ้าหน้าที่รัฐ แลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งไม่ถูกตรวจสอบ ตามข้อร้องเรียนของนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ไปทำบันทึกการจับกุมที่ สน.ดุสิต ก่อนส่งทั้งหมดไปดำเนินคดีที่ บก.ปปป. ระหว่างนั้นเจ๋ง ดอกจิก-นายยศวริศเปิดเผยว่ายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย มีหน้าที่ประสานให้นายศรีสุวรรณ เรื่องนี้ต้องคุยกัน ยืนยันชี้แจงได้ไม่มีปัญหาสำหรับพฤติกรรมของกลุ่ม “นักร้อง (เรียน)” กลุ่มนี้ เริ่มจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อประมาณปลายปี 66 ในลักษณะเตรียมเปิดโปงตรวจสอบ การทุจริตเงินงบประมาณต่างๆภายในกรมการข้าว ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จากนั้นจะนัดหมายเจรจา พูดคุยกับนายณัฏฐกิตติ์ ก่อนยื่นข้อเสนอเรียกเงิน 3 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติการร้องเรียน มีเจ๋ง ดอกจิก-นายยศวริศ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการตรวจสอบและมี น.ส.พิมณัฏฐาคอยเป็นผู้เจรจากดดันผู้เสียหายแม้ว่าตัวผู้เสียหายเองจะยืนยันและมั่นใจว่าตัวเองนั้น ไม่ได้ทุจริตเงินงบประมาณตามที่ถูกข่มขู่ แต่ด้วยความที่เกรงว่าหากไม่ยอมจ่ายเงินและปล่อยให้กลุ่ม ผู้ต้องหายื่นเรื่องร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ รวมถึง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในลักษณะสร้างความเสียหาย ต่อตนเองและองค์กรเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการบริหารงานภายใน จึงยอมจ่ายเงินงวดแรกให้ไป 1.4 แสนบาท นัดส่งมอบเงินกันที่บ้านของนายศรีสุวรรณโดยในวันรับเงินมีนายศรีสุวรรณ นายยศวริศ และ น.ส.พิมณัฏฐาเป็นผู้รับเงิน ทั้งนี้ ผู้เสียหายแอบถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้จะมีการจ่ายเงินงวดแรกให้ แต่กลุ่มผู้ต้องหายังคงโทรศัพท์มากดดันต่อเนื่องเพื่อให้นำเงินส่วนที่เหลือมาทยอยจ่ายให้ครบ ทำให้ผู้เสียหายตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องเรียน ต่อตำรวจ บก.ปปป. นำมาสู่การซ้อนแผนจับกุมดังกล่าว ที่ผ่านมามีผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกนาย ศรีสุวรรณกับพวกร้องเรียนให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เป็นจำนวนมากตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆบ่อยครั้งต่อมาเวลา 18.00 น. ตำรวจ บก.ปปป. คุมตัว นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หรือนักเคลื่อนไหวชื่อดัง และภรรยามาถึง บช.ก. เจ้าตัวมีสีหน้ายิ้มแย้ม ตอบคำถามเพียงสั้นๆว่าถูกกลั่นแกล้ง ยืนยันไม่ได้รับเงินและ “ขอให้เชื่อมั่นในตัวศรีสุวรรรณ” ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปยัง บก.ปปป. ที่ชั้น 16 เพื่อถูกสอบสวนจากนั้นไม่นาน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช เดินทางมาถึงพร้อมตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า เรื่องนี้ต้องว่าไปตามพยานหลักฐานแต่เชื่อว่าหลักฐานที่ตำรวจมีนั้นสามารถเอาผิดได้ ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า เจ๋งดอกจิก-นายยศวริศ เป็นสมาชิกพรรค รทสช. ต้องดูก่อนหากเขามีความผิดต้องให้ออก ตนไม่เอาอยู่แล้วถ้ามีพฤติการณ์ทำให้เสื่อมเสีย ไม่เหมาะสมก็ต้องให้ออกที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ค่ำวันเดียวกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 และ พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. แถลงสรุปผลการจับกุมครั้งนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า อธิบดีกรมการข้าวและภรรยามาร้องเรียนว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหารีดไถเงิน จึงรวบรวมหลักฐานพร้อมประสาน ป.ป.ท.และ ป.ป.ช.เปิดปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด คดีนี้ยืนยันมีความพยายามเจรจาและเรียกรับเงิน ต่อรองเงินเหลือครึ่งเดียวจาก 3 ล้านบาท เหลือ 1.5 ล้านบาท ขณะนี้จ่ายไปแล้ว 6.6 แสนบาท พร้อมเก็บหลักฐานทางไลน์ วิดีโอและอื่นๆ จนมีความชัดเจน ก่อนมาแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป.เมื่อตรวจสอบหลักฐานแล้วมีความน่าเชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันกระทำผิดจริง ประกอบกับหลักฐานที่ได้รับก็มีน้ำหนัก ซึ่งได้ใช้เวลารวบรวมหลักฐานมานานกว่า 4 เดือน จึงนำมาสู่การจับกุมครั้งนี้ หลังจากนี้จะเรียกสอบปากคำบุคคลเพิ่มเติมอีก 1 ราย การสืบสวนขณะนี้ยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง แต่พบว่ามีบัญชีม้า อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม เชื่อว่ามีผู้ช่วยเหลือในการรับเงินและผู้ต้องหายังอ้างไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณปฏิเสธข้อกล่าวหา อ้างว่ามีคนนำเงินมาให้ แต่ตนเองไม่ได้เป็นผู้เรียกรับ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์การทำงานของตนยังพบว่าขบวนการหาเงินเช่นนี้ มีทั้งคนร้องเรียน คนเคลียร์ บัญชีม้าและคนรับเงิน“ส่วนแผนการจับกุม หลังผู้เสียหายส่งมอบเงินด้วยการแขวนถุงใส่เงิน 5 แสนบาทไว้หน้าบ้าน ตำรวจยังเฝ้านานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนำหมายค้นเข้าบ้าน พบมีผู้วิ่งหลบหนีไปที่หลังบ้าน ส่วนนายศรีสุวรรณอยู่ในบ้าน พอถามว่าเงินอยู่ที่ใด เจ้าตัวพาเจ้าหน้าที่ไปหยิบเงินเอง ส่วนถุงใส่เงินไปพบว่าถูกทิ้งอยู่ข้างบ้าน ยืนยันว่าที่บ้านนายศรีสุวรรณ มีกล้องวงจรปิดทั้งหลัง เจ้าตัวรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวนายนิวัติชัยกล่าวว่า คดีนี้เกิดเมื่อต้นเดือน ม.ค. ผู้เสียหายร้องเรียนว่าเจ๋ง ดอกจิก-นายยศวริศ เป็นผู้ประสานงานกับนายศรีสุวรรณ และภรรยาเพื่อเรียกรับเงิน 3 ล้านบาท กล่าวหาว่าผู้ร้องทุจริตโครงการในกรมการข้าวหลายโครงการ มีงบประมาณหลักพันล้านบาท ก่อนผู้เสียหายจะต่อรองจนเหลือ 1.5 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดจึงแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป. กระทั่งรวบรวมหลักฐานออกหมายจับและวางแผนจับกุมที่บ้านพักนายศรีสุวรรณที่ จ.ปทุมธานี มีหลักฐานเจ้าตัวถือเงินและหลักฐานการติดต่อทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ สำหรับเจ๋งดอกจิกนั้นถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แม้จะไม่ใช่ผู้มีตำแหน่งทางการเมือง แต่สามารถดำเนินคดีได้และหากศาลสั่งฟ้องก็ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ก่อน จะให้ตอบว่าใครเป็นผู้ต้องหาหลักนั้นคงตอบไม่ได้ บอกได้แค่ผู้ต้องหาหลักคือเจ้าพนักงาน ส่วนพลเรือนที่ร่วมทำผิดคือผู้สนับสนุนเท่านั้นอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่