เชื่อมั่นว่า ชีวิต มี “ดวงดาวแห่งความโชคดี” นำทางให้พบความสุข มากกว่าทุกข์ แม้มีปัญหาบ้าง แต่สุดท้ายก็พบแสงสว่างทางออก ในวันเกิดอายุครบ 80 คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช หรือ Esther จึงเขียนหนังสือ Thank my Lucky Stars The Story of Esther’ Life เพื่อแบ่งปันเรื่องราว ที่คุณหญิงบอกว่าเพลิดเพลินชีวิตมา 80 ปี กับการเป็น Work hard, Play hard ตัวจริงซึ่งคนที่ได้อ่านบอกว่าทำให้เกิดแรงบันดาลใจมาก เรื่องหนึ่งคือ แม้เป็น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ของลูกชาย 3 คน ชยุส–ฆฤต–เจษฎา และ ดลิน ลูกสาวคนเดียวเหมือนคุณหญิง แต่ลูกๆไม่ขาดความอบอุ่น เพราะคุณพ่อยังมากินข้าวด้วย รับส่งลูกสาวไปโรงเรียน และมาพักกับลูกๆเวลาคุณแม่ไปต่างประเทศ นอกนั้นส่วนใหญ่ คุณหญิงจะหอบหิ้วลูกๆไปด้วยเสมอ และให้ลูกนั่งเครื่องบินชั้นประหยัดแถมยังท้ายเครื่อง ติดห้องน้ำ พอลูกบ่นที่ไม่ได้นั่งเฟิสต์คลาส บิสซิเนสเหมือนเพื่อน คุณแม่ก็บอกว่าไว้หาเงินได้เองแล้วค่อยนั่ง อีกเรื่องคือสุขภาพ ซึ่งคุณหญิงเลิกนับอายุตั้งแต่ขึ้นเลข 6 ไม่เคยคิดว่าตัวเองแก่ ไม่คิดเกษียณ เพราะมองว่ามีเรื่องสนุกให้ทำอีกมาก และใส่ใจกับเรื่อง กิน นอน ออกกำลัง โดยกินอาหารรสจืดมาตั้งแต่เด็ก ตอนไปเรียนออสเตรเลีย โรงเรียนเข้มงวดมาก ไม่ให้กินจุกจิก จึงติดนิสัย ทำให้ไม่เคยอ้วน เรื่องนอน ก็ไม่เคยมีปัญหาหลับยาก เพราะหลับลึกและยาว 7-9 ชั่วโมง และออกกำลังด้วยการเต้นรำแทนเทนนิส เพราะเคยมีอุบัติเหตุจนหมอห้ามต่อมาก็ต้องเลิกเต้นรำด้วย เพราะหมอห้ามบิดตัวมากๆ คุณหญิงจึงยอมรับว่า แม้ใจยังอยากสนุก แต่พออายุมากขึ้น ร่างกายย่อมถดถอยลง จึงเปลี่ยนไปพิลาทีส เดินลู่ เต้นซุมบ้า อาทิตย์ละ 4 วัน และหาวิธีทำจิตใจให้สดชื่น โดยเข้าหลักสูตรต่างๆ ซึ่งได้ความรู้และเที่ยวกับเพื่อนรุ่นน้อง เพราะเพื่อนวัยเดียวกันเลิกเที่ยวแล้ว--คุณหญิงยังเผยด้วยว่า 5 ปีหลัง ต้องผ่ามะเร็ง 2 ครั้ง แต่โชคดีมากที่ทั้ง 2 ครั้งอยู่ stage 1 จึงตัดออกไปหมด และแต่ละครั้งที่พบเหมือนมีอะไรมาสะกิดให้ไปตรวจ ทั้งที่ไม่มีอาการอะไร คุณหญิงเน้นว่าให้คิดว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข และหาสิ่งเติมความสดใส เรียนรู้เรื่องใหม่ๆเสมอ จิตใจก็จะไม่แก่ อย่าเก็บตัวเหี่ยวเฉาอยู่กับบ้าน ไม่งั้นจะซึมเศร้า ต้องมีสังคม แต่สำคัญตรง ต้องสูงวัยอย่างมีคุณภาพ วางตัวให้เหมาะสมพอดี รู้ว่าทำอะไรได้ที่ไม่เกินขีดจำกัดของร่างกาย และที่ถูกถามมาตั้งแต่เล็กจนโตคือ การเป็นลูกสาวคุณชิน โสภณพนิช ชีวิตคงโรยด้วยกลีบกุหลาบใช่ไหม ซึ่งคุณหญิงบอกว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเทียบกับคนอื่น นับว่าเกิดมาบนความสุขสบาย จากที่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมา แต่ในอีกมุม ก็ต้องต่อสู้กับหลายอย่าง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งความโชคดีอย่างที่สุดคือ การมีครอบครัวอบอุ่น ที่รักและเข้าใจ จนหล่อหลอม บ่มเพาะให้เป็น คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช อย่างทุกวันนี้ ซึ่งมีทุกรสชาติ ทั้งการเป็น นักเรียน-นักศึกษานักลุยในออสเตรเลีย วัยว้าวุ่นในยุโรป โบกรถเที่ยว จนเหลือเงินแค่ 2 ปอนด์ไม่พอจ่ายค่ารถไฟ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสายสตรอง เป็น “เจ้าแม่ตาวิเศษ” ที่ริเริ่มเปลี่ยนโลกให้สะอาด น่าอยู่ รักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยคำว่า “อ๊ะ อ๊ะ อย่าทิ้งขยะ ตาวิเศษเห็นนะ” เป็นนักธุรกิจ กรรมการมูลนิธิชิน โสภณพนิช ผู้ก่อตั้งโครงการดาวเด่นบัวหลวง เป็นวุฒิสมาชิก เป็นนักกีฬาบริดจ์ทีมชาติไทย ซึ่งได้เหรียญทองซีเกมส์ 2011 และเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2018 เป็นผู้เข้าอบรมหลักสูตรต่างๆที่อายุแถวหน้า แต่แอ็กทีฟมาก อายุ 79 ยังไปเดินเขากับเพื่อนร่วมรุ่นน้องได้--และยังจะทำ จะเป็น อะไรอีกมากมาย เพราะทุกวันนี้ มีความสุขอยู่กับการได้ทำกิจกรรมที่ชอบ เน้นที่สบายใจ อยู่กับเพื่อนๆและครอบครัวที่รัก โดยทำตัวให้สนุกสดใสอยู่เสมอ ทำใจให้สงบ และมองโลกในแง่บวก.โสมชบาคลิกอ่านคอลัมน์ “ของว่างวันอาทิตย์” เพิ่มเติม