พระราชลัญจกรของรัชกาลที่ 1 ส.พลายน้อย อธิบายไว้ในสารานุกรมวัฒนธรรมไทย (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พ.ศ.2553) ว่า ทำเป็นสององค์ องค์หนึ่งเป็นรูปอุณาโลม ตั้งอยู่บนบุษบกพิมาน อีกองค์เป็นรูปบุษบกเหนือหลังเอราวัณและเครื่องหมายหน้าหมวกทหารตำรวจ ก่อน พ.ศ.2475 ก็ทำเป็นรูปอุณาโลมในกรอบบัว เรียกปทุมอุณาโลมคำอุณาโลม แปลตามตัว ขนหว่างคิ้ว ขนนี้วนเป็นก้นหอยจึงได้เขียนขดเป็นวง ปลายเป็นแหลนแหลมขึ้นไปตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า พระพุทธเจ้ามีขนอุณาโลม ดังปรากฏที่พระนลาฏพระพุทธรูปขนาดใหญ่ดังนั้นคติชาวพุทธจึงนับถืออุณาโลม เชื่อกันว่าเมื่อนำมาใช้ประกอบยันต์หรืออักขระใดๆแล้ว จะทำให้ยันต์หรืออักขระนั้นศักดิ์สิทธิ์ มีตัวอย่างที่คนนิยมสักเป็นรูปที่เรียก เฆาะงอกันงู(พระมหาอุตม์วัดทองของหลวงพ่อทับ นักเลงพระเครื่องรู้จักยันต์ “เฑาะหลังเฒ่า” ที่คล้ายๆกัน)ที่เรียกเฆาะงอกันงู เนื่องมาจากตัว ง.ที่อ่านกันว่า ง.งู และรูปอุณาโลมที่ขดคล้ายงู แต่ผู้รู้บางท่านว่า ลายสักนั้นอ่านว่า “คง” ตรงกับคำว่าอยู่ยงคงกระพันเหตุที่เรียกอุณาโลม อายัณโฆษ นักโหราศาสตร์โบราณคดี แปรรูปมาจากอักษรขอมที่อ่านว่า “อุ” ถ้าเขียน “อุ” ลงในรูปใบเสมา แล้วจับรูปเสมาเอาห้อยลง เหมือนคนชอบห้อยเสมาทั่วไปว่าตัว “อุ” นั้นกลับหัวเมื่อช่างจัดรูปให้งดงาม จัดหยักให้ได้จังหวะดูสวยงามขึ้น ตัว “อุ” นั้น ก็จะคล้ายอุณาโลมทางพุทธศาสนามีเรื่องเกร็ดเกี่ยวกับตัวอุ เล่าสืบกันมา ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนไว้...เมื่อครั้งกองทัพไทยไปรบกับพม่าที่ลาดหญ้า ครั้งพระเจ้าปดุงกรีฑาทัพใหญ่มาตีไทย เมื่อปี พ.ศ.2328ทหารไทยที่ไปในกองทัพ ต่างก็ขนเอาเครื่องรางของขลังต่างๆ ติดตัวไป ต่างคุยอวดอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์ ถกเถียงกัน ของใครจะแน่กว่าใคร จวนเจียนจะเกิดการลองของกันขึ้นสถานการณ์นั้น อาจเกิดพลาดพลั้งถึงเลือดตกยางออก และอาจถึงตาย ก็จะทำให้ทหารในกองทัพเสียขวัญระส่ำระสายรัชกาลที่ 1 จึงโปรดให้มีหมายประกาศไปทั้งกองทัพ ใครมีเครื่องรางของขลังติดตัวมาขอให้โยนทิ้งเสียทั้งหมดแต่ทหารก็อย่าเสียขวัญ เพราะจะทรงแจกของดีวิเศษชนิดยอดเยี่ยมให้ใหม่ ซึ่งแน่ใจว่าจะต้องขลังกว่าของเก่าๆที่คาถาอาจจะเสื่อมแล้วม.ร.ว.คึกฤทธิ์เล่าว่า ความจริงแล้ว รัชกาลที่ 1 ท่านไม่ได้เตรียมเครื่องรางของขลังอะไรไว้ แต่เมื่อทรงประกาศไปแล้วว่าจะแจกก็ต้องแจก ทรงหารือกับสมเด็จพระอนุชาธิราช (วังหน้า แล้วสองพระองค์ก็ช่วยกันเขียนอักษรขอม “อุ” หรืออุณาโลม ลงบนผืนผ้าจำนวนมากเขียนเสร็จ ถึงฤกษ์งามยามดี ก็ทรงช่วยกันอธิษฐานจิต แล้วจึงทรงแจกให้ทหารอ่านเรื่องที่อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ เขียนจบ ผมเปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ฉบับ พ.ศ.2525 เจอคำอธิบายคำว่า “ประเจียด” ไว้ว่า ผ้าลงเลขยันต์ ถือกันว่าเป็นเครื่องป้องกันอันตรายได้ ใช้เป็นผู้ผูกคอ หรือผูกต้นแขนก็น่าจะพอเดาเอาได้...“ผ้าประเจียด” ที่เกจิอาจารย์รุ่นต่อๆมา นิยมทำแจกศิษย์นำติดไปใช้ติดตัว คงดำเนินรอยตามตำรับผ้าลงยันต์ ที่วังหลวง) และวังหน้า ทรงช่วยกันทำแจกทหาร ในสถานการณ์ครั้งที่เรียก สงครามลาดหญ้านั่นปะไรงานแจกผ้าประเจียด...สมัย ร.1 ท่านทำเพื่อปลุกใจทหารให้ฮึกเหิม...ในสถานการณ์สงครามส่วนงานสมัยไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อท่านผู้นำตั้งใจจะแจกเงินก้นกระเป๋าให้คนละหมื่น...ก็คืองานท่านผู้นำ ท่านจะปลอบใจ โธ่เอ๋ย! คนไทยเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งโรคภัย ทั้งข้าวยากหมากแพง ยอบแยบมานานเต็มที.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม