“การเจ็บป่วยไข้ไม่สบายในสิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจทั้งสัตว์ รวมถึงคนมนุษย์เรา ย่อมจักเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติหนึ่งของชีวิตที่เกิดขึ้น...มีมาตั้งแต่ครั้งอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน”เฉลิมพล พลมุข รองประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ บอกอีกว่า การป่วยไข้ก็มีเหตุอันเนื่องมาจากเหตุปัจจัยหลากหลายประการ อาทิ กรรมพันธุ์ การรับสารพิษ อุบัติเหตุ สงคราม สิ่งแวดล้อม เชื้อโรคต่างๆเชื้อโรค “HIV+” เอชไอวี...ก่อกำเนิดเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 (ค.ศ.1915-1941) นักวิจัยด้านเอชไอวีเชื่อว่า...เชื้อไวรัสมาจากภูมิคุ้มกันเสื่อมที่ก่อเกิดจากลิง...“เอดส์” หรือ “อาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง” เป็นโรคของ ระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส และการเกิดเนื้องอกบางชนิด“เชื้อไวรัสนี้ติดต่อผ่านการสัมผัสของเยื่อเมือก การมีเพศสัมพันธ์ การรับเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน จากมารดาสู่ทารก ในช่วงแรกของการระบาดได้สร้างความตื่นตระหนกกลัวในแวดวงสาธารณสุข...การแพทย์ต้องปรับการดูแลรักษา การป้องกันทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตเขาเหล่านั้น” องค์การอนามัยโลกประมาณการผู้ติดเชื้อเอชไอวีปี 2552 มีผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ 33.3 ล้านคนทั่วโลก โดยแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 2.6 ล้านคน...มีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ปีละ 1.8 ล้านคน อีกข้อมูลหนึ่ง UNAIDS ได้ระบุถึงพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว 60 ล้านคน เสียชีวิต 25 ล้านคน โดยเฉพาะเด็กในแอฟริกาใต้......มีเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตถึง 14 ล้านคนเหลียวมอง “เมืองไทย” บ้านเราพบผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยครั้งแรก ในปี พ.ศ.2527 ในครั้งนั้นแวดวงทางการแพทย์ ประชาชนชาวบ้านทั่วไป ยังมิได้มีการเตรียมการหรือตั้งรับกับการป่วยด้วยโรคร้ายนี้การตื่นตระหนกกลัว ปฏิเสธ รังเกียจ รวมทั้งการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยก็เกิดวิกฤติในด้านความสัมพันธ์ของครอบครัว ชุมชน ข่าวที่ถูกนำเสนอในสื่อต่างๆในช่วงนั้นก็คือ การนำผู้ป่วยไปทิ้งตามถนนหนทาง วัด หรือสถานที่อื่นๆที่ผู้คนทั่วไปจะให้การช่วยเหลือได้“รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเอดส์เป็นวาระแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการเอดส์ชาติโดยตำแหน่งในการแก้ปัญหาเอดส์ทั้งระดับนโยบาย งบประมาณ แผนปฏิบัติราชการ ทั้งระบบการดูแล รักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ งานสร้างทัศนคติการอยู่ร่วมกันทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน” งานสัมมนาเอดส์ระดับชาติได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้เข้าร่วมมีทั้งแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา ระบาดวิทยา ไวรัสวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักบวชในศาสนาต่างๆ รวมทั้งบุคลากรที่ต้องทำงานร่วมกันสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ในสังคมไทยเราผ่านกาลเวลามาเกือบ 40 ปี วันเวลานี้สังคมไทยเราและสังคมโลกก็ยังคงมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์อย่างเสมอมาเพียงแต่ว่าข่าวหรือข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับการเจ็บป่วยดังกล่าวรวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเหล่านั้น ถูกละเลยไปด้วยกระแสอื่นๆของสังคมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อาชญากรรมรายวัน จนกระทั่งเราๆท่านๆ จะได้ยินหรือได้ฟังอีกครั้งก็ถึง “วันเอดส์โลก 1 ธันวาคม” ของทุกๆปี“วัดพระบาทน้ำพุ” เปิดรับดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 การทำงานที่ผ่านมา 31 ปี มีเรื่องราวปัญหาอุปสรรคนานัปการ สิ่งหนึ่งที่คนไทยทั้งประเทศต่างเชื่อมั่นก็คือความมั่นคงศรัทธา แน่วแน่ต่อการทำงานเพื่อคุณภาพชีวิตเขาเหล่านั้น รวมถึงสภาพปัญหาที่พ่วงมาด้วยก็คือญาติพี่น้องของผู้ป่วย“ผู้สูงอายุคนชรา คนพิการแขนขาตาหู สุนัข แมว วัวควาย การ ขอความอนุเคราะห์จากทางวัดทั้งผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการทั้งภายในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียง... กุฏิพระสงฆ์ที่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี หอผู้ป่วยเอดส์รวม บ้านพักผู้ติดเชื้อ ห้องน้ำรวม อาคารใช้สอยส่วนรวมชำรุดทรุดโทรมจากปัญหาลิงที่อพยพย้ายถิ่นเข้าไปในวัดพระบาทน้ำพุ”เคาะตัวเลขผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ในวันนี้ ปี 2565 พบว่ามีผู้ติดเชื้อที่มีชีวิตอยู่ 561,578 คน กำลังรับยาต้านไวรัส 457,113 คน เสียชีวิต จากเป็นผู้ป่วยเอดส์ 10,972 คน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,230 คนอีกข้อมูลน่าสนใจ พบว่าการรับเชื้อจากเพศสัมพันธ์ชายกับชายอยู่ที่ 68% พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 15 จังหวัดถึง 60% พบเยาวชนอายุ 15-24 ปี เป็นโรคซิฟิลิส 59 ต่อประชากรแสนคน โรคหนองใน 41.9 ต่อประชากรแสนคน...เกินกว่าเป้าหมายปี พ.ศ.2573 ที่กำหนดในโรคดังกล่าวไม่เกิน 1 ต่อประชากรแสนคน เฉลิมพล บอกว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีกว่าสี่แสนคนทั่วเมืองไทยเราต้องรับยาต้านไวรัสที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต้องรับผิดชอบงบประมาณปี พ.ศ.2566 เป็นเงิน 3,978,478 ล้านบาท ในบริการการรักษา ป้องกัน การตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ รวมถึงการบริการต่างๆที่เกี่ยวข้องผู้ติดเชื้อยังคงต้องเข้ารับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องมาเป็นเวลามากกว่าสองทศวรรษ พวกเขาเหล่านั้นเป็นกำลังแรงงานสำคัญของชาติ ผู้นำของรัฐบาลได้มองเห็นถึงชีวิตของเขาเหล่านั้นด้วยหรือไม่?ประสบการณ์อยู่ในแวดวงของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์เกือบสี่ทศวรรษได้พบเห็นข้อเท็จจริงในมิติของผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ งานบริการ ทางการแพทย์ รัฐธรรมนูญของประเทศ กฎหมายระเบียบข้อบังคับหลักที่ต้องใช้กับการบริการชีวิตเขาเหล่านั้น นับรวมไปถึง...ทัศนคติของประชาชนชาวบ้านกับผู้ติดเชื้อองค์กรเอกชนที่ทำงานด้านเอดส์ ความไม่เท่าเทียม การเลือกปฏิบัติ การละเมิดสิทธิ การละเมิดข้อกฎหมาย จริยธรรมในการวิจัยด้านเอดส์ รวมถึงการตายของผู้ป่วยเอดส์ที่ไร้การดูแลแม้กระทั่งหลังความตาย คำถามสำคัญมีว่า...อะไร? สิ่งใด? ที่เรียกว่า “คุณภาพชีวิต” ที่ดี ในชีวิตขอฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดนี้...สภาพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วย เอดส์ในสังคมไทยเรา ยังคงมีปัญหาที่สลับซับซ้อนหลากหลายมิติ ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือชีวิตเขาเหล่านั้นทั้งประเทศต้องรับยาต้านไวรัสตลอดชีวิต หลายคนสภาพร่างกายแข็งแรงแต่ยังคงได้รับการปฏิเสธการอยู่ร่วมกันกับครอบครัว ชุมชนสังคมเด็กเล็กๆที่เกิดจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีต้องการการเลี้ยงดู ให้การศึกษา ระบบการเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเขาเหล่านั้นมีความจำเป็นมิได้ต่างจากผู้คนปกติทั่วไป รัฐเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นอย่างเท่าเทียมหรือไม่ พวกเรายังคงเฝ้าติดตามนโยบายที่นำไปสู่การทำงานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี อาทิ รัฐมีความจริงจังหรือจริงใจต่อเขาเหล่านั้นหรือไม่ โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่เด็กเยาวชนผู้ติดเชื้อเอชไอวีกำลังศึกษาเล่าเรียนเขาเหล่านั้นมีคุณภาพอยู่ในระดับดีเฉกเช่นเด็กเยาวชนทั่วไปหรือไม่...การตีตรา ปฏิเสธ เลือกปฏิบัติในบริบทต่างๆเหล่านี้คือสภาพปัญหาที่มีมาอย่างต่อเนื่อง มิอาจจักรวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่หลากหลายสลับซับซ้อนต่อการกลายเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ รัฐมีความพร้อมเฝ้าระวัง รณรงค์ในการป้องกันดีแล้วหรือไม่...อย่างไรทุกๆวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้จัดให้เป็นวันเอดส์โลกในปีนี้ กำหนดหลักการในการรณรงค์ให้ความรู้นำไปสู่การปฏิบัติ “ทุกภาคส่วน ร่วมกัน ยุติเอดส์ : Let Communities Lead”โดยมีเป้าหมายปี 2573 “ผู้ติดเชื้อรายใหม่”...ปีละไม่เกิน 1,000 ราย “เสียชีวิต”...ปีละไม่เกิน 4,000 ราย ลดการตีตรา เลือกปฏิบัติ และเพศภาวะลงปีละไม่เกินร้อยละ 10 โดยรณรงค์ในการพกถุงยางอนามัยตรวจหาเชื้อเอชไอวี หากเป็นผู้ติดเชื้อรีบเข้ารักษากินยาต้านไวรัส...“เอดส์”...ยังไม่หมดไปจากโลกนี้ ยังมีความเสี่ยงและอันตรายอยู่รอบตัวเราทุกๆคน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม