เมื่อวานนี้ผมหยิบข่าวฮิตจากโซเชียลมีเดียว่าด้วยการทุบตึกเก่าแก่ย่าน “สามแยกหมอมี” หรือบ้างก็เรียก “สามแยกเฉลิมบุรี” ก่อนเข้าสู่เยาวราช จนเป็นเหตุให้ร้านของกินโด่งดัง 2 ร้านจะต้องแยกย้ายไปจากที่เดิมขณะเดียวกัน ผมก็ทิ้งท้ายไว้ว่า จะนำ “ตำนาน” ของ 2 ร้านเก่าแก่นี้มาเขียนให้ท่านผู้อ่านรุ่นหลังๆได้รับรู้รับทราบ และเพื่อบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งของเกร็ดประวัติศาสตร์วันนี้เรามาเริ่มที่ร้านแรก “ลอดช่องสิงคโปร์” ตัวจริงเสียงจริงเจ้าแรกของประเทศไทยกันเลยนะครับเป็นที่ทราบแล้วว่า “ลอดช่อง” เป็นของหวานสุดอร่อยที่คนไทยชอบรับประทานมาแต่โบราณกาลโน่นแล้ว...แต่เป็นลอดช่องดั้งเดิมที่ทำมาจาก “ข้าวเจ้า” ตัวเส้นอ้วนๆสั้นๆนำไปรับประทานกับนํ้ากะทิจนบางครั้งจะเรียกกันติดปากว่า “ลอดช่องนํ้ากะทิ”ต่อมาเมื่อประมาณ 80 กว่าปีที่แล้ว ได้มีการก่อสร้างโรงภาพยนตร์ขึ้นโรงหนึ่ง ณ บริเวณสามแยกก่อนเข้าสู่เยาวราชดังกล่าวนี้ พร้อมกับตั้งชื่อว่า “โรงหนังสิงคโปร์” (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น เฉลิมบุรี)ณ บริเวณตึกแถวหน้าโรงหนังสิงคโปร์นั้นเอง ได้มีชาวจีนคนหนึ่งมาเปิดขาย “ลอดช่อง” ในสไตล์ใหม่ขึ้น...มิใช่ทำมาจาก “ข้าวเจ้า” แต่ ทำจาก “แป้งมันสำปะหลัง” รสชาติแตกต่างจากลอดช่องตำรับเดิมปรากฏว่ากลายเป็นลอดช่องที่ถูกปากคนไทยยุคโน้น จนถึงขั้นแห่กันมากินก่อนดูหนัง หรือดูหนังจบแล้วก็ซื้อใส่กระป๋องนมกลับบ้านชาวกรุงยุคนั้นจะเรียกลอดช่องสไตล์ใหม่นี้ว่า “ลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์” ตามตำแหน่งที่ตั้งของร้านขายร้านแรกเรียกกันไปนานๆเข้า คำว่า “หน้าโรงหนัง” ก็หายไปเหลือแต่ “ลอดช่องสิงคโปร์” เฉยๆ และมีการนำสูตรไปเผยแพร่ จัดทำขายในสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อเรียกนี้จนกระทั่งมาถึงปี 2510 โดยประมาณ กีฬาฟุตบอลได้กลายเป็นกีฬาท็อปฮิตที่สุดของประเทศไทย และได้มีการเชื้อเชิญทีมฟุตบอลจากชาติเพื่อนบ้านมาเตะกับทีมชาติไทยในศึกต่างๆไม่ว่าจะเป็นเอเชียนเกมส์, ซีเกมส์ หรือ “ฟุตบอลคิงส์คัพ” ที่จัดขึ้นเพื่อชิงถ้วยพระราชทาน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ของในหลวงรัชกาลที่ 9เพื่อให้การเขียนข่าวกีฬาฟุตบอลเป็นที่เร้าใจผู้อ่านมากยิ่งขึ้น ฝ่ายข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ต่างๆ จึงช่วยกันตั้งฉายาให้แก่หลายๆทีมที่มาแข่งเป็นประจำในบ้านเราเช่น ทีม เวียดนาม มักจะเรียกกันว่า “นักเตะสกุลเหงียน” ตาม ชื่อสกุลของชาวเวียดนาม ที่มักจะเริ่มด้วย “เหงียน” เป็นส่วนมากทีม อินโดนีเซีย เราจะเรียกว่า นักเตะอิเหนา ตามราชนิพนธ์เรื่อง “อิเหนา” ที่ถือกำเนิดจากอินโดนีเซีย...และที่โก้มากก็คือ ทีม พม่า (ซึ่งยุคนั้นยังไม่มีคำว่าเมียนมา) ได้รับฉายาว่า “นักเตะหงสาวดี” ตามชื่อเมืองเอกในวรรณกรรมเรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” ของ ยาขอบ โน่นเลยมาเลเซีย ใช้ “เสือ” เป็นสัญลักษณ์อยู่แล้ว ประกอบกับนักเตะจะสวมชุดเหลืองเป็นประจำ...เราก็ตั้งฉายาให้ว่า “นักเตะเสือเหลือง”ครั้นมาถึง สิงคโปร์ ไม่ทราบว่าฉบับไหนเรียกขึ้นก่อนว่า นักเตะ เมืองลอดช่อง ซึ่งก็ฮิตทันที เรียกตามทุกฉบับ (รวมทั้งผมที่ไปช่วย ทำข่าวกีฬาด้วย) เพราะนึกไปถึง ลอดช่องสิงคโปร์ ที่สามแยกหมอมีฉายา “นักเตะเมืองลอดช่อง” ฮิตมาก จนทำให้เข้าใจกันไปว่า สิงคโปร์คือประเทศเจ้าตำรับลอดช่องในสไตล์นี้ต่อมาอีกหลายปีก็มีผู้รู้เขียนมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปว่า “ลอดช่องสิงคโปร์” เกิดขึ้นได้อย่างไรในประเทศไทย...ฝ่ายข่าวกีฬาทั้งหลาย เมื่อทราบแล้วก็ค่อยๆเลิกเรียกทีมสิงคโปร์ว่าทีมลอดช่องไปในที่สุดร้าน “ลอดช่อง (หน้าโรงหนัง) สิงคโปร์” เขาจะเปิดถึงวันที่ 6 ธันวาคมนี้เป็นวันสุดท้าย จากนั้นก็จะปิดร้านเดิมไปเปิดร้านใหม่ใครจะไปรำลึกความหลังก็เชิญนะครับ ร้านเก่าบรรยากาศเก่าๆต่อไปก็จะเหลือเพียงตำนานในความทรงจำเท่านั้น แต่อย่าไป “จำ” ตำนานในช่วงที่พวกผมฝ่ายข่าวกีฬาตั้งฉายาผิดๆให้ประเทศสิงคโปร์นะครับ เพราะสิงคโปร์ไม่ใช่เมืองลอดช่อง และลอดช่องสิงคโปร์ก็เกิดขึ้นในเมืองไทยนี่เอง ไม่ได้มาจากสิงคโปร์!“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม