ชวนอมยิ้มฟินไปทุกจุด ปังจนฉุดไม่อยู่!! กับละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ “พรหมลิขิต” ทางช่อง 3 ภาคต่อของละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ที่กำลังกวาดเรตติ้งพุ่งแรงขึ้นเรื่อยๆและมียอดดูสดออนไลน์ทะลุ 1 ล้านคน ปลุกโมเมนต์มหัศจรรย์ของคู่พระนางฮอต โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และเบลล่า-ราณี แคมเปน ที่เคมีของพ่อริด กับพุดตาน โดนใจ แล้วยังฟินยิ้มไปกับพ่อเดช และคุณหญิงการะเกด มัดใจเหล่าออเจ้าทั้งแผ่นดินอยู่หมัด งานนี้ “โป๊ป-ธนวรรธน์” มานั่งเปิดใจสุดเอกซ์คลูซีฟกับการทำงานในละคร “พรหมลิขิต” และชีวิตของ “โป๊ป” วันนี้เริ่มจากความปังของละคร “พรหมลิขิต” จนถึงตอนนี้“ตั้งแต่ตอนแรก ทุกคนในช่อง นักแสดงเองก็แปลกใจก็ไม่คิดว่าเรตติ้งจะสูง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คนดูเค้าดูอะไรกันบ้าง มันเซอร์ไพรส์ว่าโอ้โห ดีใจ มันก็ดีใจอยู่แล้วแต่ตัวผมไม่ได้ตื่นเต้นมากขนาดนั้นเพราะว่าเป็นที่คนเล่นละคร รอดูผลงานตัวเองทุกเรื่องอยู่แล้ว อยากเห็นหน้าตัวเองว่าแฝดเป็นยังไง ตัดต่อออกมาแบบไหน”ความเป็น โป๊ป-เบลล่ายังมัดใจคนดูถ่ายทอดบทบาทดีเยี่ยม? “เรารู้ว่าตัวเองทำงานยังไงมาตั้งแต่แรกๆ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเรียนการแสดงจนได้ทำงานจริงๆจนถึงทุกวันนี้ เราสนุกกับการทำงาน รู้เครื่องมือในการทำงานของตัวเอง ผมเชื่อว่าเบลก็เหมือนผม พอมารวมกันมันก็ทำงานด้วยความเอาใจเข้าไปทำงาน ผลลัพธ์ออกมาอย่างที่เห็น มันเชื่อไปแล้วไงว่าอย่างเล่นเป็นสามีภรรยาก็คือมันเป็นผัวเมียกันมานานแล้ว หรือพอเข้ากับริดกับพุดตานก็จะเป็นเคมีตามบทบาท ก่อนเล่นผมไม่เคยคุยนัดแนะกับเบล เบลก็ไม่เคยคุยกับผมว่าพี่โป๊ปเล่นอย่างนั้นอย่างนี้ เข้าฉากก็เล่นกันเลยตรงหน้า ซึ่ง 6-7 ปีที่ทำงานกันมาเราก็ทำอย่างนี้ เบลก็ทำงานเป็นนักแสดงที่มีความเป็นมืออาชีพ มันจะดูกันออกว่าเค้าเล่นถึงมั้ย เล่นแล้วเราไม่ต้องใช้จินตนาการเยอะ ตั้งแต่ตอนบุพเพฯเนี่ยแทบจะไม่ต้องเล่นเพราะเบลเล่นน่ารัก เราเล่นแค่ความรู้สึก”อารมณ์เคมีของโป๊ป-เบลล่าในเรื่องนี้? “ริดกับพุดตานไม่ได้จิ้นฟินจิกหมอน แต่มันค่อยๆซึมเข้าหากัน โรแมนติกแน่นอนแต่ไม่เหมือนกับพี่หมื่นกับการะเกด สองคนนั้นเค้าเป็นเหมือนน้ำกับน้ำทั้งคู่อันนี้อารมณ์เป็นไฟกับไฟ เลิฟซีนก็เยอะนะ รุ่นพ่อกับแม่มาโล้สำเภาตอนสุดท้ายแต่ว่าเรื่องนี้มันมีมาเรื่อยๆได้อีกอารมณ์นึงแน่นอนครับ” กับทั้ง 3 บทบาทของ “โป๊ป” ทั้งพ่อเดช ริด เรือง คนดูชื่นชอบและชมว่าเล่นได้แยกกันชัดเจน?“ตอนแรกก็กลัวคนจะไม่เชื่อรึเปล่า หรือดูแล้วจะรู้สึกยังไงเพราะหน้าเราก็เป็นหน้าเรา แต่คนดูส่วนใหญ่พูดว่าดูแตกต่างนะ บางคนอาจจะแซวว่าหน้าเหมือนกันเปลี่ยนแค่ทรงผม มีหลายมุมมอง คือสรุปแล้วเราก็ทำให้คนบันเทิง ทำให้คนมีความสุข เราก็คิดแค่นั้น ในหน้าที่ของเราเราทำจบไปแล้ว”แฟนๆกรี๊ดทั้ง 3 ตัวของโป๊ป เลือกไม่ถูกว่าจะอยู่ด้อมไหน? “(หัวเราะ) ได้หมดเลย แต่ในกองถ่ายชอบแซวกันตอนเปลี่ยนชุดมาเป็นเรือง คนจะชอบเรืองเยอะ ช่างหน้าช่างผมก็กรี๊ด หูย เรืองหล่อมาก เราก็คิดว่าก็หน้าเดิมมั้ย (ยิ้ม) พอเปลี่ยนมาถ่ายเป็นริดอะ เงียบเฉย (หัวเราะ) ก็จะแซวว่าริดก็พระเอกนะ ไม่หล่อตรงไหน ก็เฮฮากันไป”ดีไซน์เข้าถึงในแต่ละตัวละครยังไง? “เข้าไปยังไงใช่มั้ย มันเริ่มตั้งแต่การเตรียมงาน ก็ต้องเข้าไปหาครูสอนการแสดงแล้วก็ตีความกันว่าคนนี้เป็นคนแบบไหน ต้องปูพื้นฐานของ 3 ตัวละครตั้งแต่แรก มีการอ่านบทของตัวละครใน 5 ตอนแรกเพื่อตีความคร่าวๆ ก็เตรียมตัวเยอะ รวมถึงตัวเองด้วยก็ต้องอ่านบทตีความให้ละเอียดอีกทีนึง พี่หมื่นตัวพ่อ ตอนแรกอาจจะเป็นคนหยิ่งๆขรึมๆแต่พอมีครอบครัวแล้วก็ตีความว่าประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น มีครอบครัวมีความสุข ลูกมีงานที่ดี เมียก็ดี พอมีความสุขความคิดหรือคำพูดในหัว คำมันก็ต้องเปลี่ยนไป ริดนี่ไม่ต้องพูดถึงนี่คือแม่เลย ลั้นลาทุกอย่าง คลั่งรักพุดตาน ปากแข็งแต่ชอบเค้า เป็นคุณหนู ขี้งอน ส่วนเรืองก็จะสุขุม ไม่ค่อยพูดแต่ว่าก็ไม่ได้เป็นคนหม่นหมอง พอพูดทีก็มีความรู้ ฉลาด”เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ การถ่ายทำสลับตัวละครในเวลาจำกัด เรียกว่าสุดโหด สำหรับ “โป๊ป”?“คือจะให้แยกเล่นทีละตัวไม่มีอะไรหนักแต่คราวนี้มันหนักตรงที่บางทีเราอยู่กับริดนาน เป็นตัวนำของเรื่อง เราเป็นริดทุกวัน แต่บางทีต้องมาเปลี่ยนเป็นพ่อ แล้วเราติดกล้ามเนื้อ มุมปาก ติดสปีชของริด บางทีลูกเล่นลั้นลาแต่พ่อกำลังทุกข์เรื่องลูก มันไม่เชื่อมกันเลย นี่แหละต้องมีสมาธิชั้นยอดโคตรของโคตรชั้นยอด แล้วสิ่งที่เหมือนกันคือทั้ง 3 คนไม่มีใครร้าย ทุกคนอยู่ในครอบครัวที่ดี อบอุ่น สอนมาดีหมด ตรงนี้แหละที่ยาก เพราะว่าอย่างเล่นแฝดทั่วๆไปก็จะร้ายหรือดีชัดเจน แต่ทุกคนดีหมดแล้วอะไรที่ต่างกันล่ะ อันนี้คือโหดสำหรับการเปลี่ยนคาแรกเตอร์ในเวลา 15 นาที ที่ทุกคนรอเต็มไปหมดเลย เสื้อผ้า ทีมไฟนั่งรอเรา เราก็ต้องเข้าใจคนอื่น เค้าก็เหนื่อยเหมือนเรา อันนี้คือความยาก ไม่ได้ว่าคาแรกเตอร์ยากแต่จะทำยังไงให้กลับมาได้เร็ว แล้วก็ตัดเรื่องความแบบไม่ไหวแล้วโว้ยในหัวออก ต้องใช้ประสบการณ์การแสดงจริงๆ สติ สมาธิ ปัญญารวมมาหมดทุกอย่าง เราผ่านมาได้เพราะเราเข้าใจว่าในการทำงานก็ต้องทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดีและเร็วที่สุด ต้องถ่ายเก็บโลเกชันในเวลาที่จำกัด”มองย้อนไปตอนถ่ายทำก็ถือว่าตัวเราใช้สมาธิได้ดีจริงๆ? “คิดว่าก็น่าจะเป็นเพราะสมาธิแน่วแน่ดีถึงรอดพ้นผ่านมาได้” ใน 3 ตัวละคร ใครมีความใกล้เคียง “โป๊ป”ที่สุด?“น่าจะริดใกล้เคียงสุด เอาจริงๆพี่หมื่นน่ะแทบจะไม่เหมือนตัวเองเท่าไหร่แต่คนคิดว่าพี่หมื่นเหมือนเพราะคนคิดว่าเป็นแบบคุณชายจุฑาเทพ บทแรกๆที่ทำให้คนจำได้คนก็คิดว่าเราเป็นอย่างนั้นยาว จริงๆเราน่าจะเหมือนริดมากกว่า ริดก็มีทุกมุมนอกจากลั้นลา ก็มีมุมเศร้ามีมุมอะไรแต่มุมที่คล้ายกับเราคงเป็นตรงที่เป็นคนรู้สึกยังไงก็พูด อยากกวนก็กวนเลย จริงจังก็จริงจัง เหมือนตัวเราที่นิ่งก็นิ่งได้ กวนก็กวนได้ในกอง ทำให้คนอื่นหัวเราะกัน”ถ้าเหมือนริดแล้วเวลาเข้าหาสาวๆ ในชีวิตจริงล่ะเหมือนริดมั้ย? “ไม่เหมือนหรอก จริงๆตั้งแต่ทำละครมันไม่มีตัวไหนเข้าหาเหมือนตัวเองเลย (หัวเราะ) คนละแนวเลย ผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยอะไรมาก ไม่โรแมนติก ชีวิตจริงเราจะเป็นคนพูดตรงๆมากกว่า พูดตามความเป็นจริงไม่มีมาหวานมาอะไร หรือมาพูดให้เค้าชอบเราไม่ค่อยมี ไม่เหมือนละคร” จุดที่เราภูมิใจที่ได้อยู่ในละครพรหมลิขิตที่ต่อเนื่องมาจากบุพเพสันนิวาสคืออะไร?“ก็รู้สึกภูมิใจตรงที่ว่าคนทำงานหรือผู้ใหญ่ในช่องมองเห็นว่าเราสามารถที่จะทำงานนี้ได้ เชื่อมั่นในเรา คิดว่างานนี้เหมาะสมที่จะเป็นเราเล่น ตอนแรกเค้าก็สรุปอยู่หลายอย่างว่าจะให้ใครเล่นเป็นลูกมั้ยหรือใครเล่นเป็นพ่อ ไม่ต้องเล่น 3 คน แต่เค้าก็เชื่อมั่นว่าผมกับเบลทำให้คนดูเชื่อได้ใน 3 ตัว ก็รู้สึกภูมิใจที่มีคนเชื่อมั่นในตัวเรา”รู้สึกยังไงที่ละครเรื่องนี้เป็นความสุขของคนดูและคนไทย? “รู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าละครเรื่องนี้จะทำให้คนดูชอบแล้วก็รอที่จะดู เรียกว่าไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นไปได้ บุพเพฯรีรันมายังเรตติ้งดี ตอนแรกพรหมลิขิตออกมาก็เรตติ้งดีและดีขึ้นเรื่อยๆ กับตอนบุพเพฯเราผ่านตรงนั้นเราก็เห็นความสำเร็จในตรงนั้นมาแล้ว ถึงเรื่องนี้มันจะได้ไม่เท่าหรือได้น้อยกว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องกังวล มันก็คืองานของเราที่จะเป็นงานในความทรงจำ”ถ้าเราไม่ได้เป็นโป๊ป เป็นคนนั่งดูละครรู้สึกยังไง? “ผมก็ยังยิ้มกับมัน พอดูแล้วก็ยังหัวเราะ บางทีหัวเราะโดยที่แบบลืมไปว่านี่คือเราเล่น เหมือนเป็นคนดูจริงๆ” กับการที่ “โป๊ป” ไม่ได้มีละครบ่อยๆแฟนๆเลยลุ้นและรอคอย “โป๊ป” มากในละครเรื่องนี้?“ผมชอบอย่างนี้มากกว่า ชอบให้งานทุกงานมันมีคุณค่า เป็นคนทำงานที่เป็นอย่างนี้ อาจจะไม่ได้ปริมาณแต่ทำแล้วคนต้องคุ้มค่าในสิ่งที่เราทำงานให้เค้าดู อีกอย่างนึงก็แค่รู้สึกว่าถ้าทำงานเยอะ สมมติเรารับ 3 เรื่องหรือ 2 เรื่อง เรารู้สึกว่าศักยภาพเราทำไม่ได้ เราจะเหนื่อยไป แล้วแต่คนนะ คนอื่น อาจจะทำได้แต่เราทำไม่ได้ เราทำแล้วเรารู้สึกว่างานหนึ่งมันจะดร็อปไป เราเลยเลือกที่จะทำงานแค่นี้แต่คุณภาพของเราได้เต็มและเราก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ ไม่เหนื่อยเกินไป ไม่ป่วยไม่สบาย นั่นคือจุดยืนของเรา”พอมีงานที่มีคุณค่าอย่าง “พรหมลิขิต” งานต่อไปที่จะมันท้าทายโป๊ปคืออะไร? “ตัวเราเองก็ยังถามตัวเองอยู่เลย ยังคิดไม่ออกเลยว่าอะไรคืองานต่อไป อยากอยู่นิ่งๆปล่อยชีวิตไปก่อนอย่างนี้ อยู่กับความสงบสบายๆไปก่อน ยังนึกไม่ออก”มีภาพบทอะไรในหัวมั้ย? “คงเป็นตัวผู้ชายที่มีอะไรให้เล่นมากมากกว่ารักอย่างเดียว มีอะไรที่สอดแทรก หรือมีเรื่องราวของตัวละครตัวนี้ที่ทำให้เราอยากเข้าไปสัมผัส ส่วนตอนนี้ก็พักผ่อน เที่ยว ตีกอล์ฟ อยู่กับเพื่อน อยู่สงบๆอยู่ที่บ้านเลยก็ประมาณนั้นแหละชีวิตก็ชิล”ล่าสุดเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อนๆ และครอบครัวที่ผ่านมาไม่ได้ไปท่องเที่ยวนาน หรือยัง?“นานเลยตั้งแต่โควิด 4 ปี และก่อนโควิดอีกปีนึง ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลย ประมาณ 5 ปีมั้ง”การได้ไปเที่ยวเติมเต็มเราแค่ไหน? “ก็ดีครับ ได้พาแม่ไปด้วย ให้เค้าได้ไปกับเพื่อนเราบ้าง ไปเจอพี่สาวด้วย อยากให้เค้าไปพักผ่อน พอดีพี่สาวอยู่ที่นั่นด้วยก็เลยให้พี่แนะนำพาเที่ยว อากาศก็ดี” ไปเที่ยวไปกินสถานที่ที่ฮอตฮิตมั้ย? “ไม่เลย เค้าอยากพาไปไหนก็ไป (ยิ้ม)”แฟนๆฮือฮาไม่ค่อยเห็นรูปโป๊ปไปเที่ยวแบบนี้? “ก็ลงบ้าง (ยิ้ม)”ติดใจการเที่ยวเลยมั้ย? “ผมเป็นคนเฉยๆนะ มีคนชวนก็ไป ว่างก็ไป ไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ จริงๆนะ ส่วนแม่ก็ชอบเที่ยว แม่เป็นคนชอบแบบเดินทางไปต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เราทำงาน เราก็ให้แม่ไปกับเพื่อนเค้า”เวลามีละครแต่ละทีแฟนๆก็ดีใจได้เห็นโป๊ปลงรูปบ่อยๆ ก่อนหน้านี้ต้องตามหาตัวตลอด? “ช่วงหลังไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลเท่าไหร่ด้วย ไม่ค่อยได้ดูโซเชียล ไม่เหมือนตอนเด็กๆเมื่อก่อน ฟีดแบ็กต่างๆก็เป็นทีมงานมาบอก ส่วนไลน์ พอเพื่อนน้องๆก็ส่งมา ก็รู้แล้วเรตติ้งดีแน่เพราะว่าปกติมันไม่เคยทักมาเลย ก็ทักมาบอกสนุกนะพี่ ดีใจด้วยนะ (ยิ้ม) รูปละครก็ลงบ้าง มันก็น้อยลงไปเรื่อยๆตามวัยเนอะ ส่วนแฟนคลับก็เป็นสิทธิของเค้าที่จะคิดถึงหรืออะไร เราก็ทำหน้าที่ของเรา เวลาออกงานเจอแฟนคลับกอดกันถ่ายรูปกัน คิดถึงก็รับรู้ว่าคิดถึงกัน” ชีวิตเข้าสู่เลข 4 เป็นยังไงบ้าง มีเรื่องอะไรที่ต้องคิดมากขึ้นมั้ย?“ก็ยังเหมือนเดิม ชีวิตก็สงบ มีความสุขดี เรื่องความคิดต่างๆของคนเรา มันเกิดขึ้นทุกคนอยู่แล้ว เรื่องอายุ เรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว มันก็คิดไปเรื่อยแต่ว่าเราไม่ไปสนใจมัน มันก็ผ่านไปไง ทุกคนมันก็ต้องอายุเยอะขึ้นทุกวันอยู่ที่ว่าเรามีความสุขหรือว่าปล่อยวางมันได้มั้ยแค่นั้น คือถ้าเราปล่อยวางมันได้ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันมันก็ไม่มีอะไร มันก็เป็นไปของมัน ร่างกายแข็งแรงเหมือนเดิม กินได้ นอนหลับสบายก็จบแล้ว”ที่ผ่านมาโป๊ปบาลานซ์ตรงนี้ได้ดี เคยมีช่วงยากๆของการบาลานซ์มั้ย? “ไม่มีเลย มันยิ่งชัดเจน มันยิ่งง่ายขึ้น เราก็อยู่ของเรา ประคองใจของเราไปเรื่อยๆ ความห่วงอะไรต่างๆ ความคิดต่างๆมันก็มีเป็นปกติในทุกคนแต่เราไม่ได้เอาตัวเองจมอยู่กับมัน ธรรมชาติมันก็เป็นอย่างนี้ เราก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงหรือว่าอะไร”มีอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ๆที่ชื่นชอบหรือเป็นแพชชันใหม่ๆมั้ย?“อ๋อ ก็มีตีกอล์ฟนี่แหละที่ช่วงนี้มาตีแทนเตะฟุตบอล ตีกอล์ฟบ่อยขึ้นก็สนใจเรียนรู้กอล์ฟกับเพื่อน สนุกสนานกัน ไปออกรอบแต่ไม่จริงจังจะเป็นนักกีฬาอะไรและก็มีเรื่องสร้างบ้านสร้างนู่นนี่กับทำที่บ้าน ส่วนธุรกิจตอนนี้ก็ทำอาหารเสริมแบรนด์ SANO ก็ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ”มันยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้โป๊ปตื่นเต้นใจเต้นแรงในวันนี้มั้ย? “ไม่มีเลย ตื่นมาก็ทำวันต่อวันให้มันดี มีงานก็ทำงาน ถ้าต้องคุยงานธุรกิจก็คุย มีเพื่อนชวนไปตีกอล์ฟก็ไปแค่นั้นเลย ไปออกกำลังกาย วันนี้มีคนสวนมาทำบ้าน บางทีก็ตื่นสาย บางทีก็ตื่นเช้า ทำทุกวันให้มันเป็นปกติ” เรื่องทุกข์ตอนนี้ล่ะ? “ยังไม่มีนะ ยังไม่มีเรื่องทุกข์มากๆเลย หรือมันไม่ได้ไปจ้องหรือโฟกัสมัน ปัญหามีก็แก้ไป แก้ไม่ได้ก็ต้องปล่อยวางแล้วก็ปล่อยมันไป อย่างเช่น น้ำไม่ไหลท่อแตกไฟดับ ต้นไม้ตาย ก็แก้ไข หรือเรื่องงานมาก น้อย ทุกอย่างมันก็เป็นธรรมชาติ” แล้วเรื่องเล็กๆแต่ละวันที่ทำให้เราแฮปปี้? “มันก็เป็นรายละเอียดเล็กๆแหละบางทีเราก็อาจจะช่วยคนอื่นบ้าง ไปทำบุญบ้าง ดูแลแม่ ความสุขต่างๆก็อยู่กับใจเรานี่แหละ ทำอาชีพของเราให้ดี ทำงานซื่อสัตย์ได้เงินมาสุจริต ใช้ไปอย่างพอเพียง มันเลยอยู่ของมันไปเรียบๆ มันจะดังก็ดัง ไม่ดังก็ไม่เป็นไร ถ้าใจมันสบาย”มองเรื่องอนาคต มีครอบครัว? “อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ สิ่งที่มีจริงก็คือปัจจุบัน อนาคตเราอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ถามว่ากลัววันข้างหน้ามั้ยก็ไม่ได้กลัว อย่างเรื่องมีครอบครัวที่จะต้องมาดูแลเรายามแก่ เราไม่ได้เชื่อเรื่องนั้น เพราะมันก็มีทั้งครอบครัวที่เจอเรื่องที่ดีและเจอที่ไม่ดี มันมีทุกอย่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณรักษาใจคุณได้หรือเปล่าให้คุณนิ่งได้จนวันตาย ในปัจจุบันเราทำตัวเองให้สงบและมีความสุขในแต่ละวันได้รึเปล่า นั่นคือสิ่งที่สำคัญ สำหรับเรา ทุกอย่างมีสองด้าน ต่อให้มีหรือไม่มีครอบครัว เลยเฉยๆกับการที่บอกว่าต้องมีครอบครัวนะ แต่ปัจจุบันผมเป็นแบบนี้ อาจจะมีในวันพรุ่งนี้ก็ได้ เพราะเรายังเป็นคนปกติครับ”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัยคลิกอ่าน “คนดังนั่งคุย” เพิ่มเติม