กรมราชทัณฑ์สั่งเด้ง ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กับ ผอ.ฝ่าย ควบคุม และผู้คุมอีก 2 นาย สังเวยเหตุ “แป้ง นาโหนด” นักโทษตัวแสบ แหกตรวนหนีโรงพยาบาล พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้รู้ผลใน 5 วัน ผช.ผบ.ตร.ลงพื้นที่ระดมกำลังพลิกแผ่นดินไล่ล่ายังคว้าน้ำเหลว หลังพบรถกระบะ ที่พาหลบหนีเข้าพื้นที่ จ.สตูล สั่งปูพรมตั้งด่านตรวจเข้ม ทั่วเมือง โดยเฉพาะแนวชายแดนธรรมชาติสกัดเผ่นออกไปมาเลเซีย เชื่อยังกบดานอยู่ฝั่งไทย แฉพฤติกรรมแสบตอนอยู่คุกพัทลุงเคยแกล้งป่วยเข้าโรงพยาบาล 2 รอบ แต่ตำรวจรู้แกวส่งหน่วยสวาทคุมเข้มเลยหนีไม่ได้ พอย้ายไปคุกเมืองคอนแจ้งเตือนแล้ว สุดท้ายเสียท่าปล่อยให้หนีไปจนได้ตำรวจยังระดมกำลังตามล่านายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี ฉายา “แป้ง นาโหนด” นักโทษอุกฉกรรจ์หลายคดี หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงหลังเที่ยงคืนวันที่ 22 ต.ค. ขณะรักษาอาการป่วยอยู่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช สะเดาะโซ่ตรวนที่พันธนาการกับเตียงคนไข้ แล้วมีพรรคพวกมารับพาขึ้นรถกระบะมิตซูบิชิไทรทัน 4 ประตู สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน กจ 9049 พัทลุง คาดว่าเป็นทะเบียนปลอม หลบหนีไป มีรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีดำ และรถกระบะอีซูซุ 4 ประตูสีขาวขับตามไปด้วยกันความคืบหน้าที่ บก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ต.ค. พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมประชุมความคืบหน้าการตามล่าตัวนายเชาวลิต หลังจากตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ท้องที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดนครศรี ธรรมราช อนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดรวม 5 คน ประกอบด้วยนายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี นักโทษชายที่หลบหนี นายจีระวุฒิ หรือปอย หรือลูกวัว ชุมศรี อายุ 31 ปี ชาว จ.พัทลุง ทำหน้าที่ขึ้นไปบนตึกอายุรกรรมแล้วพานายเชาวลิตหลบหนีออกจากโรงพยาบาลตามภาพจากกล้องวงจรปิด นายจักรี หรือบิ๊ก แป้นน้อย อายุ 41 ปี คนขับรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว พานายเชาวลิตหลบหนี น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม หมื่นรักษ์ อายุ 32 ปี คนเฝ้าไข้นายเชาวลิตขณะนอนรักษาตัวใน รพ. และ น.ส.ยุวเรศ หรือหมวย กลศึก อายุ 26 ปี ชาว อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ผู้ใช้จ้างวานให้ น.ส.วิลาวัลย์ มาเฝ้าไข้นายเชาวลิตหลังศาลอนุมัติหมายจับ ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คนคือ น.ส.วิลาวัลย์ หมื่นรักษ์ และ น.ส.ยุวเรศ กลศึก ข้อหาร่วมกันกระทำการด้วยประการใดๆให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป หลุดพ้นจากการคุมขังไป นอกจากนี้ตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านของ น.ส.ยุวเรศ ยึดของกลาง 5 รายการประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ สลิปการโอนเงิน ใบเสร็จห้างโฮมโปรที่ไปซื้อใบเลื่อย ใบอนุญาตเยี่ยมผู้ต้องขังวันที่ 4 ต.ค.เวลา 13.26 น. และสมุดบัญชีธนาคาร เบื้องต้นทั้ง 2 คนยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ถูกควบคุมตัวส่ง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สอบสวนดำเนินคดีหลังการประชุม พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร. เผยว่า คดีคืบหน้าไปมากแล้ว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กำชับให้ตำรวจสืบสวนภาค 8 สืบสวนภาค 9 และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เร่งรัดติดตามจับกุมตัวนายเชาวลิตมาให้ได้โดยเร็วที่สุด หลังศาลอนุมัติออกหมายจับนายเชาวลิตพร้อมพวกรวม 5 คนแล้ว ล่าสุดจะมีการออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 1 คน หลังจากตำรวจชุดคลี่คลายได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด คาดว่าจะออกหมายจับในเร็วๆนี้ ทั้งนี้จากการข่าวพบว่านายเชาวลิตมีปืนสงครามติดตัว หากเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะมีการยิงต่อสู้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังสูงสุด หากมีการยิงต่อสู้สามารถป้องกันตัวได้ตามสถานการณ์ส่วนกรณีชุดสืบสวนพบข้อมูลรถกระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู สีขาว ที่ขับพานายเชาวลิตหลบหนีมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ จ.สตูล ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบรถคันดังกล่าวขับผ่านสามแยกบ้านสวนเทศ ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูล เมื่อวันที่ 22 ต.ค. เวลา 09.07 น. จากนั้นขับผ่านสามแยกผัง 1 ต.อุไดเจริญ อ.ควนกาหลง เมื่อเวลา 09.30 น. มุ่งหน้าเข้า อ.มะนัง ยังไม่พบว่าออกนอกพื้นที่พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จ.สตูล เผยว่า สั่งการให้ทุก สภ.ตั้งจุดสกัดและระดมกำลังออกค้นหารถเป้าหมาย รวมทั้งรถกระบะโตโยต้าสีดำทะเบียนจังหวัดพัทลุงที่สงสัยว่าจะเป็นรถนำ โดยเฉพาะที่ด่านความมั่นคงทุ่งนุ้ย ถนนสายสตูล-หาดใหญ่ ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง ตำรวจ นปพ. สนธิกำลัง สภ.ควนกาหลง ทหาร ร.5 พัน. 2 ตรวจเข้มรถเข้าออกทุกคัน เน้นรถขาออกเป็นหลักเนื่องจากข้อมูลระบุว่ารถคันดังกล่าวยังไม่ออกนอกพื้นที่ ยังวงเวียนอยู่ใน อ.มะนัง และไม่ได้เข้าพื้นที่เขตท่าเรือแนวชายแดนตามที่เป็นข่าว นอกจากทางบกแล้ว ทางน้ำก็เข้มงวดกวดขันตามลำคลองที่เป็นเส้นทางธรรมชาติออกสู่ทะเลไปประเทศมาเลเซียได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพบรถกระบะที่พานายเชาวลิตหลบหนีถูกนำไปจอดทิ้งไว้ที่ท่าเรือแห่งหนึ่งใน จ.สตูล และคาดว่านายเชาวลิตพร้อมลูกน้องน่าจะหลบหนีไปประเทศมาเลเซียแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง ตำรวจยังไม่เจอรถคันดังกล่าวพ.ต.อ.ธนิสสร แสงท่านั่ง ผกก.ตม.สตูล เผยว่า จ.สตูล มีด่าน ตม. 3 ด่าน เป็นด่านทางทะเล 2 ด่านคือด่าน ตม.ตำมะลัง กับด่าน ตม.เกาะหลีเป๊ะ และด่านทางบก 1 ด่าน คือด่าน ตม.วังประจัน อ.ควนโดน ทั้ง 3 ด่านเป็นเขตแดนระหว่างรัฐเปอร์ลิสและรัฐเคดาห์ของประเทศมาเลเซีย ตำรวจ ตม.เข้มงวดกวดขันมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ยืนยันว่าช่องทางปกตินายเชาวลิตยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ แต่ จ.สตูล มีชายแดนช่องทางธรรมชาติยาวถึง 145 กม.ทั้งทางทะเลและทางบก ได้ประสานหน่วยงานอื่นทั้งตำรวจน้ำ ทหาร ศรชล. และตำรวจภูธร เพิ่มความเข้มในการตรวจตรา ขณะที่ฝั่งมาเลเซียก็เข้มงวดกวดขันการเข้าเมืองผิดกฎหมายมาก อย่างไรก็ตาม การเข้ามาในพื้นที่ จ.สตูล ของนายเชาวลิต คาดว่าผู้ให้การช่วยเหลือเป็นเครือญาติของลูกน้องเก่าที่เป็นซุ้มมือปืนอยู่ในพื้นที่ อ.มะนัง ตอนนี้ตำรวจกำลังสืบสวนไล่ล่าอยู่ที่ บก.ภ.จ.พัทลุง เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จ.พัทลุง พร้อมรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมประชุมตำรวจชุดคลี่คลายคดีกว่า 60 นาย หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะใหญ่ พล.ต.ท.อิทธิพล เชิญนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ประชุมย่อยอีกรอบเพื่อป้องกันความลับรั่วไหล ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.อิทธิพลเผยว่า พื้นที่หลบหนีของผู้ต้องหาได้ตรวจสอบพิสูจน์ทราบทุกจุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ โดยเฉพาะ จ.สตูล มีทางเข้าออกแค่ 2 ทางและมีพื้นที่ชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน ทาง ผบก. ภ.จ.สตูล ได้เข้มงวดในพื้นที่แล้ว เชื่อว่าคนร้ายมีอาวุธร้ายแรงอยู่ในครอบครอง เนื่องจากประวัติผู้ต้องหาที่ศาลตัดสินจำคุก 20 กว่าปีในคดีชิงตัวผู้ต้องหาก็ใช้อาวุธร้ายแรง ผบก.ภ.จ.พัทลุง ให้ข้อมูลว่าถ้ามีการจับกุมคงจะต่อสู้ ทีมผู้การสืบภาค 8 ก็เตรียมชุดไว้ ไม่ประมาทในการทำงาน ทราบว่ากรมราชทัณฑ์ตั้งรางวัล 1 แสนบาทให้ผู้แจ้งเบาะแส พร้อมทั้งสั่งย้ายผู้คุม 2 นายที่อยู่ในเหตุการณ์ออกนอกพื้นที่ไปแล้วผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากตำรวจชุดไล่ล่าของ บก.ภ.จ.พัทลุง ว่า ตอนที่นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” ถูกคุมขังในเรือนจำกลางพัทลุง เคยมีพฤติกรรมเสแสร้งแกล้งล้มป่วยเหมือนกับที่ทำในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จ.พัทลุง ได้ประสานงานกับ ผบ.เรือนจำกลางพัทลุง วางมาตรการป้องกันการหลบหนีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่นำตัวนายเชาวลิตออกไปขึ้นศาล จะมีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคุมเข้มป้องกันการหลบหนีหรือการชิงตัวนักโทษ เชื่อว่ากลุ่มที่ช่วยพาหลบหนีครั้งนี้มีมากกว่า 5 คน นายเชาวลิตน่าจะระดมลูกน้องเก่าๆ ทั้งในและนอกจังหวัดพร้อมมีปืนและอาวุธสงครามครบมืออย่างไรก็ตาม นายเชาวลิตเคยเสแสร้งแกล้งป่วยในศาลและถูกพาเข้ารักษาตัวที่ รพ.พัทลุง มาแล้ว 2 ครั้ง ขณะนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ผบก.ภ.จ.พัทลุง ส่งกำลังตำรวจหน่วยสวาทเข้าไปควบคุมดูแลตลอด 24 ชม.ทำให้ไม่สามารถหลบหนีได้ และช่วงที่นายเชาวลิตถูกส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางพัทลุงและตำรวจได้เตือนให้เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช อย่าได้ประมาทในการควบคุมตัวนักโทษรายนี้ แต่สุดท้ายก็พลาดท่าปล่อยให้หลบหนีไปจนได้ชาวบ้านใน จ.พัทลุง คนหนึ่งเผยว่า การหลบหนีของนักโทษรายนี้เหมือนการปล่อยเสือเข้าป่า ทำให้ชาวบ้านกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากเจ้าตัวมีนิสัยโหดร้าย มีชั้นเชิงแพรวพราวและยิงปืนแม่นเพราะเคยอยู่ใกล้ชิดกับตำรวจบางราย กลุ่มตัวแทนชาวบ้านได้ประสานไปยัง น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อนำเหตุการณ์ครั้งนี้ไปยื่นกระทู้ถามรัฐบาลในสภา พร้อมเรียกร้องให้ติดตามจับกุมตัวให้ได้โดยด่วนด้านนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รรท.อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุนักโทษหลบหนีมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หรือเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ต้องสอบให้เสร็จสิ้นภายใน 5 วัน นอกจากนี้ มีคำสั่งให้นายณรงค์ หนูคง ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และ ผอ.ส่วนควบคุม เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รวม 2 ราย ไปปฏิบัติราชการที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี ส่วนผู้คุมราชทัณฑ์ 2 ราย ที่รับหน้าที่เฝ้าไข้นายเชาวลิตในคืนเกิดเหตุ ถูกย้ายไปเรือนจำอำเภอเบตง จ.ยะลา ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง หากผู้คุมราชทัณฑ์เอื้อประโยชน์ต่อผู้ต้องขังจริงจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาต่อไปอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่