เดือนกว่าๆในอำนาจ ช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ฮันนีมูนพีเรียดของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯและ รมว.คลัง ถ้าหากจะมีก็คงประเดี๋ยวประด๋าวเฮฮาแบบสดใหม่ไม่ทันไร เจอคิวแทรกคิวร้อนเป็นระลอกๆล้วนแล้วแต่เป็น “เหตุไม่คาดฝัน” วิกฤติฉุกเฉินที่นายกฯต้องเร่งบริหารจัดการ ตั้งแต่เผือกร้อนตั้ง ผบ.ตร.ศึกสีกากี เหตุเด็กกราดยิงกลางห้างเมืองกรุง ตามด้วยอุทกภัย ฯลฯล่าสุดไฟสงคราม ฮามาส–อิสราเอล ระอุเดือดไปทั่วโลกแม้เหตุจะอยู่ไกลประเทศ แต่กระทบคนไทยอย่างหนักหน่วง ยอดผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ถูกจับไปเป็นตัวประกันติดอันดับต้นๆที่สำคัญแผนพาคนไทยกลับบ้านของรัฐบาล เริ่มมีเสียงบ่น อืดเกิน เป็นสถานการณ์ที่ “นายกฯเศรษฐา” ก็เริ่มรับรู้ได้ ล่าสุดต้องทำงานควบ คิดหาวิธี ประสานงาน ดูช่องทางช่วยคนไทยตลอดทริปเยือนต่างประเทศออกมาให้สัมภาษณ์วันละหลายรอบ สรุปคือ รัฐบาลดูทุกช่องทางรอบด้าน ทั้งแผนเดิม จัดส่งเครื่องบินกองทัพไปรับกลับ เช่าเหมาลำสายการบินพาณิชย์ กระทั่งอพยพทางเรือก็เล็งไว้ยังไม่รวมดีลลับปมละเอียดอ่อน ประสานทุกประเทศที่มีช่องทางช่วยตัวประกันคนไทยในโจทย์สำคัญต้องเร่งด่วน จะพะว้าพะวงไม่ได้เช่นเดียวกับคิว “คิดใหญ่ ทำเป็น” ตามสโลแกนพรรคเพื่อไทย โจทย์ใหญ่ขับเคลื่อนนโยบาย “เรือธง” แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ทำ “นายกฯเศรษฐา” ว้าวุ่นไปเหมือนกันจากกระแสคัดค้านต่อต้าน โดยเฉพาะกลุ่มคน “เสียงดัง” มาทั่วทิศ ล่าสุดเป็นคิว ป.ป.ช.ทักท้วง โฟกัสที่มาของงบฯ ช่องว่างรูโหว่การใช้จ่ายชนิดเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุ ทีมอรหันต์ ป.ป.ช.เตรียมตั้งอนุกรรมการติดตามโครงการยกโมเดล “จำนำข้าว” มาเป็นคู่เทียบ มอนิเตอร์เกาะปม “โกง”คาดโทษล่วงหน้ากันตรงๆ หาก ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะท้วงติงไปแล้ว ครม.ไม่ปฏิบัติตาม ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา ถือว่าเตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง “เมื่อเกิดปัญหา ต้องรับผิดชอบ”อันนี้ก็ถือเป็นอีกชนวนแรงต้านสำคัญ นอกจากสารพัดเสียงท้วง ทั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จนนายกฯเศรษฐาต้องเรียก “ผู้ว่าการเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการ ธปท.มาหารือส่งสัญญาณฟ้าร้อง-ฟ้าแลบ เสี่ยง “ฟ้าผ่า” ตามมาตามด้วยสายเครือข่ายอดีตผู้บริหารแบงก์ชาติ อดีตคณบดี คณบดี นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เข้าชื่อกันทะลุ 100 กว่าราย เรียกร้องให้ล้มเลิกนโยบายรวมทั้งเสียงจากสภาสูง สว.ที่แผ่วไปพักใหญ่ กลับมาขึงขัง จนคนรัฐบาลต้องเงี่ยหูฟังทางหนึ่งแม้จะระดมทีมรัฐบาลเพื่อไทย ออกมาสวนหมัด ระดมกองเชียร์ชาวบ้านส่งเสียงหนุน อีกทางก็ส่งมืออาชีพนักวิชาการเศรษฐศาสตร์แจงนโยบาย เหตุผล ความจำเป็น ด้วยชุดข้อมูลเศรษฐกิจอีกด้านแต่ก็ไม่ได้ปิดหูปิดตา ไม่สนไม่ฟัง เริ่มมีสัญญาณ “ปรับปรุง– ทบทวนโครงการ” โดยเฉพาะปรับกติกาช่วยเหลือเฉพาะ “ผู้ที่ เดือดร้อน” เริ่มส่งสัญญาณถอย หว่านเหวี่ยงแหแจกเงิน 50 กว่า ล้านคนเหนืออื่นใด ที่ต้องเร่งเคลียร์คัตตัดตอน คิวหลุดของระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจการคลัง ที่ออกโรงมาชี้แจงโครงการให้รัฐบาล ดันหลุดปากแผนหาเงิน หางบฯมาใช้จ่าย นอกจากแผนยืมงบฯธนาคารรัฐมาใช้บางส่วน จัดเก็บรายได้เกินเป้ามาเติม ยังยกตัวอย่างในต่างประเทศตัดขายหุ้นรัฐวิสาหกิจบางส่วนมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแม้ออกตัวว่าเป็นแนวทางตามหลักวิชาการ รัฐบาลยังไม่ได้มีแนวคิดนี้ แต่แค่เอื้อนเอ่ยปมนี้ทำหลายฝ่ายจับจ้องตาเขม็งเพราะถือเป็นปมละเอียดอ่อน กับแนวคิดแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่เคยทำรัฐบาลไทยรักไทยโดนต้าน จนพังพาบ ไม่ต่างจากปมจำนำข้าว ทำ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” อวสานโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หากไม่รีบเคลียร์ทบทวน ปล่อยให้นโยบาย “เรือธง” ของรัฐบาลโคลงเคลงฝ่าอยู่ในคลื่นลมแรงต้านมันก็น่าหวาดเสียว เรือเสี่ยงคว่ำอยู่เหมือนกัน.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม