ผมรู้จักพระอิศวร หรือพระศิวะ มาตั้งแต่อ่านเรื่องวาสิฏฐี ที่เสฐียร โกเศศ–นาคะประทีป แต่ง ตอนวาสิฏฐีพูดกับ กามนิต “ความรักของเรา เปรียบสีดำ เหมือนสีศอพระศิวะ ที่ทรงดื่มน้ำพิษ เพื่อรักษาชีวิตชาวโลก”เรื่องก่อนหน้าเทวดาชวนอสูรกวนน้ำอมฤต กวนๆกันไปสิ่งที่มาก่อนของวิเศษทั้งหลาย คือ “น้ำพิษ” หากปล่อยให้ไหลลงพื้นดิน โลกมนุษย์ก็วอดวายด้วยพระเมตตา พระศิวะจึงทรงเสียสละกลืนน้ำพิษไว้...ฤทธิ์เดชของพิษทำให้ศอพระศิวะเกรียมดำ ทรงได้อีกพระนามใหม่ ศิวะกัณฐะ แปลว่า “พระศอดำ”แต่พระศิวะ ท่านมีหลายปาง นอกจากปางเปี่ยมพระเมตตา ยังมีปางอิจฉา ปางนี้ ผมอ่านจาก อมนุษย์นิยาย (รวมสาส์น พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ.2544)ส.พลายน้อย เล่าว่า พระวิศวกรรม เป็นนายช่างใหญ่ นอกจากสร้างเทพวิมานโอ่อ่าโอฬารบนสวรรค์แล้ว ว่ากันว่าปราสาทราชวังในโลกมนุษย์ ท่านจำแบบมาจาก “คอกโค” ของพระอินทร์ขึ้นชื่อว่าช่างใหญ่จึงต้องรอบรู้เรื่องศิลปะ ไม่เว้นการเล่นละครชาตรีอาจารย์มนตรี ตราโมท เขียนไว้ในหนังสือ การละเล่นของไทย ซึ่งท่านก็จำจากคำบอกเล่าของนายพูน เรืองนนท์ เจ้าของคณะละครชาตรีชื่อดังอีกทีเสากลางโรงละครชาตรี พวกละครนับถือกันเป็นเสามหาชัย มีความหมายว่า แทนองค์พระวิศวกรรมความเชื่อเรื่องนี้มีเรื่องเล่า สมัยหนึ่งมีพระเทพสิงหรา กับแม่ศรีคงคา สองสามีภรรยา ผู้สามารถในการแสดงละครชาตรี...ไม่มีใครเทียบเทียม ไปแสดงที่ไหนไม่เรียกค่าตัว ชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็ยังยากจนชื่อเสียง พระเทพสิงหรา กับแม่ศรีคงคา เลื่องลือไปถึงสวรรค์ ในจำนวนผู้คนที่ติดตามดู มีนางฟ้าที่รับใช้พระอิศวรบนเขาไกรลาส ใช้เวลาว่างเวร แอบลงมาดูบ่อยๆ วันหนึ่ง ละครเล่นยาว นางฟ้าลืมเวลางานพระอิศวรก็กริ้ว...แต่ไม่ได้กริ้ว เพราะขาดนางรับใช้ แต่กริ้วเพราะได้ยินข่าวมีละครมนุษย์แสดงเก่ง จนนางฟ้าลืมคณะละครบนสวรรค์ ทรงสั่งให้จัดละครสวรรค์วงใหญ่ เลือกเวลาเดียวกับละครมนุษย์ ประชันให้รู้แพ้ชนะกันข้างหนึ่งพระวิศวกรรมทูลเตือน “พระองค์เป็นถึงเจ้าโลก ซึ่งจะไปทำการทับถมทำลายมนุษย์ผู้น้อยนั้น หาเป็นการสมควรไม่!” แต่งานนี้ พระอิศวร ทรงสวมหัวใจศิลปิน ไม่ยอมไม่เพียงจัดแสดงละครชาตรีประชัน ยังแอบเตรียมอุบายไปขัดจังหวะ ทำลายสมาธิละครชาตรีคณะมนุษย์พระวิศวกรรม ทรงเห็นใจมนุษย์ ไม่กล้าปะทะ“นาย” ซึ่งหน้า แต่ก็ทรงแอบลงมากระซิบ พระเทพสิงหรา และแม่ศรีคงคา ให้หาเสาผูกผ้าแดงไว้กลางโรงละคร เพื่อให้ท่านมาประทับคุ้มครองตลอดเวลาการแสดงด้วยบารมีพระวิศวกรรม คณะละครชาตรีมนุษย์ ก็ชนะละครชาตรีสวรรค์ ส่วนองค์พระอิศวร จะทรงออกลูกกริ้วอีท่าไหนต่อไป ไม่มีเรื่องเล่าต่อทั้งเทวดาและมนุษย์ที่เคยยอมรับนับถือ พระอิศวร ในเรื่องพระเมตตา ดื่มน้ำพิษเพื่อรักษาชีวิตมนุษย์ พอฟังเรื่ององค์จอมเทพ ก็เคยมีเวลาเผลออิจฉามนุษย์ ก็พลอยเสื่อมศรัทธาลงไปบ้างแต่มีคนบางพวกเข้าใจ พระศิวะท่านมีปางสำคัญ คือ ศิวะนาฏราช ยืนยันการเป็นจอมเทพแห่งการร้องรำ ท่านจึงต้องมีพระนิสัยศิลปิน งอนบ้างหมั่นไส้บ้างในบางเวลาอย่าลืม ท่านเป็นพระศิวะไม่ใช่พระพรหม องค์หลังนี้มั่นคงในอุเบกขาธรรม รักใครก็ไม่เป็นโกรธใครก็ไม่เป็นผลงานครั้งล่า! เขานินทากันว่า ทรงจัดรัฐบาลผสม เทวดาผสมโจร อภิมหาพ่อค้าอภิมหาโจร เดินเคียงไหล่ไปหาเสียงด้วยกันเฉยเลย.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม