สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมาและกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่อต้านรัฐบาลยังคงเดินหน้าปะทะกันอย่างดุเดือด “บริเวณตามแนวชายแดนเมียนมา–ไทย” สร้างความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนให้ประชาชนมานานกว่า 3 ปีสำหรับพื้นที่ที่สู้รบกันหนักหน่วงที่สุดคือ “รัฐคะยาและรัฐกะเหรี่ยง” ด้วยก่อนหน้านี้กองกำลังกะเหรี่ยงคะยา ดาวแดง พีดีเอฟ และเคเอ็นยู เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทางทหารเมียนมายึดปืน ค.120 มม. และกระสุนปืนได้จำนวนมากส่งผลให้ “กองทัพเมียนมา” ต้องใช้อากาศยานเครื่องบินขับไล่ MIG-29 และเฮลิคอปเตอร์เพื่อเข้าโจมตีใส่กองกำลังชนกลุ่มน้อยอย่างหนักบริเวณชายแดนเมียนมา-ไทย ตรงข้ามพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก ส่งผลให้คนเมียนมาต่างพากันหนีภัยความไม่สงบเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยเป็นจำนวนมาก“การข่าวชายแดนไทย–เมียนมา” ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันทหารเมียนมา และกองกำลังชนกลุ่มน้อยมีการสู้รบกันสลับหนักเบาทุกวัน “ต่างฝ่ายต่างช่วงชิงฐานปฏิบัติการทางทหาร” สามารถได้ยินเสียงอาวุธปืน หรือระเบิดดังมาถึงฝั่งไทยเป็นระยะ “ราษฎรไทย” ก็ไม่กล้าออกไปทำไร่ทำนาใกล้พื้นที่ติดแนวชายแดนด้วย เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่ากองกำลังชนกลุ่มน้อยสามารถสนธิกำลังกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้หลายกลุ่ม แล้วส่วนใหญ่มักเป็นฝ่ายเข้าโจมตีฐานทหารของเมียนมาอยู่บ่อยๆ “ลักษณะการสู้รบแบบกองโจร” ด้วยการใช้ความชำนาญของพื้นที่ที่สามารถสร้างความปั่นป่วนเสมือนเป็นสงครามจิตวิทยาให้แก่ทหารเมียนมาได้ไม่ใช่น้อยแล้วยิ่งกว่านั้นนับแต่ “ทหารเมียนมาทำรัฐประหารปี 2564” นักศึกษาที่ออกมาต่อต้านถูกปราบปรามอย่างหนัก “ต้องมาก่อตั้งกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF)” แต่นักศึกษาเหล่านี้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเคมี วิศวะ ก็นำความรู้นั้นมาประดิษฐ์อาวุธยุทโธปกรณ์ใช้ต่อสู้กับกองทัพเมียนมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนสั้น ปืนยาว ปืนครก ระเบิด หัวจรวดระเบิด โดยเฉพาะอากาศยานไร้คนขับที่นำมาติดอาวุธระเบิดโจมตีทางอากาศใส่ทหารเมียนมาสร้างความเสียหายได้เป็นอย่างมากทำให้ที่ผ่านมานี้ “ทหารเมียนมาเพลี่ยงพล้ำถูกยึดอาวุธปืนหนักบ่อยๆ” แม้ช่วงหลายเดือนมานี้จะมีการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการแล้วหลายคน ทั้งพยายามใช้อากาศยานตอบโต้โดยเฉพาะที่หมู่บ้านจ๊อกซู จ.บอลาแคะ ใกล้แม่น้ำสาละวินติดพื้นที่ อ.ผาซอง จ.ลอยก่อว์ ห่างจากชายแดนไทย 30 กม.ตรงข้าม อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน อีกจุดคือ “บริเวณฐานทหารเมียนมาเล็คคัดต่อนเมียวดี” ห่างจากชายแดนไทย 4 กม.ตรงข้ามฝั่งบ้านไร่ดอนไชย อ.แม่สอด เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการสื่อสารและสังเกตการณ์ที่ถูกกลุ่มคอบร้าของกองกำลัง PDF เข้าโจมตียึดครองไปได้ ทำให้ “ทหารเมียนมา” พยายามโต้กลับหลายครั้งหวังยึดพื้นที่กลับคืนแต่ก็ยังไม่สำเร็จทำให้ทหารเมียนมาตกอยู่สภาวะเสียขวัญกำลังใจและถูกกดดันจากฝ่ายเหนือในเนปยีดอถัดมาในส่วน “การค้าขายชายแดนไทย–เมียนมาด่านพรมแดนแม่สอด–เมียวดี” บริเวณด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2ยังคงเปิดให้รถบรรทุกข้ามไปส่งสินค้าในฝั่งเมืองเมียวดีตามปกติเพียงแต่ว่าการค้าขายยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลพวงจากความขัดแย้งการสู้รบกันภายในประเทศอันมีผลต่อการขนส่งสินค้าผ่านแดนไปยังเมืองต่างๆในเมียนมายากลำบาก เพราะผู้ประกอบการเกรงกลัวต่อความไม่ปลอดภัย ทั้งมีปัจจัยจากฝนตกหนักเกิดอุทกภัย ถนนและสะพานหลายสายจากชายแดนไปยังพื้นที่ชั้นในของเมียนมาชำรุดเสียหาย “ระบบคมนาคมถูกตัดขาดหลายแห่ง” ทำให้ปริมาณยอดการสั่งซื้อ-ขายลดลง ต่อมาคือ “สะพานมิตรภาพไทย–เมียนมาแห่งที่ 1 เปิดมาตั้งแต่ต้นปี 2566” แต่อนุญาตให้เฉพาะคนไทย-ชาวเมียนมาข้ามระหว่าง 2 ประเทศ “อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 7 วัน” เพราะทางการเมียนมาประกาศห้ามต่างชาติเข้าประเทศ เพื่อปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมายเกี่ยวกับการพนันและขบวนการหลอกลวงออนไลน์เพราะปัจจุบันแนวชายแดนเมียนมาตรงข้ามพื้นที่ อ.แม่สอด และ อ.พบพระ “เกิดบ่อนกาสิโนเยอะขึ้น” แล้วมีคนไทยเข้าไปทำงานในบ่อนกาสิโนกันเป็นจำนวนมาก มีทั้งถูกหลอกบังคับไปค้าประเวณี ถูกหลอกทำงานเป็นแอดมินในบ่อนพนันออนไลน์ ทำให้มีการหลบหนีเข้ามาขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกันอย่างต่อเนื่องสำหรับประเด็น “ปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย” ด้วยบริเวณชายแดนเมียนมามีการสู้รบกันมายาวนาน “ประชาชนอาศัยในพื้นที่ต่างอยู่อย่างลำบาก” บางคนจำต้องหนีการสู้รบเดินทางเข้ามาในไทยอย่างผิดกฎหมายผ่านขบวนการนายหน้าลักลอบนำพามาตามช่องทางตามธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ โดยเฉพาะชายแดนเมียนมา-ไทยในพื้นที่ จ.ตาก ตั้งแต่ อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.แม่ระมาด อ.อุ้มผาง และ อ.ท่าสองยาง เพราะมีภูมิศาสตร์เชื่อมต่อกับชายแดนเมียนมายาวถึง 500 กว่า กม. แบ่งเป็นชายแดนทางบก 200 กม. และชายแดนทางน้ำ 300 กม. มีช่องทางธรรมชาติที่เอื้อต่อการลักลอบข้ามแดนเข้ามาในไทยได้ง่ายดังนั้น “ขบวนการลักลอบนำเข้าแรงงานเมียนมาที่ร่วมกับนายหน้าเถื่อนไทย” ในบางกลุ่มมีกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายคุ้มกัน “ใช้ช่องทางธรรมชาติพื้นที่ จ.ตาก” เป็นทางผ่านเข้าสู่ตอนในของประเทศไทยในรูปแบบนั้นก็ไม่ต่างจากอดีตมากนักคือ “นายหน้าจัดหาแรงงานเถื่อนในไทย” ส่วนใหญ่ตอนนี้มักเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือภาคบริการในจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังต้องการแรงงานกันจำนวนมาก “ติดต่อผ่านนายหน้าในเมียนมา” ในการจัดหาแรงงานที่ต้องการเดินทางเข้ามาทำงานในไทยด้วยการเดินทางผ่านพื้นที่ชั้นในของเมียนมาเข้ามายัง อ.เมียวดีและนั่งเรือข้ามแม่น้ำเมยที่กำลังเป็นช่วงน้ำไหลหลากเข้ามาในพื้นที่ 5 อำเภอ ก่อนกระจายไปหลบซ่อนในโกดังรอโอกาสจังหวะลักลอบเข้ามาพื้นที่ตอนในของประเทศ “อันมีค่าใช้จ่ายคนละ 25,000 บาทขึ้นไป” ลักษณะเก็บเงินปลายทางหักจากเงินเดือนที่ได้ทำงานนั้นแม้ว่า “เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย” จะมีการวางกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางธรรมชาติตลอด 24 ชม. ทั้งตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อไม่ให้มีการลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศตามเส้นทางต่างๆ ทำให้ในช่วงนี้มีข่าวการจับกุมนายหน้าเถื่อนนำพาแรงงานผิดกฎหมายเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเพราะเชื่อว่ามีอีกจำนวนมาก “หลุดสายตาเจ้าหน้าที่รัฐ” เดินทางเข้าพื้นที่ตอนในของประเทศได้ สิ่งที่น่าสังเกตคือ “รถบรรทุกสินค้าทางการเกษตรดัดแปลงทำช่องลับซุกซ่อนแรงงานต่างด้าวเยอะขึ้น” ทำให้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญยากต่อการตรวจสอบของฝ่ายเจ้าหน้าที่ หากว่า “การข่าวไม่แม่นยำจริงๆ” เมื่อทำการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายมักจะทำให้เจ้าหน้าที่ถูกฟ้องดำเนินคดีกระทำให้ทรัพย์สินเสียหายได้ดังนั้นถ้าการข่าวไม่แม่นจริงๆ “เจ้าหน้าที่รัฐ” จะไม่ค่อยทำการตรวจค้นรถบรรทุกต้องสงสัยกลายเป็นช่องโหว่ให้แรงงานต่างด้าวไม่น้อยหลุดรอดการตรวจค้นไปได้ เว้นกรณีเข้าเขตถนนสายหลักในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ที่มีอุโมงค์เอกซเรย์ขนาดใหญ่ “ใช้ตรวจรถทุกชนิด” ในการวิเคราะห์หาจุดซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างไรก็ดี ขบวนการขนแรงงานก็มีการปรับเปลี่ยนเลี่ยงการจับกุมตลอดเวลาเช่นกัน ตั้งข้อสังเกตง่ายๆ ตั้งแต่พื้นที่เขตชายแดนไทย-เมียนมาเดินทางเข้าพื้นที่ตอนในประเทศ “ตลอดเส้นทางมีด่านตรวจเข้มงวดหลายจุด” แต่กลับมีแรงงานผิดกฎหมายบางส่วนหลุดรอดไปได้ เรื่องนี้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่น่าคิดอยู่เหมือนกัน...?เหตุทำให้การลักลอบเข้าเมือง “ยากจะหมดจากชายแดน” เพราะเกี่ยวกับผลประโยชน์มหาศาลนี่คือความเคลื่อนไหวจาก “ชายแดนเมียนมา–ไทย” ยังมีสู้การรบระหว่างทหารเมียนมาและกองกำลังชนกลุ่มน้อยอย่างดุเดือด ที่ไม่ใช่สร้างความเดือดร้อนให้เฉพาะประชาชนเมียนมาเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาทั้งทางตรงและทางอ้อมมากมายอยู่ขณะนี้...คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม