ไทยมีประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีดินแดนติดต่อกันด้านตะวันออก ได้แก่ กัมพูชา ส่วนด้านตะวันตก ได้แก่ พม่า ประเทศทั้งสองต่างมีปัญหาด้านประชาธิปไตยพม่าเพิ่งจะเกิดรัฐประหาร ฝ่ายทหารยึดอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย ภายใต้การนำของอองซาน ซูจี ตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยอ้างว่ารัฐบาลซูจีโกงการเลือกตั้งรัฐบาลเผด็จการพม่าสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งภายใน 1 ปี แต่ผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน ชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆได้ลุกฮือ จับอาวุธต่อสู้กับกองทัพรัฐบาล กลายเป็นสงครามกลางเมือง ส่วนกัมพูชาเพิ่งจะมีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมผลการเลือกตั้ง พรรคประชาชนกัมพูชาเป็นผู้ชนะ แบบฟ้าถล่มดินทลาย เพราะไม่มีคู่ต่อสู้ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านที่แท้จริง พรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็งถูกสั่งยุบ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ระดับผู้นำพรรคถูกจับกุมคุมขัง บางคนต้องเผ่นไปลี้ภัยในต่างประเทศ เช่น นายสม รังสี ผู้นำพรรคกู้ชาติกัมพูชา ที่ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศสหลังการเลือกตั้ง สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ที่ครองอำนาจมาถึง 38 ปี ประกาศวางมือการเมือง มอบตำแหน่งผู้นำให้ พล.อ.ฮุน มาเนต ผบ.ทบ. บุตรชายคนโต มีเสียงวิจารณ์ว่าเลียนแบบเกาหลี เหนือ คือการสืบทอดอำนาจจากพ่อสู่ลูก จากรุ่นลูกสู่รุ่นหลาน กลายเป็น “ราชวงศ์” ทางการเมืองคาดว่า พล.อ.ฮุน มาเนต จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในอีกไม่กี่วัน เนื่องจากอายุแค่ 45 ปี จึงคงจะสืบทอดต่อไปอีกนาน ทำให้ 3 ประเทศ คือ พม่า ไทย และกัมพูชา ต่างมีนายพลเอกเป็นนายกฯ แต่ระบบการปกครองอาจต่างกัน พม่าเป็นเผด็จการเต็มใบ ส่วนกัมพูชาเป็นประชาธิปไตยแต่อาจเป็นประชาธิปไตยที่ไม่เต็มใบ เพราะมีการเลือกตั้ง แต่ไม่มีพรรคคู่แข่งที่แท้จริง ทั้งพม่ากับกัมพูชาต่างเคยเป็นเมืองขึ้นของมหาอำนาจตะวันตก พม่าเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ได้รับเอกราชเมื่อปี 2491 มีรัฐประหารปี 2505 ยึดอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย และเป็นเผด็จการยาวนาน 26 ปี จึงมีการลุกฮือขับไล่ส่วนกัมพูชาเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศส ได้รับเอกราชเมื่อปี 2496 เป็นเผด็จการบ้าง ประชาธิปไตยบ้าง เต็มใบบ้าง ไม่เต็มใบบ้าง ส่วนไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร เปลี่ยนการปกครองเป็นประชาธิปไตยมากว่า 91 ปี ยาวนานที่สุดในกลุ่มอาเซียน แต่ไม่สามารถตั้งรัฐบาล หลังจากฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้ง.คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม