คำร้องขอความเป็นธรรมจากศาล ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมการสอบสวนคดีพิเศษ อาจกลายเป็นการเปิดประเด็นใหม่ๆขึ้นมา นายธาริตขอร้องให้ศาลฎีกาส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าการที่ตนถูกฟ้องว่ากระทำผิดตาม ป. อาญา มาตรา 157 และมาตรา 200 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่อดีตอธิบดีกรมดีเอสไอ ยื่นคำร้องต่อศาล ก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ฟ้องนายธาริตกับพวก กระทำผิด ม.157 และ ม.200 ในข้อหากลั่นแกล้งให้โจทก์ทั้งสองได้รับโทษทางอาญาเป็นผลสืบเนื่องจากคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 ขณะที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี นายสุเทพเป็นรองนายกรัฐมนตรี มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งนายสุเทพเป็นผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ใช้ทหารสลายการชุมนุม มีผู้เสียชีวิต 99 ศพนายธาริตในฐานะอธิบดีกรมดีเอสไอ จึงฟ้องนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ ในข้อหาทำร้ายประชาชน มีผู้บาดเจ็บกว่า 2,000 คน เสียชีวิต 99 ศพ แต่ศาลเห็นว่าเป็นการสลายการชุมนุมโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพจึงฟ้องกลับ ศาลชั้นต้นยกฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านายธาริตมีความผิด มีการฎีกา ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 10 กรกฎาคม นายธาริตจึงร้องขอความเป็นธรรม แต่เปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา โดยเปิดเผยว่าตนไปพบนายทหารระดับใหญ่มาก บอกตนว่าห้ามดำเนินคดี 99 ศพ มิฉะนั้น “พวกอั๊วจะปฏิวัติ” และย้ายนายธาริตเป็นคนแรกเป็นการเปิดประเด็นการเมืองว่า รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เกิดจากสาเหตุใด เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี 99 ศพหรือไม่ นายธาริตเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อแก้ไขความผิดพลาด และคืนความยุติธรรมให้ 99 ศพ ส่วนตนพร้อมที่จะไปฟังคำพิพากษาและพร้อมติดคุกแต่คดีนี้อาจนำไปสู่การอภิปราย หรือถกเถียงในสังคมไทย เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมที่มีการใช้กระสุนจริง รวมทั้งปัญหาสิทธิมนุษยชน ถ้าหากรัฐบาลใหม่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ อาจนำประเด็นต่างๆไปสานต่อ แต่ถ้ารัฐบาลใหม่กลายเป็นขั้วเดิม คงจะเมินเฉยปัญหาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย.