เชื่อว่าการเลือกนายกฯ 13 ก.ค. ผ่านในรอบที่ 1นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เปิดมุมคิดส่วนตัวมองสถานการณ์การประชุมรัฐสภา วันที่ 13 ก.ค. เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ซึ่งเป็นการประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนราษฎร มี ส.ส.500 คน และวุฒิสภา มี ส.ว.250 คน รวมเป็น 750 คนนับเป็นมุมคิดที่เหมือนกับแกนนำหลายคนของพรรคก้าวไกลก่อนหน้านั้น ที่มั่นใจว่า คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ผ่านด่านที่ประชุมรัฐสภา โดยมี ส.ว. อีก 65 คน มาเติมเต็มเสียงของ 8 พรรคร่วม 312 คน ที่ฟอร์มจัดตั้งรัฐบาล จนครบ 376 คนกว่าก้าวไกลเดินทางมาถึงจุดนี้ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องยอมรับว่าพรรคนี้ไม่คิดเหมือนกันจะเข้าป้ายอันดับ 1 โดยคาดการณ์ได้จำนวน ส.ส.ระดับ 100 คนขึ้นไปมาเป็นอันดับ 2 พอพลิกเป็นอันดับ 1 ต้องปรับแผนที่วางไว้เอาทั้งหมด พยายามแสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่างอยากเห็นรัฐบาลประชาธิปไตยเกิดขึ้น ฉะนั้นการพูดคุยกับพรรคร่วมก็ตรงไปตรงมา บนความรู้สึกกดดันจากความคาดหวังของประชาชนในทุกนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ ถ้าชนะเกิน 250 ที่นั่ง คงไม่กดดันเท่านี้ เพราะมีเสียงมากพอผลักดันนโยบายได้ทั้งหมดพอกลายเป็น 2 พรรค อันดับ 1 และอันดับ 2 จับมือจัดตั้งรัฐบาล ที่ไม่เคยมีมาก่อน จุดนี้ต้องบริหาร ความคาดหวังของแต่ละพรรค บริหารน้ำใจ ให้เกียรติกันในการทำงานพยายามแสวงหาจุดให้ได้ว่านโยบายอะไรที่ร่วมกันได้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ทุกอย่างสอดรับกันได้ เวลาพูดถึงนโยบาย ไม่ได้มองตำแหน่งรัฐมนตรี แต่มันคือเรื่องของงบประมาณ ก้าวไกลย้ำเสมอเอานโยบายเป็นตัวตั้ง เน้นทำงานลักษณะเป็นพาร์ตเนอร์ให้มากขึ้นวิน–วินกับทุกพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลและก้าวไกลเตรียมพร้อมทุกซินาริโอแต่ในทางการเมืองระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย เหมือนยืนอยู่คนละขั้วและแฟนคลับต่างฝ่ายต่างกระทบกระทั่งกันตลอด โดยเฉพาะช่วงเจรจาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เหตุการณ์คุกรุ่นมาก นายพิจารณ์ บอกว่า เป็นเรื่องปกติที่อยู่คนละพรรคการเมืองสมัยเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน ก็กระทบกระทั่ง เป็นไปตามสภาพของแต่ละพรรคที่มีแนวคิดแตกต่างกันจริงๆ โดยมีจุดร่วมบนเส้นทางประชาธิปไตย ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งอย่างตำแหน่งประธานสภาฯ เราเข้าใจในมุมของเพื่อไทย ที่อาจมีปัญหาภายในพรรค ต้องทำความเข้าใจกับ ส.ส. จุดสุดท้ายก็ได้ทางออกอย่างที่เห็น อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา มาเป็นประธานสภาฯก้าวไกลก็คุยกันเยอะ ถ้าแบบนี้แล้วจะเดินอย่างไร ก็มีหลายข้อเสนอ รวมถึงไปหยั่งเสียงของ ส.ส. เลยเป็นที่มา ไม่เอาตำแหน่ง อำนาจ หรือเรื่องอะไรมาคิดและกลับไปที่เอาประเด็นเป็นตัวตั้ง ตามระบบควรเป็นพรรคอันดับ 1 ได้ประธานสภาฯ และเหตุผลต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนให้สภาฯ เปลี่ยนแปลง เป็นที่มาที่คุณชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ไปคุย แลกเปลี่ยนกับอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทาผลการพูดคุยเป็นไปด้วยดี ท่านมีวิสัยทัศน์ใกล้เคียงกัน เชื่อว่าหลายสิ่งอย่างที่เราอยากผลักดัน จะเป็นไปได้ภายใต้ประธานสภาฯ ผ่านอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทาส่วนการผลักดันกฎหมายได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทย พยายามใส่เข้าไปในเอ็มโอยูตั้งแต่ฉบับแรก แล้วมันไม่มี เพื่อให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็กลายเป็นเอ็มโอยูฉบับที่ 2 ย้ำอีกครั้งให้ชัด ร่วมนำเสนอคุณพิธาเป็นนายกฯอย่างสุดความสามารถฉะนั้นการเดินทางมาถึงวันนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะถอย สำหรับการแสวงหาความร่วมมือ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจนกว่าเดิม ได้ดีกว่าเดิมถอยเพื่อเดินหน้า สู่ความสำเร็จอีกแบบหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตอย่างไรต่อการเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 มีพรรคอื่นเสนอชื่อแข่ง แต่ประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่เป็นคนจากพรรคการเมืองอื่น กลับไม่มีพรรคไหนเสนอชื่อแข่ง จะส่งผลต่อการโหวตนายกฯ ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 13 ก.ค.อย่างไร นายพิจารณ์ บอกว่าจริงๆ คาดหวังเอาไว้อยู่แล้วผมเชื่อมั่น 8 พรรคร่วมจับมือกันแน่น เชื่อมั่นผลโหวตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำให้สังคมเห็นว่าครองเสียงข้างมาก ในสภาผู้แทนราษฎรแน่นอนเป็นแรงเหนี่ยวนำให้ ส.ว. เคารพเสียงประชาชนโหวตให้คุณพิธาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30“ความจริงเคารพ ส.ว. หลายท่านที่เป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ ที่อาจยังไม่อยากออกมาแสดงจุดยืนต่อสาธารณะ เราเข้าใจ และเคารพในการตัดสินใจจากที่เราทำงานหนักตลอด พยายามพูดคุยให้ได้มากที่สุด คุยกับทุกๆท่านที่ยังมีความลังเล และอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเรา ก็ขอเข้าพบ เข้าไปพบ อธิบายอะไรต่ออะไรอย่างประเด็นฐานทัพสหรัฐอเมริกา กระจายอำนาจ ปฏิรูปกองทัพ ส.ว.หลายท่านก็สอบถาม สุดท้ายรู้จักตัวตนก้าวไกลมากยิ่งขึ้น หลายท่านก็รับปาก มั่นใจว่าแค่ 60-70 เสียงจาก 250 เป็นไปได้อยู่แล้วผมเชื่อมั่นทุกคนตัดสินใจอยู่บนพื้นฐาน เพื่ออนาคตของประเทศ ผลประโยชน์ของประเทศ”ถึงวันนี้มั่นใจ 60-70 ส.ว. พร้อมโหวตสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกฯ แต่ถ้าหากโหวตไม่ผ่านรอบแรก วันที่ 13 ก.ค. พรรคก้าวไกลวางแผนเตรียมเสนอชื่อคุณพิธาอีกกี่รอบ นายพิจารณ์ บอกว่า เชื่อมั่นผ่านในรอบที่ 1สมมติไม่ผ่าน ก็วางยุทธศาสตร์ และวางแผนไว้พอสมควรจะทำอะไรต่อ ก่อนไปสู่การโหวตครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3ทั้งนี้เราไม่ได้คุยกันเรื่องจำนวนครั้ง เพราะ 8 พรรคจับมือกันเหนียวแน่น และประชาชนให้การสนับสนุน มันก็ไปได้เรื่อยๆ แต่แน่นอนต้องดูผลการลงมติด้วยที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลอยู่กับความเป็นไปไม่ได้และเป็นได้มาโดยตลอด อะไรที่เขาประเมินว่าไม่น่าเป็นไปได้ ก็เป็นไปได้มาหลายครั้ง ตั้งแต่เลือกตั้งยุคพรรคอนาคตใหม่ เลือกตั้งยุคพรรคก้าวไกล หรือการทำงานหลายอย่างในสภาฯความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย มั่นคงตลอดรอดฝั่งแค่ไหน เพราะเหมือนผัวเมียทะเลาะตบจูบๆตลอด โดยกรณีโหวตนายกฯ ครั้งแรกไม่ผ่านด่าน 376 เสียง เริ่มคุยถึงขั้นไหนแล้วที่จะสลับให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำ นายพิจารณ์ บอกว่า มีพูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้ข้อสรุป แค่ประเมินสถานการณ์ เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อไหร่ ไม่ได้คุยถึงขั้นท่าทีของเราจะเป็นอย่างไรตอนนี้อยู่ในช่วงฝุ่นตลบ ผู้สนับสนุนพรรค สมาชิกพรรค ส.ส.ภายในพรรค มีการแสดงความคิดเห็น นำมาซึ่งบรรยากาศที่คนดู ดูเหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ความเป็นจริงระดับแกนนำพยายามพูดคุยกันตลอดมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล นัดปักหลักชุมนุม เพื่อกดดัน ส.ว.ให้สนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกฯ ถูกฝ่ายตรงข้ามพยายามระบุว่าพรรคก้าวไกลปลุกม็อบ นายพิจารณ์ บอกว่า เป็นความรู้สึกของประชาชนตั้งแต่รัฐประหาร ปี 57 ต่อเนื่องมารัฐบาลสืบทอดอำนาจ โดยมี ส.ว. ส่วนหนึ่งใน 250 คน ยกมือสนับสนุนพอมาสู่การโหวตนายกฯ วนกลับมาอีกรอบ จะยึดแนวเดียวกับ ปี 62 ที่ระบุว่าพรรคใดรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ใช่หรือไม่ ประชาชนคาดหวัง อยากให้ ส.ว. ลงมติเป็นไปตามครรลอง และระบบที่ถูกต้อง ไม่ใช่เฉพาะ ส.ว. ฝั่ง ส.ส. เสียงข้างน้อยสามารถยืนยันในระบบที่ถูกต้องว่า พรรคอันดับ 1 ควรได้จัดตั้งรัฐบาลยืนยันก้าวไกลไม่ได้ปลุกปั่นมวลชนยิ่งงวดเข้ามาใกล้วันที่ 13 ก.ค. ประชาชนก็อยากออกมาแสดงพลัง ในทางกลับกันก้าวไกลก็พยายามทำความเข้าใจกับมวลชน แล้วให้กำลังใจ และผมคิดว่าตอนนี้ต้องให้กำลังใจ ส.ว.8 พรรคร่วมจะเสนอชื่อคุณพิธา ลากยาวจนถึง ส.ว.ครบวาระเดือน พ.ค.2567 นายพิจารณ์ บอกว่า คงไม่เกิดขึ้นถึงขั้นนั้น เพราะระบอบประชาธิปไตยดูบิดเบี้ยวมากเกินไป ไม่มีผลดีต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศและเศรษฐกิจยังมีหลายซินาริโอ…ขออุบเอาไว้ก่อนเราเชื่อมั่นต้องหาทางออกที่ดีให้สังคม.ทีมการเมือง