สื่อต่างชาติระบุว่า ประชาธิปไตยในประเทศอาเซียนต่อไปนี้ ถูกจับตามากที่สุด ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา และ ไทย หากประชาธิปไตยเกิดสะดุดขึ้นมาระหว่างทางของวิถีประชาธิปไตย จะกระทบกับการบริหารและความน่าเชื่อถือของประเทศทันทีประเทศเมียนมา ถูกบอยคอตจากประเทศต่างๆเกือบจะทั่วโลก ปัจจุบันจะเรียกได้ว่า เมียนมา ต้องปิดประเทศไปโดยปริยาย มีผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสาธารณสุข โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิดที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันซ้ำเติมให้เมียนมา ต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างหนัก ถึงเมียนมาจะมีแหล่งพลังงานธรรมชาติที่สำคัญเป็นสินค้าส่งออก แต่ก็ถูกแอนตี้จากต่างประเทศ จนเกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศคาดกันว่าแม้เมียนมาพยายามอาศัยแสงสว่างของประชาธิปไตยในการฟื้นฟูประเทศ โดยประกาศที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นในเมียนมา ก็ไม่สามารถที่จะกู้ประชาธิปไตยให้ฟื้นคืนมาได้อีกแล้วนายกฯฮุน เซน ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา หรือ ซีพีพี เริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในกรุงพนมเปญ เรียกร้องให้ประชาชนและผู้สมัครของพรรคพร้อมใจกันลงคะแนนให้พรรค ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ก.ค.นี้ อ้างด้วยว่า 44 ปีที่ พรรคซีพีพี ปกครองประเทศทำให้ประเทศก้าวข้ามผ่านการฆ่าล้าง เผ่าพันธุ์ ในรัฐบาลเขมรแดงสู่การพัฒนาประเทศอย่างสงบเรียบร้อยฮุน เซน ที่บริหารประเทศมากว่า 38 ปี กำลังสืบทอดอำนาจให้กับลูกชาย พล.อ.ฮุน มาเนต ว่าที่นายกฯกัมพูชาคนต่อไปการเลือกตั้งในกัมพูชาครั้งนี้ มีพรรคการเมืองส่งเข้าประกวด 18 พรรค ยกเว้น พรรคแสงเทียน ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านคู่แข่งสำคัญของ ซีพีพี ไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ เพราะถูก กกต.ตัดสินว่า ขาดคุณสมบัติดังนั้นพรรคซีพีพีก็จะครองอำนาจในกัมพูชาต่อไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับ ประเทศไทย ตอนนี้ แม้การเลือกตั้งจะผ่านไปแล้วเกือบ 2 เดือน แต่รูปร่างหน้าตาของรัฐบาลใหม่ก็ยังไม่ชัดเจน เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับการเมืองการปกครองในประเทศ ดูคลุมเครือชอบกลการสืบทอดอำนาจในประเทศไทย เมียนมา และกัมพูชา กำลังจะนำไปสู่บริบทเดียวกัน คือจะถูกโฟกัสจากประเทศทั่วโลกว่ายังไม่มีความเจริญของระบอบประชาธิปไตยดีพอ และเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ยังมีปัญหาจากความไม่แน่นอนจากการเข้าแทรกแซงโดยอำนาจรัฐและอำนาจจากกองทัพในขณะที่กลายเป็น ประเทศที่ถูกปักหมุด จากการค้าความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจ จีน สหรัฐฯ รัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นระบบสังคมนิยม ทุนนิยม หรือเสรีนิยม พยายามที่จะมีบทบาทเข้ามาแทรกแซงทั้งนี้จะมีการวัดจากความเจริญเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนประกอบกับการเมืองการปกครอง ที่แตกต่างกันในภูมิภาคเดียวกัน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม หลุดจากกับดักวงจรอุบาทว์ได้แล้ว ส่วนเรายังเกาะกลุ่มอยู่ในสามประเทศไม่ไปไหน.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th