ในฉบับวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้เขียนเตือนนักการเมืองและพรรคการเมืองตลอดจนผู้สนับสนุนต่างๆที่ยุคนี้เรียกกันว่า “FC” บ้าง หรือ “ด้อม” บ้าง ขอให้ทุกฝ่ายใช้สติใช้ปัญญาอย่างถึงที่สุดในการเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกโอกาสนับแต่นี้เป็นต้นไปเพราะเข้าสู่โหมดของการเลือกประธานสภาเลือกนายกรัฐมนตรีและการร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้วถึงขั้นตอนที่จะต้องลงมือปฏิบัติต้องลงคะแนนสนับสนุนว่า เอาใคร ไม่เอาใคร ซึ่งจะเกิดผลตามมาอย่างจริงจังตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ผมจึงฝากไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะเป็นที่ถูกใจหรือไม่ถูกใจสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือหลายๆฝ่ายก็ตาม ขอให้ใช้ “สมอง” พร้อมด้วย สติ-ปัญญา ในการแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยเถิดอย่าใช้อารมณ์ อย่าให้ความก้าวร้าว ความโกรธขึ้งไปจนถึงการใช้ “บาทา” หรือ “เท้า” รวมตัวพากันเดินสู่ท้องถนนอย่างเด็ดขาดเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังน่าห่วงมาก และอาจไม่ฟื้นกลับมาง่ายๆ อย่างที่นักการเมืองบางคนคาดหวังลำพังอยู่เฉยๆ ไม่ทะเลาะกันเลยก็จะแก้ปัญหายากอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดความวุ่นวายต่างๆขึ้นมาซํ้าเติมละก็ การแก้ปัญหาจะยากเย็นแสนเข็ญขึ้นอีกเป็นทวีคูณเขียนทิ้งท้ายไว้อย่างนี้ก็ปรากฏว่าในวันเดียวกันนั้นเอง ก็ได้อ่านบทความกึ่งสัมภาษณ์ของ ทีมข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ ลงตีพิมพ์ในไทยรัฐ ฉบับวันจันทร์เช่นกันพาดหัวตัวโตๆด้วยข้อความว่า “กอบศักดิ์ห่วงการเมืองไทย...ต้องนิ่งก่อนเข้าสู่โค้งอันตรายเศรษฐกิจโลก” พร้อมรายละเอียด เต็มหน้า 8ชื่อ กอบศักดิ์ ในที่นี้ก็คือ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีพร้อมทั้งความรู้ด้านทฤษฎีและการทำงานภาคปฏิบัติ...ผ่านมาทั้ง ธนาคารชาติ, รัฐมนตรีเศรษฐกิจ “1 ใน 4 กุมาร” ของรัฐบาลประยุทธ์ยุคกลางๆ และปัจจุบันก็คือ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ของแบงก์บัวหลวง แบงก์ใหญ่แบงก์หนึ่งของประเทศไทยผมติดตามผลงานของท่านอย่างไม่คลาดสายตามาตลอดล่าสุดก็ยังเป็น FC ของเฟซบุ๊ก “ดร.กอบศักดิ์” พร้อมกด “กระดิ่ง” แจ้งเตือนเอาไว้ เพื่ออ่านรายงานเรื่องหุ้น เรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ เศรษฐกิจโลก ให้ครบทุกเรื่องที่ท่านโพสต์แสดงความคิดความเห็นในเฟซบุ๊กของท่านส่วนใหญ่ผมเห็นด้วยกับท่านครับ โดยเฉพาะคำเตือนของท่านในหน้า 8 ไทยรัฐฉบับวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม เห็นด้วยมากที่สุดดร.กอบศักดิ์สรุป “สถานการณ์เศรษฐกิจโลก” ที่ยังไม่สะเด็ดนํ้า ให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นข้อๆ เริ่มตั้งแต่เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่แม้จะดูดีขึ้น แต่ปัญหายังไม่จบ ยังต้องมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ทุกครั้งที่สหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยภาคอสังหาริมทรัพย์ก็แย่ ธนาคารก็มีปัญหา โดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็กที่อาจต้องล้มลง หรือมีการควบรวมนอกจากสหรัฐฯแล้ว เงินเฟ้อในยุโรปก็ยังสูงถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ดร.กอบศักดิ์เชื่อว่าธนาคารกลางยุโรปต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกแน่ๆ อันจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาเช่นกันท่านคาดการณ์ด้วยว่าเราจะได้เห็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตลาดเกิดใหม่นับ 10 ประเทศ เช่น ศรีลังกา, ลาว, เมียนมา, บังกลาเทศ, ปากีสถาน, ตุรกี โชคดีที่ส่วนใหญ่มักเป็นประเทศเล็กๆดร.กอบศักดิ์ วิเคราะห์ด้วยความห่วงใยอีก 2-3 ปัญหา ที่ผมขอไม่สรุปแต่จะข้ามไปสรุปที่คำพูดของท่านเลยดีกว่า“ความไม่แน่นอนของการเมืองไทยทำให้ในระหว่างที่ประเทศไทยเข้าสู่ความคับขันทางเศรษฐกิจ เราจะมีปัญหาเพิ่มเติม เพราะเวลาเข้าโค้งอันตรายเราต้องการคนควบคุมที่ดี ประเทศไทยต้องนิ่งพอที่จะผ่านโค้งนี้ไปให้ได้ แต่ขณะนี้เหมือนยังมีปัญหาการเมืองที่ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร?”ระยะเวลาที่จะเข้าโค้งอันตรายในทัศนะของ ดร.กอบศักดิ์ คือ เดือนกันยายนอีกแค่ 2 เดือนกว่าที่จะถึงนี่เองผมก็หวังว่าคำเตือนของ “กูรูเศรษฐกิจ” ท่านนี้ จะช่วยเบรกความเร่าร้อนทางการเมืองในขณะนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อยผมเชื่อ ดร.กอบศักดิ์ ครับว่า โค้งนี้อันตรายจริงๆ.“ซูม”