บันทึกว่าไว้ ...“นายภู่” ลูก “นายพลับ” ชาว “ชอง” เชื้อสายกัมพูชา อยู่บ้านกร่ำ เมืองแกลง จ.ระยอง แม่ชื่อ “ช้อย” ไม่รู้เป็นคนแปดริ้วหรือเพชรบุรีกันแน่...แต่ “นายภู่” เกิดกรุงเทพฯ 26 มิถุนายน 2329 หลังก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เพียง 4 ปีเริ่มเรียนกับพระในสำนักวัดชีปะขาว รับราชการลุ่มบ้างดีบ้างบางสมัยถึงต้องไปบวชอยู่วัดนานร่วม 18 ปี...หนึ่งในนั้นคือวัดเทพธิดาราม ตอนชีวิตรุ่งเป็น “อาลักษณ์” ก่อนเป็น “หลวงสุนทรโวหาร” และ “พระสุนทรโวหาร”...ได้ชื่อว่าเป็นกวีเอกสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีผลงานที่ถูกใช้เป็นตำราเรียนหลายเล่มที่สำคัญเป็น 1 ใน 5 คนไทยที่องค์การยูเนสโกประกาศเป็นบุคคลสำคัญโลกด้านวรรณกรรมเมื่อปี 2529...เป็นสามัญชนคนแรกของไทยที่ได้รับเกียรติครั้งนี้ ทำให้คนไทยยกย่องต่อมาว่าเป็น “เชคสเปียร์เมืองไทย” เทียบชั้นกวีนิพนธ์ระดับโลกชาวอังกฤษชื่อ “วิลเลียม เชคสเปียร์” ผู้ได้รับสมญานามว่าเป็น “กวีแห่งเอวอน” ด้วยเกิดและเติบโตที่เมืองสแตรทฟอร์ด ริมฝั่งแม่น้ำเอวอน เมื่อ 26 เมษายน ค.ศ.1564งานเขียนของกวีผู้นี้เป็นบทละคร 38 เรื่อง กวีนิพนธ์สไตล์ซอนเน็ตฉันทลักษณ์อังกฤษ 154 เรื่อง ติดอันดับนิยายรักสุดขั้วหัวใจหนุ่มสาวทุกยุคคือ “โรมิโอกับจูเลียต” และรวมบทกวีขนาดยาวอีก 2 ล้านบท... งานทั้งหมดยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆทั่วโลกอีกจมหูส่วนงานของ “เชคสเปียร์เมืองไทย” เป็นนิราศเรื่องแรกซึ่งเขียนรำพันเป็นกลอนขณะพายเรือเร่ร่อนไปเยี่ยม “พ่อ” ซึ่งบวชเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดป่าบ้านกร่ำ เมืองแกลง และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระอารัญธรรมรังสี” นอกจากนั้นมี “นิราศพระบาท” “นิราศภูเขาทอง” “นิราศสุพรรณ” “นิราศวัดเจ้าฟ้า” “นิราศอิเหนา” “นิราศเมืองเพชร” และ “รำพันพิลาป”เป็นนิทานบทกลอนชิ้นเอกได้แก่ “พระอภัยมณี” “โคบุตร” “พระไชยสุริยา” “ลักษณวงศ์” และ “สิงหไตรภพ” เป็นสุภาษิตมี “สวัสดิรักษา” “เพลงยาวถวายโอวาท” บทละคร “อภัยนุราช”บทเสภา “ขุนช้างขุนแผน” กับบทเสภาพระราชพงศาวดาร เป็นบทเห่กล่อมได้แก่ “เห่กล่อมพระบรรทม” “เห่เรื่องพระอภัยมณี” “เห่เรื่องโคบุตร” “เห่เรื่องจับระบำ” “เห่เรื่องกากี” งานเหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกนำไปทำเป็นเพลงติดหูคนไทยยุคหนึ่ง อีกทั้งเป็นบทละครและภาพยนตร์ตามสมัยนิยมก่อนยุค “อินดี้” เข้ามาแทนที่กระนั้น...ชีวิตคนทั้งสองดูจะผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาหลายซีน... เช่นกวีแห่งฝั่งน้ำเอวอนมีบันทึกระบุไว้ว่าต้องรีบเผ่นจากสแตรทฟอร์ดไปกรุงลอนดอน เพราะหลบคดีขโมยกวาง แล้วไปสมัครเป็นเบ๊อยู่โรงละคร กับบางฉบับบอกไปเป็นครูอยู่ก่อนแล้วต้องแต่งงานแบบด่วนจี๋...ด้วยเจ้าสาวเกิดท้องโย้ก่อนแต่งถึง 6 เดือนฝ่ายกวีลุ่มเจ้าพระยา...เมื่อคราวลอบรักกับนางข้าหลวงชื่อ “จัน” อยู่วังหลัง ชะรอยเธอจะเป็นบุตรีผู้ดีมีศักดิ์ ความเลยแตกรู้ถึงหูพระราชวังหลังจึงถูกสั่งโบยและจับไปขังคุก แต่ไม่นานก็ได้รับอภัยโทษเลยตัดสินใจพายเรือตามลำน้ำออกทะเลไปหา “พ่อ” เกิด “นิราศเมืองแกลง” พร่ำพรรณนาถึงการจากลาสาวที่รักผสมกับสิ่งพบเห็นบนทางผ่านที่สุดของกวีเอวอน...คือได้กลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดเมืองสแตรทฟอร์ด และสิ้นลม ค.ศ.1613 ด้วยอายุ 51 ปี โดยได้มีการสร้างรูปหล่อครึ่งตัวอยู่ภายในวิหารประจำเมือง ตัดภาพกลับมาที่กวีรัตนโกสินทร์ขณะอายุ 56 ปีบวชเป็นพระอยู่วัดเทพธิดาราม เกิดฝันเห็นเทวดาจะมารับตัวจนต้องเตรียมตัวตาย อยู่หลายปี และเป็นมูลเหตุให้คิดเขียนลำนำ “รำพันพิลาป” ขึ้น... แล้วตายจริงเมื่อปี 2398 อายุได้ 69 ปี...ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์อยู่บ้านกร่ำแผ่นดิน “พ่อ” ให้คนไปใครมาได้กราบไหว้ขอพร...ซึ่งส่วนใหญ่สมหวังโดยเฉพาะการสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูวันที่ 26 มิถุนายนทุกปี...ปีนี้ชาตกาล 237 ปีชาวบ้านกร่ำพร้อมใจกันแสดงมุทิตาจิต “ปู่ภู่” ด้วยการจัดกิจกรรม “วันสุนทรภู่” ขึ้น เพื่อรำลึกถึงด้วยพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณ กับจัดริ้วขบวนแห่บนถนนหน้าอนุสาวรีย์ อีกทั้งการอ่านลำนำ แสดงนิทรรศการ และรื่นเริงประจำปี 3 วัน 3 คืนแต่เช่นเคย...หลังการเฉลิมฉลองจนจบสิ้น ชุมชนบ้านกร่ำพลันหงอยเหงาไปตามวิถีแบบเดิมๆ จะมีก็แต่ภาพประติมากรรมของ “ปู่” บนเนินดินประดับด้วยภาพตัวละครเอกในวรรณคดี “พระอภัยมณี” เป็นจุดขายจิตวิญญาณที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ...นอกจากสิ่งนี้ไปตลอดปี ครูกัง“ครูกัง” บุญเกียรติ บุญช่วยเหลือ แห่ง “พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง” บ้านกร่ำ แหล่งรวมของเก่าเก็บทั่วราชอาณาจักร รวมถึงรูปหล่อ “ปู่ภู่” จากพิมพ์เขียวต้นแบบที่ยังพอคึกคักอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า...“ชุมชนแห่งนี้มีหลายอย่างที่ปู่รำพันถึง แต่น่าเสียดายทุกอย่างสูญหายไป เช่น กุฏิวัดป่ากร่ำที่พ่อปู่อยู่จำพรรษา และปู่เคยอาศัยครั้งมาเยี่ยมพ่อกับบวชที่นี่ได้ถูกรื้อทิ้งไปนานแล้ว”ขณะที่ วัชรพล สารสอน ผอ.ททท.สำนักงานระยอง ได้รวบรวมตำนานไว้เป็นเรื่องเล่าว่า...ครั้งหนึ่งกวีเอกท่านนี้ที่เกี่ยวข้องกับบ้านกร่ำ เพื่อเป็นซอฟต์เพาเวอร์ส่งเสริมเป็นสินค้าขายท่องเที่ยวเช่น เกาะเสม็ดที่ถูกปั้นสู่เกาะแก้วพิสดาร แล้วชูโรงนางผีเสื้อสมุทรกับสินสมุทรบุตรชายอันเกิดจากพระอภัยมณี และเงือกสาวสุพรรณมัจฉากิ๊กพระอภัยฯเป็นตัวสอดแทรก“ททท.ระยองใช้ดราม่านี้เติมสีสันเกาะเสม็ดสร้างแรงจูงใจ เป็นจุดหมายในฝันตามจินตนาการสุนทรภู่ ชวนคนไปเที่ยวแบบไลฟ์สไตล์ด้วยการแต่งแฟนซี ประหนึ่งอยู่ในวรรณกรรมบทนั้น แล้วประกวดประขันรับรางวัลเป็นที่พักและอาหารเพื่อกลับมาเยี่ยมนางผีเสื้อสมุทรอีก” โสธร เทพนุเคราะห์ด้าน โสธร เทพนุเคราะห์ นายกสมาคมประมงสุนทรภู่ ลูกหลานชาวบ้านกร่ำที่นอกจากผลักดันวัตถุดิบจากทะเลเป็นอาหารชวนชิมสำหรับนักท่องเที่ยว ยังมีโปรแกรมสักการะอนุสาวรีย์ “ปู่ภู่” กับเป็นโต้โผดำเนินกิจการ “ภูผาทัวร์” รับคนมาเที่ยวหาดแม่พิมพ์แหล่งลือชื่อเรื่องธรรม ชาติหาดทรายชายทะเลละแวกนี้เขามองว่าปัจจุบันเส้นทางทัวร์ได้ขยายวงจรเพิ่มเติม โดยใช้ลานอนุสาวรีย์เป็นจุดศูนย์กลางออกเรือสู่ทะเลในรัศมีที่ใกล้เคียงพร้อมนำอุปกรณ์กีฬาดำน้ำ ทั้งแบบสนอร์เกิลลิ่งหัดดำผิวน้ำและสคูบาดำดิ่งลงสู่โลกมหัศจรรย์ใต้ท้องทะเล ปักหมุดไว้ที่บริเวณเกาะทะลุ กับเกาะมันกลางดูปะการังและหมู่ปลาหลากสีแล้วเยี่ยมชมโครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าตนุ เต่ามะเฟือง เต่ากระ ตามพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง บริเวณเกาะมันใน ซึ่งนับเป็นกิจกรรมทัวร์ทะเลแห่งใหม่นอกเหนือจากแม่พิมพ์ทุกเหลี่ยมมิติเหล่านี้สะท้อนถึงภาพอนาคตตรงกัน หวังว่าชาตกาลครั้งต่อๆไปของ “เชคสเปียร์เมืองไทย” คงมีอะไรใหม่ๆขับเคลื่อนตลอดปี...ให้สมค่าราคาความเป็นกวีเอกไม่ต่าง “วิลเลียม เชคสเปียร์” แห่งลุ่มน้ำเอวอน.