ต้องชื่นชมสำหรับช่องไทยพีบีเอสที่ยึดมั่นในกฎเกณฑ์การคัดสรรละครที่เน้นเรื่องคุณภาพ ซึ่งล่าสุดเตรียมส่งเรื่อง “บุษบาลุยไฟ” ละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์ ผลงานการผลิตของ บริษัท จูเวไนล์ โดยคว้า เฌอปราง อารีย์กุล สลัดภาพไอดอลสาวแห่งวง BNK48 มาสวมชุดไทย พร้อมพาย้อนกลับไปสัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตและบ้านเมืองในยุค ร.3 แต่ก็สอดแทรกความสนุกแบบละครไว้ครบทุกอรรถรส ประกบ โทนี่ รากแก่น ที่มารับบทหนุ่มชาวจีนสู้ชีวิต ร่วมกับทัพนักแสดงแถวหน้า อาทิ เต๋า-สมชาย, บิ๊ก-ศรุต, ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, ลูกหว้า-พิจิกา, เอ็กซ์-พรเลิศ, บัว-ภัทรสุดา, อ้น-เลอวิทย์, มากิ–มาชิดา, แพรว-หัสสยา, ภัทร–นัตธนนท์, น็อต-ธีร์, ทอม-จักรกฤต, อติล่า กานโยซ์, ริด้า-ฟาริดา, ญาณี-ตราโมท, รัก-ศรัทธา, หยา-จรรยา, จ๋า-โมฬีวรรณ,พรเพ็ญ ฟ้าอำนวย และ กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ โดย “บุษบาลุยไฟ” เป็นเรื่องราวของสตรีผู้มาก่อนกาล ข้ามผ่านอุปสรรคแห่งยุคสมัย ท้าทายขนบ พุทธ ศักราช 2373-2374 รัชสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ลำจวน (เฌอปราง BNK48 และ น้องมากิ ตอนเด็ก) เป็นเด็กหญิงที่อยากเรียนหนังสือ ฉลาด จดจำกลอนและแต่งได้ด้วยวิธีเลียนจาก สุนทรภู่ (ทอม) อยากเป็นนายโรงละครนอกแบบ นายสุ่น (เอ๊กซ์) ผู้เป็นบิดา ขณะที่พวกพี่ๆผู้หญิงอยู่ในกรอบประเพณีรอวันมีสามี ลำจวน พบกับ ฮุน (โทนี่) หนุ่มจีนกำพร้า เขาอยากเป็นช่างเขียน ศิษย์ ครูทองอยู่ (บิ๊ก) ผู้สูงส่ง แต่พวกศิษย์รังเกียจกีดกัน ครูคงแป๊ะ (เต๋า) ช่างเขียนจึงรับเขามาสอน ลำจวน สงสาร ฮุน จึงสอนพูดภาษาไทยให้ชัด6 ปีผ่านไป ฮุน ได้พบ ลำจวน ที่โตเป็นสาว ซึ่งเธอเป็นที่หมายปองของ เจ้าคุณอินทรา (ณัฏฐ์) แห่งนครบาล นพ (ภัทร) จึงให้พ่อยกเธอให้เป็นนางเล็กๆเหมือนพี่ๆของ ลำจวน เพื่อหวังเอาใจ เจ้าคุณอินทรา หญิงสาวตัดสินใจกระโดดลงน้ำหนีระหว่างส่งตัวเข้าพิธี แล้วมาโผล่ที่แพ คุณพุ่ม (บัว) ที่ท่าพระ (ท่าช้าง) จงใจมาขอพึ่ง เพราะ บุษบาท่าเรือจ้าง ท่านนี้คือกวีหญิงประจำใจ คุณพุ่ม จึงจับเธอแต่งเป็นชายให้ชื่อว่า เฉก ขณะที่ทุกคนก็เชื่อว่า ลำจวน จมน้ำตายแล้ว ส่วน ลำจวน ก็เรียนรู้วิชาที่ คุณพุ่ม สอนได้อย่างรวดเร็ว สุนทรภู่ มาทาบทาม คุณพุ่ม ร่วมงานสักวาในวันเพ็ญเดือน 12 เมื่อได้พบ เฉก ก็ถูกชะตา จึงชวนไปร่วมสังสรรค์ที่บ้าน ครูคงแป๊ะ ทำให้ เฉก ได้พบกับ ฮุน และมีโอกาสใกล้ชิดกัน คืนลอยพระประทีปมาถึง คุณพุ่ม อยากอวดความสามารถทางสักวาของ ลำจวน แม้รู้ว่าเสี่ยง และ เจ้าคุณอินทรา ก็จำได้จริงๆ จึงคิดจะชิงตัวเธอกลับไปลงโทษ เรื่องราวความรักและความฝันของ ลำจวน และ ฮุน จะเป็นอย่างไร คงต้องตามเอาใจช่วยกันมาฟัง เฌอปราง พูดถึงละครเรื่องนี้กัน “เรื่องนี้รับบท ลำจวน ค่ะช่างพูดช่างคุย เจ้าบทเจ้ากลอน พอได้ทราบว่าจะได้เล่นละครเรื่องนี้ดีใจมาก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ทรงคุณค่า และให้อะไรกับคนดูมากกว่าแค่ความสนุก ยังมีเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจสอดแทรกอยู่ด้วย ซึ่งท้าทายความสามารถสุดๆ เพราะได้เล่นอะไรที่หลากหลาย เป็นบทละครที่มีพัฒนาการตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่ และด้วยความที่ลำจวนอยากเป็นกวีหญิง ก็ต้องอ่านเขียนเก่ง ซึ่งผิดกับเฌอที่ไม่เก่งภาษาไทย จึงต้องมีการเวิร์กช็อปค่อนข้างหนัก เฌอต้องเรียนทั้งแต่งกลอน อ่านกลอน ร้องเพลงไทยเดิม เรียนรำไทย ยังมีเรียนวาดภาพร่วมกับพี่โทนี่ พี่เต๋า สมชายด้วย เพราะในเรื่องเราไปทุกที่ ลุยทุกอย่างจริงๆ เรียกว่าสมบุกสมบันมากๆเลยค่ะยิ่งกว่าลุยไฟ ตกน้ำบ่อยมาก เรือล่มจริงๆก็มี ฝ่าโควิดก็ผ่านมากันได้ แต่ก็เป็นกองที่ทำงานแล้วมีความสุขสนุกมากๆ ถ่ายทำกันมากว่า 2 ปี คนที่ปวดหัวกับเฌอมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพ่ออี๊ด สุประวัติ ที่เฌอมีคำถามคอยถามพ่อตลอด ขอบคุณพ่อมากๆเลยค่ะ รวมทั้งพี่ๆนักแสดงหลายท่านที่คอยสอน รับส่งบทกัน จนเราเชื่อว่าเราเป็นตัวละครนั้นจริงๆ เรื่องนี้เฌอได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นเยอะมาก เป็นละครอีกหนึ่งเรื่องที่รักมากๆค่ะ”เตรียมพบกับความสนุกแฝงความรู้ทางประวัติศาสตร์ในละคร “บุษบาลุยไฟ” ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยพีบีเอส ช่องหมายเลข 3 รับชมอีกครั้งทาง แอปพลิเคชัน VIPA เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 23 มิ.ย. เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ