คุณเอนก นาวิกมูล ค้นเรื่อง วันเด็กสมัยรัชกาลที่ 5 จากหนังสือ อัมพวาสมัย ร.ศ.122 (พ.ศ.2446) เอามาเขียนใหม่ในหนังสือ “นิทานมิบ” (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พ.ศ.2557) ผมอ่านแล้วยิ้มออกพ.ศ.2446 หลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต่างเมืองมาหลายแห่ง พระองค์ท่านทรงนึกขึ้นได้ ได้ทรงแจกเหรียญเสมา ให้เด็กต่างเมืองมามากแล้ว แต่เด็กกรุงเทพฯ กลับยังไม่ได้รับแจกกันเลยในปีนั้น พระองค์มีพระชนมายุได้ 50 พรรษา ทรงครองราชย์มานาน 36 ปี จึงทรงจัดงานฉลองพระชนมายุขึ้น โปรดเกล้าฯให้ตั้งกรรมการตระเตรียมงานแจกเสมาในโอกาสนี้ด้วยคณะกรรมการ พระราชโอรส เจ้านาย ขุนนาง เสนาบดีกระทรวงต่างๆ ก็พากันยินดี คิดกะการรับการไปตกแต่งซุ้ม ทำปะรำ ทำพลับพลา และหาข้าวของมาแจกเด็กเพิ่มเติมเป็นการใหญ่ถึงวันงาน 1 พ.ย.2446 ที่บริเวณงานท้องสนามหลวง และอาณาเขตโดยรอบ ก็สะพรั่งไปด้วยโรงร้านซุ้มรับเสด็จ ตลอดโรงมหรสพทั้งหลาย ตามต้นมะขามรอบสนามหลวง ประดับประดาไปด้วยธงช้าง ธงชาติไทยสมัยนั้นผ้าขาวม้าแดง และป้ายอักษรพระนามรัชกาลที่ 5 กับเลข 50 อันหมายความว่า มีพระชนมายุ 50 พรรษา แขวนอยู่ทุกหนทุกแห่งประชาชนชาวกรุงเทพฯตื่นเต้นกับงานนี้ อุ้มลูกจูงหลานพากันมาคลาคล่ำแออัดยัดเยียดไปหมดเกณฑ์การแจกเสมาครั้งนี้ มีว่าจะแจกเฉพาะเด็กอายุ 9 ขวบลงมา ในหลวงทรงแจกเสมาแก่เด็กด้วยพระองค์เองไม่ได้ถ้วนทั่ว จึงโปรดเกล้าฯให้ข้าราชการกระทรวงต่างๆรับเสมาไปแจกแทนอีกทีหนึ่งยกเว้นเสมาบางส่วน ซึ่งจะทรงแจกแก่ตัวแทนเด็กของพ่อแม่สาขาอาชีพต่างๆโปรดเกล้าฯให้สำรองไว้พระราชทานเป็นกรณีพิเศษในระหว่างพิธีตอนบ่ายงานวันนั้นเด็กๆได้รับความสนุกสนาน ทางการจัดของเล่นของกินมาแถมให้มากมหาศาล กระทรวงมหาดไทยจัดของเลี้ยงเป็นกระเช้าใส่อาหารให้เด็กหิ้วไปกินที่ตรงไหนก็ได้ มียาหอมแก้ลม มีข้าวโพดคั่วใส่ถุงเป็นของแถมกระทรวงอื่นๆ เลี้ยงน้ำชา กาแฟ ขนมปัง ลูกบัว ถั่วลิสง น้ำแข็ง ข้าวหลาม ข้าวต้มหมูร้อนๆ บ้างแจกลูกกวาด ผลไม้แห้ง แจกน้ำอบไทย น้ำอบฝรั่ง ของแจกที่เด็กชอบมาก คือฉลากสอยต้นกัลปพฤกษ์ มีรางวัล 4,000 ชิ้นขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่ง พิมพ์หนังสือชื่อ “เรื่องน่าอ่านน่าดู” มาแจกถึง 10,000 เล่ม ยังมีมหรสพ หุ่นกระบอก กระอั้วแทงควาย เพลงพื้นบ้านพื้นเมือง คนนอนบนปลายหอกปลายดาบ คนหกคะเมนบนไม้สูง ว่ากันว่าคนดูมีสองตา ดูฟังเท่าไรก็ไม่ทั่ว ราวเที่ยง รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนสู่ท้องสนามหลวง ทอดพระเนตรซุ้มรับเสด็จและร้าน บ่าย 3 โมงเสด็จอีกครั้ง เจ้านายขุนนางประชาชน ถวายพระพร พระราชทานพระบรมราโชวาท ทุกคนก็โห่ร้องถวาย 3 ลา จากนั้นเสด็จกลับงานวันนั้นจบอย่างมีความสุข หน้าตาเบิกบานแจ่มใสไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก เด็กเล็กๆได้รับพระราชทานเสมาไปถึง 50,000 คน งานวันเด็กที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวนั้น โอฬารน่าประทับใจไม่แพ้งานใดๆเลยเป็นไง! งานวันเด็กสมัย ร. 5 อ่านแล้วชวนให้คิดถึงวันเด็ก ของทางการ เด็กๆที่ไปทำเนียบรัฐบาลตื่นเต้นดีใจ ที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ดูจากข่าวหลายปี ดูเหมือนผู้ใหญ่เจ้าของเก้าอี้ไม่หวงแต่ความจริงที่กระอักกระอ่วนกันวันนี้ เจ้าของเขายอมให้เด็กนั่งเก้าอี้ในวันเด็กเท่านั้นวันอื่น ไม่ว่าใคร เด็กหรือผู้ใหญ่ อย่าหวังเด็กเล็กๆคนหนึ่งวันนั้น เป็นเด็กโตแล้ววันนี้มีคิวเป็นนายกฯ...กว่าเดือน เจ้าของเก้าอี้ไม่แสดงท่าทียอมให้ หาเรื่องกระบิดกระบวนสารพัดนี่ไง เหตุที่ผมต้องอ่านหนังสือให้มีความสุข ก็แค่ขอหัวเราะเอาชีวิตรอดไปวันๆ ไม่เช่นนั้นคงอกแตกตาย บ้านนี้เมืองนี้เลือกตั้งกันแบบไหน ได้นายกยากเย็นเหลือเกิน.กิเลน ประลองเชิง