จากกรณีคลินิกเอกชนแห่งหนึ่งย่านรังสิต ผ่าตัดศัลยกรรมแก้ไขจมูกให้ผู้ป่วย ซึ่งมีการดมยาสลบ แต่ผู้ป่วยเสียชีวิต ขณะที่แพทย์ผู้ให้บริการ แม้มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ แต่ไม่ได้ขออนุญาตปฏิบัติงานในสถานพยาบาลนั้นๆ ซึ่งมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า ควรมีการเพิ่มโทษ เนื่องจากโทษอาจน้อยเกินไปจึงไม่เกรงกลัวทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ขณะนี้ สบส. อยู่ระหว่างดำเนินการร่าง พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 โดยจะแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรการให้มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งเรื่องการปรับเพิ่มโทษกรณีการโฆษณาชวนเชื่อตามมาตรา 38 และมาตราที่เกี่ยวข้องกับการเปิดคลินิก ทั้งมาตรา 17 และ 18 ซึ่งจะมีการเพิ่มโทษให้หนักขึ้น โทษปรับจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่วนโทษจำคุกยังไม่ได้เพิ่ม การโฆษณาก็มีการปรับเพิ่มขึ้น 3 เท่าในทุกช่องทาง จาก 1 แสน เพิ่มเป็น 3 แสนและคิดตามช่องทางที่มีการโฆษณา เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ หรืออื่นๆ โดยขณะนี้ได้ร่างกฎหมายเสร็จแล้ว เหลือเพียงเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็ต้องรอรัฐบาลใหม่ คาดว่าไม่น่าเกิน 1 ปีต่อข้อถามถึงกรณี สบส.ได้รับเรื่องร้องเรียนของสถานพยาบาล หรือคลินิกเอกชนที่ทำผิดมากน้อยแค่ไหน ทพ.อาคมกล่าวว่า เฉลี่ยเดือนละ 80 เรื่อง ทั้งเรื่องมาตรฐานการรักษา มาตรฐานการบริการ ทั้งการรักษาทั่วไป ศัลยกรรม รวมไปถึงโรคโควิด-19 และร้องเรียนนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่” หรือยูเซป (Universal Coverage for Emergency Patients ; UCEP) โดยเรื่องที่ร้องเรียนเข้ามานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทความงาม เช่น จ่ายเงินแล้วได้รับบริการไม่ได้ดังคาดหวังจึงอยากเรียกเงินคืน เป็นต้น.