“รังสิมันต์ โรม” โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดประเด็นเตรียมตรวจสอบผู้กองนักร้องลูกทุ่งสาวสวย “แคท-อาทิติยา” ดีกรีนางงามหลายเวที ติดยศพุ่งพรวดแบบก้าวกระโดดจาก ส.ต.ต. เป็น ร.ต.อ. ภายใน 3 ปี หลังเข้าหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอส.) ขณะที่เจ้าตัวและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่างยืนยันทั้งหมดเป็นไปตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์การแต่งตั้งทุกประการวิจารณ์หึ่งผู้กองนักร้องลูกทุ่งสาวสวย “แคท-อาทิติยา” ติดยศพุ่งพรวดมาแรงแซงโค้ง เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกรณีมีเพจดังออกมาแฉผู้กองสาวสวยรายหนึ่ง ติดยศแบบก้าวกระโดดจาก ส.ต.ต. เป็นร.ต.อ. หลังเข้าหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอส.) พร้อมเรียกร้องให้เจ้าตัวช่วยตรวจสอบ ใจความสรุปว่า ขณะนี้ผมทราบปัญหาเรื่องการใช้เส้นสายผ่านหลักสูตร กอส.ของตำรวจแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบและจะต้องตรวจสอบย้อนหลังอีกหลายปีด้วย เบื้องต้นทราบข้อมูลหลักสูตร กอส.ให้บุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจมีที่มาคือ 1.เป็นทายาทของตำรวจที่เสียชีวิตในพื้นที่ 2.เป็นผู้มีคุณวุฒิที่ขาดแคลน และ 3.เป็นผู้มีนามสกุลดังที่ขาดแคลนมีรายงานว่า หลังจากที่นายรังสิมันต์ โรม โพสต์ข้อความดังกล่าวไปทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้เป็นวงกว้าง รวมทั้งมีการสืบค้นชื่อของตำรวจหญิงรายนี้กระทั่งทราบว่าตำรวจรายนี้ชื่อ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก รอง สว.กลุ่มงานวิชาการและงานสารบรรณ สังกัดสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ หรือ “แคท-อาทิติยา” ที่คนในวงการเพลงลูกทุ่งรู้จักกันดี รวมทั้งเป็นนางงามคว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที จากนั้นไม่นานเจ้าตัวกล่าวเปิดใจกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า ยืนยันไม่เคยทำผิดกฎระเบียบ การเลื่อนยศเป็นไปตามกฎของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกขั้นตอน เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่นที่อบรมมาด้วยกัน ส่วนที่ถูกมองว่าเอาเวลาไปขึ้นเวทีร้องเพลงหรือประกวดนางงามนั้น ไม่เคยเอาเวลาราชการไปเบียดบัง “แคทเข้างานทุกวันตามเวลาราชการ ทำงานส่วนตัวเฉพาะหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือหากไม่ติดเวรเท่านั้น ไม่เคยเอาเวลาราชการมาใช้ บางครั้งแคทติดงานอยู่ต่างจังหวัดต้องบินไปกลับมาทำงานหรือนั่งรถกลับมาทำงานทุกครั้ง งานส่วนใหญ่ก็ขึ้นแสดงบนเวทีประมาณ 4-5 ทุ่ม ไม่มีเวลาราชการเลยค่ะ”ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 14.00น. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยผ่านเอกสารชี้แจงเรื่องนี้ใจความว่า ตามที่ปรากฏจากสื่อเกี่ยวกับการบรรจุและดำรงตำแหน่ง ร.ต.อ.หญิงนายหนึ่งนั้น หลักสูตร กอส. หรือหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร เป็นหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรโดยบรรจุจากบุคคลภายนอก เช่น ทายาทตำรวจ ผู้มีวุฒิปริญญาสาขาต่างๆ ผู้มีวุฒิปริญญาในสาขาวิชาที่ขาดแคลน นายแพทย์ รพ.ตร. ตำรวจน้ำที่รับโอนมาจากทหารเรือ นักวิทยาศาสตร์ เป็นหลักสูตรตามระเบียบ ตร. กรณีของ ร.ต.อ.หญิงรายนี้เป็นผู้มีวุฒิปริญญาผ่านการคัดเลือกและได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน มีเงื่อนไขเมื่อผ่านการอบรมหลักสูตรตามที่กำหนดแล้วจะได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ ทั้งนี้ ร.ต.อ.หญิงนายนี้ผ่านการรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิใช้วิธีการคัดเลือกตามกฎก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันและตรวจสอบคุณวุฒิ คุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ จนได้บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจยศ ส.ต.ต. หญิง ในปี 63 ตำแหน่ง ผบ.หมู่ฯ ต่อมาผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร กอส.ในปี 64 ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรยศ ร.ต.ต.หญิง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.64 มีคุณวุฒิที่ใช้บรรจุแต่งตั้งคือนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต (ป.โท) จากนั้นใช้ระยะเวลาครองยศ 8 เดือน ได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.ต.ท.หญิงและครองยศ ร.ต.ท.หญิง อีก 1 ปี ก่อนได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.หญิง รวมระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน การเลื่อนยศเป็นไปตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งยศ พ.ศ.2554 ข้อ 8.2.8 กำหนดให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับยศสูงขึ้น ต้องครองยศตามจำนวนปีที่รับราชการ ยกเว้นผู้บรรจุในคุณวุฒิ ป.โทให้รับราชการในชั้นยศร้อยตำรวจตรีหนึ่งปี ร้อยตำรวจโทหนึ่งปีทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความตั้งใจที่จะดูแลขวัญกำลังใจของกำลังพลในส่วนของข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่มีความตั้งใจ มีความรู้ความสามารถที่จะเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร มีการเปิดสอบแข่งขันข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร โดยเมื่อเดือน พ.ค.66 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดรับสมัครตำรวจชั้นประทวนเป็นสัญญาบัตร 430 อัตราสำหรับตำแหน่งทั่วไป และ 450 อัตราสำหรับสายงานสอบสวนวันเดียวกัน นายสุรชัย เบ็ญจะปัก พ่อของ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก หรือแคท อาทิติยา กล่าวยืนยันถึงเรื่องนี้ว่า ลูกสาวทำอาชีพตำรวจเป็นหลัก ส่วนงานอื่นใช้เวลาว่างหลังเลิกงานหรือวันหยุด ส่วนตัวเห็นว่าการมีหลายอาชีพเป็นเรื่องปกติ ใครอยากพูดอะไรพูดเลย แต่ถ้าแรงเกินไปหรือเกินเลยไป ค่อยมาว่ากันทีหลัง