มีเรื่องราวฉาวโฉ่ในวงการคณะสงฆ์เกิดขึ้นและกลายเป็นข่าวโด่งดังเป็นระยะๆ เป็นการละเมิดพระวินัยร้ายแรง ต้องถูกจับสึกพ้นจากความเป็นพระส่วนใหญ่เป็นการต้องอาบัติปาราชิก ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง ต้องพ้นจากภาวะความเป็นพระภิกษุ เรื่องราวที่เป็นข่าว บ่อยครั้ง คือทำผิดปาราชิกข้อที่ 1 และข้อที่ 2นั่นก็คือการเสพเมถุน และการลักทรัพย์ แต่มีบ่อยครั้งที่มีพระภิกษุถูกจับสึกเป็นข่าวบ่อยๆ แม้จะไม่ทำผิดถึงขั้นปาราชิก นั่นก็คือพระภิกษุที่ติดเหล้า หรือตั้งวงก๊งเหล้าเป็นอาจิณ แม้จะเป็นแค่อาบัติปาจิตตีย์ สามารถปลงอาบัติให้พ้นผิดได้ แต่มักจะถูกจับสึก เพราะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านติเตียนหรือโลกวัชชะในวงการการปกครองคณะสงฆ์ จะมีการเตือนพระภิกษุระดับสูงหรือพระดังในด้านต่างๆให้พึงสังวรระวังใน 2 เรื่อง คือ “สตรีกับสตังค์” พระชื่อดังในด้านการเทศน์ หรือด้านไสยศาสตร์ มักจะมีฐานะร่ำรวยหรือเป็น “เสี่ย” ผู้มีสตังค์ เป็นเสน่ห์ดึงดูด “สตรี” อยากใกล้ชิด และนำไปสู่ปาราชิกข่าวโด่งดังที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นการกล่าวหาพระชื่อดัง สมคบคิดกันยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท ผู้ต้องหาคนสำคัญได้แก่อดีตพระอาจารย์คม อภิวโร อายุ 39 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ถูกจับสึกพร้อมกับพระภิกษุ 7 รูป เป็นฆราวาสอีก 2 คนรายงานข่าวระบุว่า อดีตพระอาจารย์คมเป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดัง มีสมณศักดิ์เป็นถึงระดับ “เจ้าคุณ” ในนาม “พระวชิรญาณโกศล” นอกจากจะเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกเงินวัดแล้ว นายคมยังรับสารภาพด้วยว่าทำผิดวินัยสงฆ์ที่ร้ายแรงอีกข้อหนึ่ง คือ “เสพเมถุน” กับพระภิกษุด้วยกัน เป็นปาราชิกข้อที่1 หรือไม่คดีนี้ต้องถือเป็นเรื่องแปลก เพราะเป็นการกระทำผิดวินัยคณะสงฆ์ร้ายแรง ที่พระภิกษุที่ถูกกล่าวหาเป็น “พระวัดป่า” สายวิปัสสนา ที่มุ่งปฏิบัติและสั่งสอนพุทธศาสนิกชนตามแนวทางวิปัสสนา มุ่งสู่การเลิกลดละความโลภ โกรธ หลง และกิเลสต่างๆ ไม่ได้มุ่งลาภ สักการะเหมือนกับพระสายไสยศาสตร์จึงต้องถือว่าอดีตพระอาจารย์คมทำให้วัดป่าสายวิปัสสนากรรมฐาน เสื่อมเสียชื่อเสียงร้ายแรง บรรดาพุทธศาส นิกชนเสื่อมศรัทธา ขาดความเลื่อมใสในวงการคณะสงฆ์ ทำให้ประชาชนขาดที่พึ่งทางใจ ซ้ำเติมความเป็นไปของประเทศ ที่เสื่อมถอยทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และการเมือง.