แรงต้านกระหน่ำต่อเนื่อง ต้องไล่แจงปากเปียกปากแฉะ เต็งหนึ่งเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยท่องสคริปต์รายวัน แจกแจงวัตถุประสงค์นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เติมตังค์ 10,000 บาท ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อปั๊มหัวใจเศรษฐกิจทั้งระบบโดยตรง เลิกหยอดน้ำข้าวต้ม เติมเงินครั้งละ 500-1,000 บาท ไม่พอยาไส้แก้ปัญหาปากท้องแต่ดูเหมือนไม่เข้าหูทีมคู่แข่ง ถูกตะบี้ตะบันต่อต้านยกแผง ทีมนักร้องขาประจำเครื่องฟิต สตาร์ตติดง่าย ยื่นเรื่อง กกต.สอบเอาผิดทันทีทันใดหลายข้อหาขณะที่ กกต.ก็บี้ทุกพรรคให้ตอบรายละเอียดโครงการประชานิยม ทั้งที่มางบประมาณ ความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ได้รับ ผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนโยบายยัดเงินหมื่นใส่กระเป๋าประชาชนของทัพนายใหญ่ เรียกทัวร์ลงทั่วสารทิศ ยิ่งเร้ากระแสแลนด์สไลด์ได้มากเท่าไร ก็ยิ่งปลุกแรงต้านให้กระหึ่มมากตามไปด้วยไม่ใช่แค่ฝ่ายต่างขั้วที่ชูธงคัดค้านสนั่นเมือง แม้แต่ขั้วเดียวกันก็ช่วยแหย่ขาสกัด ให้เสียหลักหัวทิ่มอย่างที่เห็นจังหวะขัดคอของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ตั้งข้อสังเกตนโยบายแจกเงินจูงใจก้อนโต มีความสมเหตุสมผลแค่ไหน และการเฉือนงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาใช้ดำเนินโครงการ สุ่มเสี่ยงกระทบงบฯลงทุนพัฒนาประเทศ เข้าข่ายขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลังติติงปรามกันหอมปากหอมคอ แบบติดลูกเกรงใจ ไม่ให้ล้ำเส้นจนเกินความพอดีสลับคิวกับพรรคก้าวไกลที่ส่งทีมเศรษฐกิจ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคเขย่าแนวคิดกระเป๋าเงินดิจิทัล เป็นห่วงกระทบภาวะเงินเฟ้อประเทศ สะเทือนเงินในคลัง จนอาจมีผลต่อการชำระหนี้ประเทศ ค่ายก้าวไกลเองก็มีสะดุ้ง หวั่นไหวจะถูกแชร์กำลังหลัก มวลชนวัยโจ๋ที่อาจเคลิบเคลิ้มไปกับการรับเงินหมื่น หากปล่อยให้ลูกทีม “ลุงโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โกยแต้มฝ่ายเดียว ที่นั่งพรรคก้าวไกลลดฮวบแน่ เพราะมีฐานเสียงทับซ้อนกันค่ายสีส้มต้องรั้งคอเสื้อเพื่อนไว้บ้าง ไม่ให้คะแนนความนิยม “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ตามผลโพลต่างๆขยับหนี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ไล่กวดมาเป็นอันดับ 2 มากขึ้นไปอีกไฟต์บังคับความจำเป็นบีบพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องแท็กทีมสกัดความร้อนแรงเพื่อนร่วมทีม ขืนให้ทัพนายใหญ่กวาดที่นั่งถล่มทลายมากเท่าไร อำนาจต่อรองของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ยิ่งลดน้อยถอยลงในการร่วมรัฐบาลสถานการณ์ไม่ต่างจากภาวะลักปิดลักเปิด “พลังประชารัฐ-เพื่อไทย” ที่ต้องพับแผนเป็นพันธมิตร ยัดใส่ลิ้นชักเก็บไว้ก่อนหยุดเล่นบทตีสองหน้าชั่วคราว ปล่อยให้ตัวจี๊ดค่ายพลังประชารัฐ ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค โชว์บทฮึดฮัด ตัดเยื่อใยคล้องแขนตั้งรัฐบาลร่วมกันล่วงหน้า รอให้ฟาดฟันบนสังเวียนเลือกตั้งถึงที่สุดก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกครั้งหลังรู้ผลปิดหีบ จะกัดฟันร่วมหอลงโรงกันได้หรือไม่มิตรแท้ มิตรเทียม กระโดดขึ้นรถร่วมขบวนผ้าป่า เบรกนโยบายประชานิยมสุดขั้วของเพื่อไทยและคงไม่ต้องพูดถึงคู่อริสำคัญ พรรครวมไทยสร้างชาติของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่เปิดหน้าเป็นศัตรูถาวรกับพรรคเพื่อไทย จองกฐินแต่หัววันชักแถวถล่มกระเป๋าเงินดิจิทัลตั้งแต่ระดับคีย์แมนยันลูกกระจ๊อกพรรคน้องใหม่ก็นั่งไม่ติด เร่งชิงแต้มคืน โหมแคมเปญ “บัตรลุงตู่” อัปเกรดเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการรัฐ เดือนละ 1,000 บาท รวมปีละ 12,000 บาท เอาไปช็อปกระจายได้ทั่ว 77 จังหวัด ไม่จำกัดระยะทางแค่รัศมี 4 กิโลเมตรฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดขีดก็ต้องหันมาใช้แผนประชานิยมสุดขั้ว แข่งอัดฉีดเพิ่มเงินให้ประชาชน เกทับบลัฟแหลกสู้กับฝ่ายเสรีนิยมสู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร“บิ๊กตู่” เร่งปั่นแต้ม ไล่ตีตื้นโค้งสุดท้าย ถึงจะเบียดเป็นผู้ชนะยาก แต่ก็ประมาทกลเกมการเลือกตั้ง “ลุงตู่” ไม่ได้เพราะมีกองกำลังพิเศษ 250 ส.ว.เป็นตัวช่วยให้เบาแรง ไม่ต้องเหนื่อยมีผู้แทนฯเป็นร้อย แค่ประคองตัวได้ ส.ส.25 เสียง ครบโควตาเสนอชื่อชิงเก้าอี้นายกฯ ก็มีโอกาสคัมแบ็กยึดแท่นผู้นำรอบสามมีต้นทุน ส.ว.เป็นตัวล่อ พรรคไหนๆก็อยากวิ่งโร่เข้าหา ใช้เป็นทางลัดตั้งรัฐบาลตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย แม้ชนะเลือกตั้งก็ไม่อาจรับประกันจะได้เป็นคนคุมเกม กำหนดกระดานจัดตั้งรัฐบาล แม้จะรวมเสียงฝ่ายค้านได้ 300 ที่นั่ง แต่ถ้าไม่มีพลังประชารัฐติดสอยห้อยทีมมาด้วย ก็ไม่รู้ ส.ว.จะกดไฟเขียว รวมแต้มเลือกนายกฯให้ถึง 376 เสียงหรือไม่แม้จะใช้ประชานิยมสุดขั้วมาหลอกล่อ แต่ภูมิต้านทานอ่อนแอ ถึงจะแลนด์สไลด์ก็ยังน่าห่วง!!!ทีมข่าวการเมือง