เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ผมแว่บไปอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอเกิด และร่ำเรียนหนังสือเมื่อเยาว์วัยของผม และร่วมเลี้ยงสังสรรค์กับญาติของผมราวๆ 30 คน อยู่หลายชั่วโมง ก่อนจะออกเดินทางกลับ กทม.ในช่วงเย็นๆจุดรวมที่พวกเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุด ก็คือในบริเวณ วัดเจริญผล ซึ่งเป็นวัดของ ตำบลเจริญผล ที่พ่อแม่ผมมาปักหลักเปิดร้านโชห่วยส่งเสียผมจนเรียนจบมหาวิทยาลัยนั่นเองแม้อากาศจะค่อนข้างร้อน แต่ก็ยังพอมีบริเวณใต้ต้นไม้บางส่วนของข้างๆกำแพงวัดที่ร่มรื่นอยู่บ้าง พอจะปูเสื่อและตั้งเก้าอี้ให้พวกเรานั่งพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกันขณะจุดธูปเทียนนำส่งอาหารหลายๆอย่างที่คิดว่า “พ่อ” (ความจริง พวกเราเรียกว่า “เด” เพราะเป็นชาวจีนไหหลำ) และ “แม่” ชื่นชอบ ไปให้ท่านรับประทาน ณ สัมปรายภพเราเก็บอัฐิของท่านทั้ง 2 ไว้ ส่วนหนึ่งที่กำแพง วัดเจริญผล แห่งนี้พอถึงปีราวๆกลางๆ หรือปลายๆมีนาคมก็จะนัดกันมาไหว้ท่านตามธรรมเนียม “เช็งเม้ง” ของชาวจีนวัดเจริญผล เป็นวัดใหม่สร้างขึ้นเคียงคู่กับ ตลาดเจริญผล ซึ่งเป็นตลาดใหม่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับ ตลาดส้มเสี้ยว ตลาดของตัวอำเภอบรรพตพิสัย เมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้วครอบครัวผมอพยพจาก “เรือส่ง” ขายสินค้าทางเรือขึ้นไปปักหลักที่ ตลาดเจริญผล ซึ่งสร้างขึ้นใหม่หลังโดนไฟเผาไหม้ เมื่อประมาณ พ.ศ.2492 ตอนผมอายุ 8 ปีวัดตรงข้ามกับวัดเจริญผล ทางฝั่งตลาดส้มเสี้ยว หรือตลาดของตัวอำเภอนั้น ได้แก่ “วัดส้มเสี้ยว” วัดหลักของอำเภอบรรพตพิสัย เพราะเป็นวัด “เจ้าคณะอำเภอ” มาตั้งแต่ผมยังไม่เกิดด้วยซ้ำท่านเจ้าอาวาสวัดส้มเสี้ยวที่เคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เป็นที่เคารพของชาวบรรพตพิสัยทั้งอำเภอ ได้แก่ หลวงพ่อน้อย หรือพระครู นิรุติธรรมธร (พ.ศ.2410-2481)เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ชาวบรรพตพิสัยได้หล่อรูปปั้นท่านขึ้นประดิษฐานไว้ ณ วิหารหน้าพระอุโบสถ นับตั้งแต่ พ.ศ.2481 เป็นต้นมาดังนั้น เมื่อผมเข้าเรียน ป.1 ที่ โรงเรียนประชาบาลวัดส้มเสี้ยว ตอนอายุ 7 ขวบ จึงได้เห็นรูปปั้นของท่านและเคารพกราบไหว้ท่านตามคำแนะนำสั่งสอนของผู้ใหญ่ชาวบรรพตพิสัยมาตั้งแต่บัดนั้นผมเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดส้มเสี้ยว จนจบประถมปีที่ 4 แม้ภายหลังพ่อแม่จะขึ้นจากเรือส่งที่จอดหน้าวัดส้มเสี้ยวไปอยู่ห้องแถวไม้เช่า ที่ตลาดเจริญผลแล้ว ก็ยังนั่งเรือจ้างแบบแจวข้ามฝั่งแม่น้ำปิง ไปเรียนที่โรงเรียนวัดส้มเสี้ยวอีก 2 ปีเต็มๆจึงมีความผูกพันกับหลวงพ่อน้อยมาตั้งแต่จำความได้จนถึงบัดนี้ทุกครั้งที่ไปไหว้เดและแม่ก่อนกลับ กทม. ก็จะข้ามฟากไปไหว้ “หลวงพ่อน้อย” หลวงพ่อของพวกเรา ชาวอำเภอบรรพตพิสัย ขอความเป็นสิริมงคลจากท่าน เช่นเดียวกับชาวบรรพตพิสัยอื่นๆอยู่เสมอๆช่วงนี้โลกเรามีแต่ข่าวไม่ค่อยดี โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ล่าสุด ธนาคารสหรัฐฯล้มไปถึง 3 แห่ง แม้ทางการของเขาจะเข้าอุ้มเต็มที่ แต่ผลข้างเคียงก็ยังไม่หยุด และจะยังมีผลกระทบอะไรตามมาทั้งต่อสหรัฐฯ และต่อโลกอย่างไรบ้างก็ยังไม่รู้บ้านเราเองก็กำลังจะมีการเลือกตั้งใหม่ ผมดูบุคคลที่คาดว่าจะมาเป็นนายกฯหลังเลือกตั้งและดูลีลาการหาเสียงที่ยังทะเลาะเบาะแว้ง ส่อเสียดกันอย่างรุนแรง ก็อดห่วงไม่ได้ว่าไม่ว่าใครชนะ พรรคไหนชนะ... หลังเลือกตั้งต้องวุ่นวายอีกแน่นอนกลับบ้านหนนี้ผมจึงก็ไหว้หลวงพ่อน้อย ขอให้ท่านช่วยดับทุกข์ทางใจของผมในเรื่องใหญ่ 2 เรื่องนี้ไว้ด้วยเช่นกัน แม้จะทราบว่า ทั้ง 2 เรื่องใหญ่เกินกำลังหลวงพ่อ แต่ก็ต้องขอแรงหลวงพ่อด้วยเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ไปวัดต่างๆที่ลาวกับกองบรรณาธิการไทยรัฐ ผมก็อธิษฐานขอร้องในเรื่องเดียวกันนี้โดยตลอดหลายๆสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผนึกกำลังร่วมกัน อาจจะทำให้ร้ายกลายเป็นดี เศรษฐกิจโลกไม่ทรุดหนักเกินไปกว่านี้ และการเมืองไทยก็ไม่เลวร้ายเหมือนที่ห่วงใยผมจึงกราบ “หลวงพ่อน้อย” ของชาวอำเภอบรรพตพิสัย ให้เป็น ที่พึ่งทางใจอีกแรงหนึ่งด้วยประการฉะนี้.“ซูม”