นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวในพิธีส่งมอบผลงานการอนุรักษ์เอกสารโบราณวัดเบญจมบพิตร ดุสิตวนารามราชวรวิหาร ว่ากรมศิลปากรร่วมกับวัดเบญจมบพิตร ดำเนินโครงการความร่วมมือเพื่อเผยแพร่ผลงานการอนุรักษ์เอกสารโบราณวัดเบญจมบพิตร ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.65-7 ก.พ.66 รวมระยะเวลา 5 เดือน ในการปฏิบัติงานอนุรักษ์ เกิดเครือข่ายอาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรม (อส.มศ.) รุ่นแรกในส่วนกลาง ซึ่งเป็นรุ่นบุกเบิกของการสร้างเครือข่ายดูแลรักษาเอกสารโบราณให้ขยายวงกว้าง โดยความสําเร็จของการดําเนินงานครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสําคัญที่สร้างความมั่นใจในการเป็นผู้นำการอนุรักษ์ให้กับประชาชนนายพนมบุตรกล่าวอีกว่า การดำเนินงานประกอบด้วย การอนุรักษ์จัดทําทะเบียนเอกสารโบราณประเภทคัมภีร์ใบลาน จำนวน 425 มัด ออกรหัสเลขที่ได้ 719 เลขที่ รวม 6,275 ผูก และเอกสารโบราณประเภทหนังสือสมุดไทย จำนวน 6 เล่ม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเอกสารโบราณกลางกรุงที่ใหญ่มาก และได้รับการพัฒนาไปสู่แหล่งเรียนรู้อีกระดับหนึ่ง โดยความสำคัญของเอกสารโบราณเหล่านี้ โดยเฉพาะคัมภีร์ใบลานมีการสืบสายธารแห่งประวัติศาสตร์มาถึง 3 สมัย ได้แก่ สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 150 ผูก และพบคัมภีร์ที่เก่าแก่แต่ละสมัย ดังนี้ สมัยอยุธยา ได้แก่ วัดเบญจมบพิตร (วบจ. )เลขที่ 22-25 เรื่อง วิมติวิโนทนี วินยฎีกา สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาทอง พ.ศ.2186 อายุ 380 ปี, สมัยธนบุรี ได้แก่ วบจ.338 เรื่องสาร สังคหะ สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พ.ศ.2320 อายุ 246 ปี และสมัยรัตนโกสินทร์ ได้แก่ วบจ. 271 เรื่อง ธรรมบทอัฏฐกถา สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พ.ศ.2328 อายุ 238 ปี และพบคัมภีร์ใบลานสมัยรัตนโกสินทร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1-6 ทําให้เห็นว่าวัดเบญจมบพิตรเป็นแหล่งเอกสารโบราณที่สามารถศึกษาเปรียบเทียบยุคสมัยของตัวอักษรแต่ละรัชกาลได้ในแหล่งเอกสารเดียวกัน ทั้งยังศึกษาประวัติศาสตร์การสร้างคัมภีร์ถวายในพระพุทธศาสนาในช่วงเปลี่ยนผ่านจากใบลานสู่กระดาษแบบฝรั่งด้วย และพบว่าในสมัยรัชกาลที่ 8 มีการปริวรรตพระไตรปิฎกจากอักษรขอมเป็นอักษรไทยจัดพิมพ์เป็นพระไตรปิฎก ฉบับพิมพ์อักษรไทยเป็นครั้งแรกของโลก อย่างไรก็ตามควรจะต้องมีการร่วมมือกันเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ต่อสาธารณชน ทําให้มรดกภูมิปัญญาและแหล่งศึกษาเรียนรู้นี้มีประโยชน์และทรงคุณค่าต่อไป.