ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและความยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งการเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น สร้างดุลยภาพระหว่างการเพิ่มปริมาณผลผลิต กับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 พิษณุโลก (สศท.2) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตข้าวเจ้านาปีในพื้นที่ 6 อำเภอ ของจังหวัดพิษณุโลกศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตข้าวเจ้านาปีของเกษตรกรตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ เกษตรกรรุ่นใหม่ (young smart farmer) 31 ราย ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิต อาทิ เครื่องพ่นหว่านเมล็ด เครื่องสีข้าว เครื่องอบเมล็ดเพื่อลดความชื้น ฯลฯ กับ เกษตรกรทั่วไป 31 รายการผลิตข้าวนาปี 2564/65 เกษตรกรรุ่นใหม่มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยไร่ละ 4,557.41 บาท ผลผลิตรวม 585.20 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 762.97 กก. ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยไร่ละ 5,554.42 บาท ได้กำไรไร่ละ 997.01 บาทขณะที่เกษตรกรทั่วไปมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยไร่ละ 4,830.88 บาท ผลผลิตรวม 567.30 ตัน ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 729.18 กก. ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยไร่ละ 5,024.05 บาท ได้กำไรไร่ละ 193.17 บาทจะเห็นได้ว่าเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตข้าว มีต้นทุนการผลิตน้อยกว่า 5.66% ผลผลิตต่อไร่มากกว่า 4.63% และผลตอบแทนมากกว่า 10.56%สำหรับแนวทางการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรด้วยนวัตกรรมเพื่อการเกษตร โดยพบว่าเกษตรกรรุ่นใหม่มีการนำเครื่องมือเครื่องจักรมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อทุ่นแรง ตั้งแต่การเตรียมดิน หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว การบำรุงรักษา และการเก็บเกี่ยวผลผลิต และมีการบันทึกจัดเก็บข้อมูล มีแนวคิดพัฒนาการผลิตและการตลาดเปลี่ยนการผลิตสู่เชิงพาณิชย์ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จ 1.ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและพร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน 2.ความพร้อมของปัจจัยและโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตรที่เอื้ออำนวยต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม 3.การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และ 4.การเรียนรู้ทางด้านการบริหารจัดการทั้งด้านการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร.สะ-เล-เต