หากเอ่ยถึงสินค้าขึ้นชื่อของอินโดนีเซียแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ “ผ้าบาติก” รากเหง้า ทางมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ของความเป็นชาติ การออกแบบลวดลายที่โดดเด่นที่สะดุดตาเป็นเอกลักษณ์ ยังเปี่ยมด้วยความหมายและแฝงสัญลักษณ์ทรงพลังที่บ่งบอกถึงความเชื่อ สถานะสังคม ชนชั้น ขณะเดียวกันยังสัมผัสในทุกแง่มุมชีวิตชาวอินโดนีเซียผ้าบาติกของอินโดนีเซียถูกยกย่องจากองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” ของมนุษยชาติ ในปี 2552 แม้ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีต้นกำเนิดจากที่ใด แต่นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการใช้ผ้าบาติกในบางส่วนของแอฟริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง ขณะที่ในอินโดนีเซียผ้าบาติกนั้นถือเป็นจุดสูงสุดของการแสดงออกทางศิลปะในเกาะชวาในช่วงศตวรรษที่ 19 จนมีคำพูดที่ว่าไม่มีที่ใดในโลกที่การรังสรรค์ผ้าบาติกได้รับการพัฒนามีมาตรฐานสูงเกินไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โดยเฉพาะในย่านกราตนของเมืองยอกยาการ์ตา ภายใต้การอุปถัมภ์ของสุลต่านและครอบครัวและเมื่อโลกเดินหน้ามาถึงยุคที่เจริญก้าวล้ำทางเทคโนโลยีอย่างสูง การเผยแพร่ อนุรักษ์ และถ่ายทอด “งานศิลปะทำมือ” ที่ต้องทุ่มเททั้งกายและ ใจให้แก่คนรุ่นหลัง จึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ขณะที่ผู้เขียนมีโอกาสพบเจอ “คุณเอธิส มาโยชี” (Ethys Mayoshi) ศิลปินหญิงผู้ออกแบบและเจ้าของแบรนด์ “Batik Gobang” ผลิตภัณฑ์ผ้าบาติก “ทำมือ” ทุกชิ้น ในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย เมื่อสัปดาห์ก่อน นอกเหนือจากผลประโยชน์ทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่วัฒนธรรมบาติกไปยังประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันยังจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ฝึกหัดบาติกให้แก่สตรีที่ด้อยโอกาส รวมถึงผู้พิการอย่างเช่น ผู้บกพร่องทางการได้ยิน และเมื่อฝีมือพัฒนาถึงขั้นก็ยังได้รับค่าจ้างอีกด้วย ใครมีโอกาสไปเยือนกรุงจาการ์ตา อย่าลืมมองหาสินค้า “ผ้าบาติก” เป็นของฝาก เรียกได้ว่าเป็นสินค้าคุณภาพที่อิ่มใจทั้งผู้ให้และผู้รับ.อมรดา พงศ์อุทัย