ลองจินตนาการดูว่าชีวิตจะดีแค่ไหน? ไม่ว่าเดินทางไปที่ไหนของโลก ก็จะมี “บ้านหลังที่สอง” คอยต้อนรับเราอย่างอบอุ่นและเป็นมิตรเสมอ ในบรรยากาศที่คุ้นเคยมีแต่คนแวดวงกันเองที่สนุกด้วยกันได้ นี่คือจุดกำเนิดไอเดียในการก่อตั้งอาณาจักร “โซโห เฮาส์” (Soho House) ของ “นิค โจนส์” เพื่อให้เป็น “ไพรเวท เมมเบอร์ส คลับ” คลับลับเฉพาะของการกินดื่มเที่ยว, ทำงาน, ออกกำลังกาย และพักผ่อน สำหรับ “พลเมืองโซโหเฮาส์” ที่น่าทึ่งก็คือไอเดียสุดล้ำนี้มีขึ้นตั้งแต่ 3 ทศวรรษที่แล้ว ก่อนที่แนวคิดเรื่องพลเมืองโลกและพลเมืองดิจิทัลจะแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลก“ลูกค้าสมัยนี้ฉลาดมาก พวกเขารู้ว่าที่ไหนดีและไม่ดี ไม่มีใครหลอกลูกค้าได้ ถ้าดีจริงพวกเขาจะบอกกันแบบปากต่อปาก หนทางที่จะทำธุรกิจฮอสพิทัลลิตี้และเมมเบอร์สคลับให้ประสบความสำเร็จ คือต้องมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้มาเยือนทุกคน สำหรับ “โซโห เฮาส์” ผมไม่อยากจำกัดความว่าเป็นอะไรทั้งนั้น นอกจากเป็น “a home away from home” คือบ้านหลังที่สองของสมาชิกทุกคน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอังกฤษ หรือเดินทางไปที่ไหนในโลก ก็จะมี “โซโห เฮาส์” เป็นบ้านหลังที่สองคอยต้อนรับอยู่เสมอ โดยทุกรายละเอียดของการออกแบบจะสะท้อนถึงคาแรกเตอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละพื้นถิ่น ทุกวันนี้เราขยายสาขาไปมากกว่า 38 สาขาทั่วโลกแล้ว มีบริการหลากหลายรูปแบบ ทั้งร้านอาหาร, เวิร์กสเปซ, ที่พัก, ยิมออกกำลังกาย, สปา, สตูดิโอ, โรงภาพยนตร์ นอกจากนี้เรายังมีธุรกิจตกแต่งภายใน Soho Home และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายและสกินแคร์ ภายใต้แบรนด์ Cowshed และ Soho Skin”...ประธานกรรมการบริหาร “โซโห เฮาส์” บอกเล่าถึงดีเอ็นเอที่แท้จริง หลังให้กำเนิด “โซโห เฮาส์” มาตั้งแต่ปี 1995 และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เมื่อกลางปี 2021 โดยแรกเริ่มสมาชิกส่วนใหญ่มาจากแวดวงศิลปะ, ดนตรี, วงการบันเทิง, สื่อและอุตสาหกรรมแฟชั่น ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่มากกว่า 119,000 คน ใน 10 ประเทศทั่วโลก จริงไหมจะเป็นสมาชิก “โซโห เฮาส์” ยากมาก!! แค่มีเงินอย่างเดียวไม่พอนโยบายการรับสมาชิกของเรามุ่งเน้นไปที่อัตลักษณ์และพลังสร้างสรรค์ มากกว่ามูลค่าทรัพย์สินเงินทองและตำแหน่งหน้าที่การงาน เราไม่ได้ให้เอกสิทธิ์ พิเศษเฉพาะบุคคล แต่เราเป็นสถานที่รวบรวมผู้คนที่มีความหลากหลายไว้ด้วยกัน เราไม่เลือกปฏิบัติต่อใครคนใดคนหนึ่ง แม้จะมีสมาชิกแตกต่างกันออกไป แต่หน้าที่ของ “โซโห เฮาส์” คือการเป็นศูนย์กลางให้ผู้คนที่มีดีเอ็นเอเดียวกันได้รู้จักกัน, ช่วยเหลือกันและต่อยอดนำพากันไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ไม่เว้นแม้แต่มูลนิธิ หรือองค์กรสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ประเภทต่างๆ สมาชิกของเราจะมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันเสมอ ผมอยากให้ “โซโห เฮาส์” เป็นสถานที่สำหรับทุกคนที่มีจิตวิญญาณสร้างสรรค์ได้มาปล่อยแสง ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการเลือกโลเกชันเพื่อเปิด “โซโห เฮาส์”เมืองที่เราสนใจไปเปิด “โซโห เฮาส์” จะต้องเป็นเมืองที่มีจิตวิญญาณของความคิดสร้างสรรค์ มีเสน่ห์ในแบบฉบับตัวเอง ซึ่งสอดคล้องกับดีเอ็นเอของเหล่าสมาชิก เพราะไม่ว่าเราจะไปเปิดสาขาที่ไหนเพิ่ม จะเป็นที่โรม, ปารีส, นิวยอร์ก, อเมริกาเหนือ หรือเอเชีย สมาชิกของเราก็มีแต่จะได้แวลูเพิ่ม เสมือนคุณได้มีบ้านหลังที่สองอยู่ตามเมืองต่างๆทั่วโลก เรามีแผนจะขยายไปให้ครบ 85 เมือง ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า อะไรคือคุณสมบัติโดดเด่นหาตัวจับยากของ “นิค โจนส์”ความดื้อดึงมั้ง ผมเป็นคนดื้อชนิดที่ว่าอยากทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ และไม่เคยล้มเลิกกลางคัน ผมไม่ใช่คนเก่ง เรียนหนังสือก็ไม่เก่ง เล่นกีฬาก็ไม่เก่ง ไม่ถนัดศิลปะ หรืออะไรเป็นพิเศษ จึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะต้องประสบความสำเร็จ แต่ถามว่าทำไมผมถึงประสบความสำเร็จในการสร้าง “โซโห เฮาส์” คงเพราะผมรักในสิ่งที่ทำมากๆ และปรัชญาชีวิตของผมคือ ทำอะไรต้องให้เข้าใจง่ายเข้าไว้ ผมโชคดีที่เป็น “Dyslexia” ตั้งแต่เด็ก (ภาวะผิดปกติเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษา ทำให้ไม่สามารถอ่านสะกดคำและเขียนหนังสือได้) ทำให้ผมต้องพยายามทำทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้ มิฉะนั้นจะเกิดอาการแพนิก เมื่อมาสร้าง “โซโห เฮาส์” ไม่ว่าคิดอะไรก็จะเน้นการทำให้เข้าใจง่าย ทั้งเรื่องดีไซน์, หน้าตาของอาหารบนจาน, รูปแบบการบริการ หรือแม้แต่การสื่อสารต่างๆ ผมถนัดทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น เพราะเชื่อว่าทำอะไรซับซ้อนเกินไปยิ่งทำให้คนสับสนในตัวคุณ การถือกำเนิดของ “โซโห เฮาส์” สร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการขนาดไหนตอนผมเปิดร้านอาหาร “Café Boheme” เมื่อปี 1992 ในย่านโซโห กลางกรุงลอนดอน ถือเป็นครั้งแรกของวงการเลยที่มีการเปิดร้านอาหารตั้งแต่ 8 โมงเช้า และปิดตอนตีสาม ผมต้อนรับหมดไม่ว่าลูกค้าจะมาดื่มกาแฟแก้วเดียวตอนเช้า หรือดื่มเบียร์เป็นเหยือก หรือมาเพื่อฟังเพลงแจ๊สในตอนบ่าย ร้านของเราเปิดกว้างและมีทุกอย่างให้ลูกค้าเลือกสรร ย้อนกลับไป 30 ปีก่อน มันเป็นอะไรที่ใหม่มากที่จะเปิดร้านอาหารทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ไม่ว่าจะมาทานอาหารเช้า, อาหารเที่ยง, อาหารเย็น หรือเที่ยวโต้รุ่ง ก็มีให้ครบจบในที่เดียว ต่อมาในปี 1995 เราได้พื้นที่ว่างทาวน์เฮาส์สไตล์จอร์เจียนที่อยู่เหนือร้านอาหาร “Café Boheme” ห้องพักของทาวน์เฮาส์แห่งนี้สามารถเข้าจากประตูตรงหัวมุมร้านอาหาร ผมจึงเกิดไอเดียคิดเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็นคลับสำหรับสมาชิกศิลปินและนักแสดง ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของเรา ตอนนั้นผมรู้แต่ว่ามนุษย์เราต้องการสถานที่สำหรับกินดื่มนอนและสังสรรค์ หน้าที่ของเราคือการสร้างบรรยากาศดีๆให้คนอยากมาแฮงก์อยู่ด้วยกัน นับแต่นั้นมา “โซโห เฮาส์” ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นสถานที่สำหรับสมาชิกระดับโลกที่มีความหลากหลาย การคัดสรรสมาชิกถือเป็นหัวใจสำคัญของ “โซโห เฮาส์” และสิ่งที่เรามุ่งเน้นมาตลอดคือการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจเพื่อให้สมาชิกได้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น คุณพูดเสมอว่ามีวันนี้ได้เพราะเรียนรู้จากความล้มเหลวผมเรียนรู้ทุกอย่างจากความล้มเหลว!! ตั้งแต่ตอนเปิดร้านอาหารทั้ง 3 แห่งของตัวเอง โชคดีที่มันไม่ประสบความสำเร็จตั้งแต่แรก เพราะถ้าเปิดร้านแรกปั๊บแล้วดังขึ้นมาเลย มีคนมาเข้าคิวแน่นร้าน ผมคงไม่ได้เรียนรู้วิธีทำธุรกิจยังไงไม่ให้ล้มเหลว ผมและทีมงานได้เรียนรู้อะไรเยอะเลยในช่วงนั้น ทำยังไงไม่ให้ธุรกิจขาดทุน ทำยังไงถึงเอาตัวรอดมาได้ ทุกวันนี้ผมก็ยังเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง ทั้งๆที่ทำธุรกิจนี้มาเกือบ 30 ปี ผมสนุกที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ และเชื่อว่ายังมีสิ่งใหม่ๆให้เรียนรู้ทุกวัน ผมไม่กลัวที่จะยอมรับความผิด และกล่าวขอโทษทีมงานเมื่อตัดสินใจผิดพลาด อีกอย่างที่กำลังเรียนรู้คือการบาลานซ์ชีวิตทำงานกับครอบครัว เพราะที่ผ่านมาผมเป็นพวกบ้างานและทำงานหนักมาก ถูกใจกรุงเทพฯตรงไหน ถึงเลือกเปิดเป็นสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พวกเราเห็นถึงพลังและศักยภาพของกลุ่มคนครีเอทีฟในไทย ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน, นักดนตรี, นักออกแบบ หรือนักสร้างสรรค์รุ่นเยาว์ นับตั้งแต่ประกาศเปิดตัว “Soho House Bangkok” ในซอยสุขุมวิท 31 ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ยิ่งเสริมสร้างความมั่นใจว่าเป็นการตัดสินใจถูกต้องแล้ว ที่เลือกกรุงเทพฯเป็นหนึ่งในสมาชิกใหม่ของ “โซโห เฮาส์” เราอยากให้ “Soho House Bangkok” เป็นสถานที่ที่สามารถคอนเนกผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมให้มาอยู่ด้วยกัน เมื่อดูจากไลฟ์สไตล์ของคนไทยยิ่งทำให้รู้สึกว่าที่นี่จะเป็นพื้นที่สำหรับทุกๆคนได้ โดยพื้นที่ในบ้านหลังนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับผู้ที่ต้องการรีแลกซ์, พักผ่อน, ออกกำลังกายหรือแม้แต่มานั่งทำงานก็ยังได้ มีดนตรีให้ฟัง มีภาพยนตร์ให้ดู เป็นคอมมิวนิตี้ที่คุณสามารถเข้ามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ ผมมีความตั้งใจที่จะขยายสาขาของ “โซโห เฮาส์” มายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นานแล้ว ซึ่งตอนนี้คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับผมและสมาชิกทั่วโลกที่จะได้สัมผัสความพิเศษของกรุงเทพฯ เมืองที่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งสีสัน รายล้อมด้วยความอบอุ่นและน้ำใจงดงามของคนไทย ขณะเดียวกันผมก็ตื่นเต้นมากๆที่จะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่จากประเทศไทย โดย “Soho House Bangkok” จะเปิดบ้านหลังใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้พร้อมหรือยังที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ “พลเมืองโซโหเฮาส์” เข้าไปคลุกวงในซุปเปอร์คอนเนกชันที่คุณค่าของคนไม่ได้วัดกันที่เงินอย่างเดียว!!ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ