ลัทธิเอาอย่างทำท่าจะลุกลามในประเทศไทย เราเคยมีการยิงกราดสังหารหมู่เกือบ 30 ศพเป็นครั้งแรก ที่นครราชสีมา เมื่อปี 2563 และเกิดซ้ำอีกที่หนองบัวลำภู คราวนี้เป็นการสังหารหมู่เด็กเล็ก รวมทั้งผู้ใหญ่เกือบ 40 ศพ ในปี 2565 เป็นอีกปีหนึ่งที่มีการใช้ความรุนแรงระหว่างผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองเริ่มต้นด้วยกรณี “ลุงศักดิ์” บุกเข้าไปเตะต่อย “พี่ศรี” ในขณะให้สัมภาษณ์สื่อ ตามด้วยบุรุษเจ้าของฉายา “เคร้อยล้าน” บุกเข้าไปร้องตะโกน สร้างความแตกตื่นว่ามีระเบิด และเข้าล็อกคอนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทั้งสองกรณีแม้จะไม่ก่อความเสียหายร้ายแรง แต่เป็นความรุนแรงทางการเมือง“ลุงศักดิ์” ชี้แจงเหตุที่ทำร้ายร่างกายนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เพราะนายศรีสุวรรณประกาศว่า “จะแจ้ง ความจับหมด” ผู้ร่วมชุมนุมการเมือง เพราะการชุมนุมใน 2–3 ปีที่ผ่านมา ล้วนแต่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ที่ห้ามชุมนุมมั่วสุมกันโดยเด็ดขาดนายศรีสุวรรณอาจลืมไปว่า นับแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นมา รัฐบาลประกาศเปลี่ยนสถานะของโควิด จากโรคระบาดอันตรายร้ายแรง เป็นโรคเฝ้าระวังและไม่ต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันเดียวกัน ขณะนี้จึงไม่มีกฎหมายห้ามมั่วสุมชุมนุม ใครฝ่าฝืนถือว่าทำผิดกฎหมาย ตำรวจมีอำนาจสลายการชุมนุมอย่างในอดีตมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินตั้งแต่ปี 2548 เพื่อป้องกันและปราบปรามเหตุร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่โหมกระพือขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2547 ต่อมารัฐบาลประยุทธ์นำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาประกาศใช้ทั่วประเทศ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดตั้งแต่ต้นปี 2563 แต่นำไปใช้ควบคุมการชุมนุมเป็นหลักเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลหรือตำรวจไทย ไม่ชอบใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ที่รัฐบาล คสช.เป็นผู้ตราขึ้นเอง แต่ชอบใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งๆที่ไม่มีสถานการณ์ฉุกเฉินใน กทม.และจังหวัดอื่นๆ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐอย่างกว้างขวาง ทั้งห้ามชุมนุม และมีอำนาจจับกุมคุมขัง เพราะถือว่าการชุมนุมผิดกฎหมายแม้แต่เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเป็น “นักร้อง” ระดับมืออาชีพ ยังเห็นว่าการชุมนุมล้วนแต่ผิดกฎหมาย จึงต้องแจ้งความจับหมด แทนที่จะทำหน้าที่ “พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย” ที่บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ” แต่กลับไปพิทักษ์กฎหมายอำนาจนิยม.