มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย พลันที่ “วีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล” ชายวัย 62 จาก กลุ่มศักดินาเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการ พุ่งเข้าสาวหมัด-เท้าใส่ “นักร้องเบอร์ 1” ศรีสุวรรณ จรรยาด้วยข้อหาตบ (มือไม่แบ) สั่งสอนนักร้องคนดังกระแสผู้คนในสังคม แม้หลายคนจะไม่นิยมการใช้ความรุนแรง แต่ในใจลึกๆ ถึงแอบเอาใจช่วยแค่มีคนแชร์หมายเลขบัญชีธนาคารไม่กี่ชั่วโมง ยอดโอนเงินช่วยเหลือต่อสู้ทางคดี ก็หลั่งไหลเข้ามาท่วมท้นในฐานะมีโอกาสเข้าไปเรียน หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) สถาบันพระปกเกล้า เมื่อหลายปีก่อน ก็ได้เรียนรู้ว่า การใช้ความรุนแรง ไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่ดีแต่เพราะอารมณ์คนในสังคม ที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มอำนาจชุดนี้ ค่อยๆสะสมซึมซับกับความรุนแรงเป็นระยะๆโดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้เห็นต่างของเจ้าหน้าที่รัฐ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนเกิดความชาชิน ที่เห็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังกับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ประกอบกับกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวตั้งแต่ต้นทาง จนมันกลายเป็นอารมณ์สะสมของสังคมในมุมมองของคนที่แอบเอาใจช่วย อาจคิดว่าก็ถ้าระบบยุติธรรมมันปกติดี เขาอาจไม่รู้สึกยินดี เพราะมีทางออกที่ดีกว่าตามกระบวนการ แต่พอมันไม่มีทางออกที่ดีกว่า ก็เลยชอบทางออกที่สะใจกว่าบ้านเรามีนักร้อง (รับจ้าง) อยู่หลายต่อหลายคน ที่มี Hidden agenda แฝงอยู่มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนรัก ย่อมมีคนเกลียด ยิ่งมีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง ก็ยิ่งอันตรายอาจถือได้ว่าต้นเหตุของความรุนแรง มาจากความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมนับว่าเป็นความแหลมคมของ พรรคก้าวไกล โดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค ประกาศคิกออฟแคมเปญนโยบาย “การเมืองไทยก้าวหน้า” ที่จะใช้ชูหาเสียงในศึกเลือกตั้งใหญ่ เป็นการขอฉันทานุมัติจากประชาชนไปในตัวนโยบายสำคัญที่ถูกจับตาคือ “นิรโทษกรรม” ผู้ต้องหาในคดีการเมืองตั้งแต่ปี 2557 เพื่อปูทางในการแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึง ป.อาญามาตรา 112เป็นการยิง Kh–47M2 Kinzhal ไฮเปอร์โซนิก เข้ากลางลำขั้วอำนาจหย่อนระเบิด กระตุกอารมณ์คนในสังคม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักแน่นอนว่าเป้าหมายหลักของนโยบายนี้ คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็น “นิวโหวตเตอร์” หรือ “เฟิสต์โหวต” ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งในปี 2566จากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า จะมีนิวโหวตเตอร์อยู่ราว 811,607 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 52 ล้านคนส่งผลอย่างมีนัยต่อศึกเลือกตั้งในครั้งหน้าแน่พรรคก้าวไกลมองว่าปัญหาที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่การบริหารงานของรัฐบาล หรือตัวนายกฯประยุทธ์ แต่อยู่ที่ปัญหาเชิงโครงสร้างฐานรากจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศโดยด่วนแต่ความฝันของพลพรรคก้าวไกล และกลุ่มก้าวหน้าของ “ธนาธร-ปิยบุตร”จะฝ่ามรสุมยุบพรรค (ที่มีผู้ร้องไปแล้ว) ไปได้หรือไม่ก็ต้องรอถาม 9 อรหันต์ศาลรัฐธรรมนูญดู.เพลิงสุริยะ