คดีมือปืน “บุกเดี่ยว” จ่อยิง นายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสียชีวิต เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตรเลียม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ผู้ตายเตรียมเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ปมสังหารถูกมองเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่นมีคนบงการ “สั่งฆ่า”พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. นำทีมสืบสวนสอบสวน ตร.ร่วมกับ บช.ก. และบก.สส.ภ.2 บก.สส.ภ.จ.ระยอง สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อคลี่คลายคดีนี้ทีม ตร. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ลงพื้นที่ไล่กล้องวงจรปิดพบผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นมือปืนขับขี่ จยย.ลงมือยิง และคนขับรถยนต์รับพาหลบหนีชุดสืบสวนพบรอยนิ้วมือบนรถ จยย.ที่จอดทิ้งไว้นำมาตรวจเปรียบยืนยันมือปืน และคนพาหลบหนี ขอหมายจับกุม นายปิติ นิชรัตน์ มือยิง และ นายนิติพนธ์ ฉ่ำชื่น คนพาหลบหนี พล.ต.อ.สุชาติ เปิดปฏิบัติการบุกจับนายปิติและนายนิติพนธ์ นำมาสอบเค้นก่อนปิดล้อมค้นสถานที่สงสัย 8 แห่ง พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีพบพยานสำคัญอาวุธปืนชนิดลูกโม่ พฐ.นำมาตรวจเปรียบเทียบกับหัวกระสุนที่อยู่ในที่เกิดเหตุยืนยันเป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุหลักฐานโยงถึงตัว นายเสถียร บุญกล้า อายุ 52 ปี ผู้จัดหาและสั่งซื้ออาวุธปืน ซึ่งมีพยานยืนยันได้ว่าช่วงก่อนเกิดเหตุเพียง 10 วัน นายเสถียรสั่งซื้ออาวุธปืนมา พล.ต.ท.ธิติ พล.ต.ท.จิรภพ เร่งคณะพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”นายเสถียรให้การว่า เป็นลูกจ้างอัตราจ้างของ อบจ.ระยอง และขับรถให้นักการเมืองท้องถิ่น ตามมาด้วยการขออนุมัติหมายจับ นายชัชชาย หรือขาว ปาตมิตร คนขับรถนายก อบจ.ระยอง ข้อหา “เป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” เป็นผู้ต้องหาสำคัญคนที่เชื่อมโยงเข้าใกล้ทีมผู้บงการ “สั่งตาย” ทนายคนดังคดีคืบหน้าไปได้อย่างรวดเร็วด้วยการทำงานของ “ทีมไทยแลนด์” ที่ได้รับไฟเขียวตรงลงมาจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ และ พล.ต.อ.สุชาติ ให้ขยายผลคดีให้ถึงที่สุด ค้นหาพยานหลักฐานสาวให้ถึงตัวผู้บงการพล.ต.อ.สุชาติ สั่ง พล.ต.ท.จิรภพ พล.ต.ท.ธิติ ร่วมกันกวาดล้างอิทธิพลพื้นที่ จ.ระยอง ไม่สนใจแรงกดดันหรือการแทรกแซงที่ลงมาเบี่ยงเบนประเด็น เป็น “กำแพง” ที่ทำให้ชุดสืบสวนเดินหน้าไม่ต้องมาพะวงหลังคดีนี้เลยเดินตรงทาง ไม่มีคดเคี้ยวลดเลี้ยว ต่างจากคดีเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาเป้าหมายอยู่ที่ปิดคดีครบทั้งทีมยิงและผู้จ้างวาน.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.th