จอกหูหนูยักษ์ ชื่อสามัญ : Giant Molesta หรือ Kariba weed ชื่อวิทยาศาสตร์ : Salvinia molesta D.S.Mitchel วงศ์ : Salvinaiaceae มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศบราซิล พบระบาดทั่วไปในทุกทวีปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2473ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย เพราะพบการระบาดมาตั้งแต่ปี 2544 ที่มีการนำเข้าจากประเทศเปรูมาจำหน่ายเป็นไม้ประดับในตู้ปลา บริเวณตลาดนัดขายต้นไม้ใหญ่ในกรุงเทพฯ สถานภาพในประเทศไทยปัจจุบัน จอกหูหนูยักษ์ถูกจัดเป็นวัชพืชกักกัน (quarantine weed) ห้ามมิให้นำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2521 แต่ที่น่าตกใจ คือมีการซื้อขายออนไลน์เป็นไม้ประดับ และไม้น้ำในตู้เลี้ยงปลาสวยงามได้อย่างโจ๋งครึ่ม ในแทบทุกแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ยอดนิยม“จอกหูหนูยักษ์เป็นพืชประเภทเฟิร์นลอยน้ำ ด้านบนของใบจะมีขนสีขาว ทำให้ใบไม่เปียกน้ำ ขยายพันธุ์ได้เร็วมาก มีการประเมินว่าในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม วัชพืชชนิดนี้จะแตกหน่อเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทุก 8 วัน ใน 1 ต้น สามารถขยายพื้นที่ระบาดได้ถึง 64,750 ไร่ ภายในเวลา 3 เดือน ทำให้มันสามารถมีความหนาได้ถึง 1 เมตร จากระดับผิวน้ำ ส่งผลให้กีดขวางทางน้ำไหลและการสัญจรทางน้ำ ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง เกิดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และไฮโดรเจน ซัลไฟด์เพิ่มขึ้น จนสัตว์น้ำไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ และคุณภาพน้ำไม่สามารถใช้บริโภคได้ นอกจากนั้นยังมีรายงานในต่างประเทศพบจอกหูหนูยักษ์ระบาดเป็นวัชพืชในนาข้าว” ดร.จรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย อธิบายถึงมหันตภัยร้าย ปิศาจสีเขียวแห่งสายน้ำ จอกหูหนูยักษ์ ที่ระบาดทำลายแหล่งน้ำไปแล้วมากมายทั่วโลก กำลังส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำของไทยอย่างหนักและมีแนวโน้มอย่างสูงจะหนักหนาสาหัสกว่าผักตบชวาการระบาดในประเทศไทย พบในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติ ในร่องสวนมะพร้าว 10 ไร่ จ.สมุทรสงคราม ในเขื่อนและแม่น้ำแม่กลอง จ.กาญจนบุรี อ่างเก็บน้ำห้วยไทรงาม 550 ไร่ อ่างเก็บน้ำห้วยมงคล 80 ไร่ ใน จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ่างเก็บน้ำห้วยสีทน จ.กาฬสินธุ์ แหล่งน้ำใน จ.สกลนคร ขึ้นกิ่วลม จ.ลำปาง อุทยานแห่งชาติทะเลน้อย จ.พัทลุง พื้นที่คลองหอยโข่ง จ.สงขลา และพื้นที่ 22,000 ไร่ ในหนองหาน กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งกำลังใช้เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกในปี 2569 สำหรับวิธีการกำจัดโดยไม่กระทบสิ่งแวดล้อมนั้น เดิมกรมวิชาการเกษตรแนะนำให้ใช้พาราควอต แต่ถูกแบนไปแล้ว ส่วนไกลโฟเซต ถูกห้ามใช้ในพื้นที่สาธารณะหรือในแหล่งน้ำ ดังนั้น กรมชลประทาน โดยฝ่ายวิจัยวัชพืชสำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน จึงร่วมกับสมาคมฯ ทดลองใช้สาร 2, 4-D และกลูโฟซิเนต แอมโมเนียม ในพื้นที่ระบาดหนาแน่นของอ่างเก็บน้ำห้วยไทรงาม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่ 550 ไร่ และพื้นที่ 80 ไร่ของอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ พบว่าจอกหูหนูยักษ์ส่วนใหญ่แห้งตาย จากการใช้โดรนพ่นสารกำจัดวัชพืช แต่มีบางส่วนที่ยังเหลือเป็นสีเขียวเพราะไม่สัมผัสละอองของสาร จึงแพร่พันธุ์ต่อได้อย่างรวดเร็ว“ผักตบชวาว่าแย่แล้ว ตักทิ้งยังไงก็ไม่มีวันหมด แต่วัชพืชชนิดนี้ขนาดเล็กกว่ามาก จะตักทิ้งสดแบบผักตบคงลำบาก ครั้นจะใช้พาราควอตมาตัดวงจรเช่นอารยประเทศก็ทำไม่ได้ คงได้แต่ใช้สารที่เราทดลองร่วมกับชลประทานที่ยังไม่ได้ผล 100% เพื่อทำให้มันแห้งตาย โดยจอกหูหนูยักษ์ 9 กก. แห้งแล้วเหลือ 200 กรัม พื้นที่ 550 ไร่ ของอ่าง ประมาณว่ามีจอกหูหนูยักษ์หนักถึง 55,000 ตัน ศักยภาพการตักของเรือ 1 ลำ เฉลี่ยเก็บได้วันละ 400 ตัน ตั้งแต่เริ่มระบาดก็ใช้รถตักเก็บแบบนี้กันมาตลอด 3 ปีป่านนี้ยังไม่หมด ที่สำคัญเศษซากยังไม่สามารถนำไปใช้ทำปุ๋ยได้ เพราะติดกฎหมายพืชกักกันห้ามเคลื่อนย้ายจากพื้นที่” ดร.จรรยากล่าวอีกว่า ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้จอกหูหนูยักษ์ขึ้นหนาแน่นมาก จนคนสามารถลงไปนอนเล่นได้ ชาวบ้านไม่สามารถจับสัตว์น้ำได้ สัตว์เลี้ยงไม่สามารถลงไปดื่มน้ำได้ ซ้ำร้ายยังมีทั้งสุนัข วัว ควายของชาวบ้านจำนวนไม่น้อยลงน้ำแล้วขึ้นฝั่งไม่ได้จนต้องตาย แต่พอใช้สารกำจัดแล้ว แม้ยังไม่ได้ผลเต็มที่นัก แต่ชาวบ้านก็เริ่มใช้ชีวิตแบบเดิมได้บ้างแล้ว และที่ไม่เข้าใจอย่างมาก เหตุใดจึงมีการประกาศขายวัชพืชชนิดนี้ในแทบจะทุกช่องทางออนไลน์ ทั้งที่เป็นพืชกักกัน.กรวัฒน์ วีนิล