เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนนโยบาย “โครงการพาน้องกลับมาเรียน” ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 35 จ.พังงา ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ความสำคัญในการค้นหาและติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันให้มีโอกาสกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง ซึ่งที่ จ.พังงา มีเด็กหลุดออกจากระบบ 149 คน พบตัวแล้ว 127 คน และกลับมาเรียนแล้ว 64 คน ถือเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัดได้ดี ทั้งนี้ จากการดำเนินโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” ในเฟสแรกตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ข้อมูลล่าสุดวันที่ 10 มิ.ย. จากจำนวนนักเรียน นักศึกษา นักเรียนพิการ และผู้พิการที่ตกหล่นและออกกลางคันรวม 121,642 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียน นักศึกษา กลุ่มปกติ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) รวมทั้งสิ้น 67,129 คน พบตัวแล้ว 52,760 คน ได้กลับเข้าระบบ 31,446 คน ไม่กลับเข้าระบบ 21,314 คน อยู่ระหว่างติดตาม 5,628 คน และติดตามแล้วไม่พบตัว 8,741 คน ที่เหลือเป็นกลุ่มนักเรียนพิการ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) สพฐ. และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา กศน.อายุเกิน 18 ปี ที่เกินวัยการศึกษาภาคบังคับและมีความต้องการประกอบอาชีพน.ส.ตรีนุชกล่าวด้วยว่า ถึงแม้ว่าผลการติดตามตัวพบนักเรียนเด็กกลุ่มปกติเป็นจำนวนที่น่าพึงพอใจ แต่เมื่อดูตัวเลขการตัดสินใจไม่กลับเข้าสู่ระบบ มีเพียง 21,314 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กที่อยู่ในวัยการศึกษาภาคบังคับ หรือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5,625 คน ศธ.จะเดินหน้าต่อพาน้องกลับมาเรียนเฟส 2 เน้นช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาในวัยการศึกษาภาคบังคับที่ตามตัวพบแล้วแต่ยังไม่กลับเข้าสู่ระบบให้กลับมาเรียนอีกครั้ง ตั้งเป้าหมายพากลับมาให้ได้ 100% ภายในเดือน ก.ย.นี้ รวมถึงเด็กกลุ่มอื่นที่ยังไม่กลับเข้าระบบและตามตัวไม่พบด้วย ขณะเดียวกันกลุ่มเด็กที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว จะมีระบบดูแลช่วยเหลือป้องกันการหลุดจากระบบการศึกษาซ้ำ โดยโรงเรียนรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล จำแนกกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มมีปัญหา เพื่อดูแลช่วยเหลือตามสาเหตุ เช่น จัดหาทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีฐานะยากจน บิดามารดาเสียชีวิต กรณีเรียนรู้ช้าก็ปรับวิธีการเรียนการสอนให้เหมาะสม.