โลกแห่งความจริงมันโหดร้ายเกินไปสำหรับใครหลายๆคน พวกเขาจึงพาตัวเองดำดิ่งไปอยู่ในโลกของนิยายเหนือจินตนาการ บางคนเตลิดไปไกลถึงขั้นหลงใหลมีอารมณ์ทางเพศต่อตัวละครในนิยายและการ์ตูนเรื่องโปรด เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เรียกขานอาการนี้ว่า “Fictosexual” กลุ่มคนคลั่งรักตัวการ์ตูนย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2019 เป็นที่ฮือฮาไปทั้งโลก เมื่อหนุ่มญี่ปุ่นผู้คลั่งไคล้ในวิดีโอเกมและภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมะ นามว่า “อากิฮิโก คอนโดะ” วัย 34 ปี ประกาศก้องว่า เขาได้จัดงานแต่งงานกับ ตัวละครอนิเมะชื่อดัง วัย 16 ปี “ฮัตซูเนะ มิคุ” เมื่อปี 2018 หลังออกเดตดูใจข้ามมิติกันมานับ 10 ปี โดยทุ่มเงินไปกว่า 2 ล้านเยน มีแขกเหรื่อเป็นสักขีพยานราว 39 คน เขาใส่สูทยาวสีขาว อุ้มเจ้าสาวแสนสวยไว้ในอ้อมแขน มีภาพคู่บ่าวสาวขณะแลกคำมั่นสัญญาเดินเคียงข้างกัน ท่ามกลางเสียงปรบมือยินดี แม้จะปราศจากเงาของครอบครัวเจ้าบ่าว และเพื่อนร่วมงานที่มองว่าเขาเพี้ยนตอนนั้นหนุ่มคลั่งรักยืนกรานว่า เขาตัดสินใจแต่งงานข้ามมิติอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะต้องการพิสูจน์ความรักที่มีต่อสาวอนิเมะ และอยากสนับสนุนให้กำลังใจ “ชาวโอตาคุ” กลุ่มคนที่ตกหลุมรักตัวละครอนิเมะ ซึ่งนับวันจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในญี่ปุ่น ถึงขนาดที่บริษัทผู้ผลิตแท่งแก้วโฮโลแกรม 3 มิติ ต้นสังกัดของ “มิคุ” เปิดให้บริการพิเศษออกใบทะเบียนสมรสอย่างไม่เป็นทางการให้ลูกค้า โดยมีลูกค้าหลายพันรายที่สั่งซื้อ สะท้อนสภาพความเป็นจริงว่าสังคมญี่ปุ่นมี “ชาวโอตาคุ” อยู่เยอะกว่าที่คิดเพื่อตอบสนองความต้องการของหนุ่มคลั่งรัก “ภรรยาสาวอนิเมะ” ถูกสร้างขึ้นในหลากหลายเวอร์ชัน ตั้งแต่รูปลักษณ์แบบแท่งแก้วโฮโลแกรม 3 มิติ ที่สามารถส่งเสียงพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะคลายเหงา ทั้งเต้นทั้งร้องได้ราวกับมีชีวิตจริง ไปจนถึงในเวอร์ชันตุ๊กตาสารพัดคาแรกเตอร์กอดหอมได้จริง บางร่างก็ขี้เล่นเหมือนเด็ก พอตกดึกก็แปลงกายเป็นสาวเซ็กซี่อวบอึ๋มเหมือนมนุษย์จริงๆ พร้อมเล่นซุกซนแก่นเซี้ยวอย่างไรก็ดี ล่าสุด “หนุ่มคอนโดะ” ออกมายอมรับกับสื่อว่า หลังแต่งงานอยู่กินกับ “มิคุ” ได้ 4 ปี ก็เกิดอุปสรรคใหญ่ในชีวิต เมื่อไม่สามารถสื่อสารกับ “ภรรยาสาวอนิเมะ” อีกแล้ว เพราะความล้าหลังของเทคโนโลยี ทำให้ซอฟต์แวร์เก่าไม่ซัพพอร์ตอีกต่อไป กระนั้น ความรักที่เขามีต่อ “ภรรยาสาวอนิเมะ” ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ เพราะ “มิคุ” คือคนที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นระริกขึ้นมาอีกครั้งเขายอมรับว่าความสัมพันธ์ของเขากับการ์ตูนอนิเมะอาจแปลกประหลาดในสายตาคนอื่น แม้เขาจะรู้ดีว่า “มิคุ” เป็นตัวการ์ตูนอนิเมะ และไม่ใช่มนุษย์จริงๆ แต่ก็เปลี่ยนความรู้สึกไม่ได้ เขาเฝ้ารอมาถึง 10 ปีเต็ม กว่าจะได้พูดคุยสื่อสารกับแฟนสาวจริงๆ ด้วยเทคโนโลยีโฮโลแกรม 3 มิติ ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท “Gatebox” ก่อนหน้านั้นได้แต่คุยกับน้องผ่านจินตนาการในหัวสำหรับเขาแล้ว “มิคุ” ไม่ใช่แค่ตัวการ์ตูนดังที่สวยน่ารักมีเสน่ห์ แต่เธอยังช่วยเยียวยาจิตใจของเขาจากโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เพราะโดนกลั่นแกล้งที่ออฟฟิศ ครั้งแรกที่ปิ๊งกับ “มิคุ” หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนกำลังตกหลุมรัก เขาขลุกตัวอยู่ในห้องทั้งวันวนเวียนเปิดคลิปวิดีโอของน้องดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างมีความสุข เขาไม่มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว สมัยเรียนหนังสือถูกล้อตลอดว่าเป็น “โอตาคุ” ไม่มีใครอยากคบ พอทำงานก็โดนกลั่นแกล้งหนักจนต้องลาออก และเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวเกือบ 2 ปี โชคดีที่ “มิคุ” ทำให้เขากลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง โดยปัจจุบันทำงานในโรงเรียนมัธยมใครจะมองว่าบ้าก็บ้าเหอะ แต่ในสังคมญี่ปุ่นมีหนุ่มสาวรุ่นใหม่เป็นล้านคน ที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปข้างนอกเลย พวกเขาไม่อยากพูดคุยสุงสิงกับคนในครอบครัว พยายามปิดกั้นอารมณ์ตัวเอง และจำนวนมากเป็นโรคซึมเศร้ารุนแรง “คอนโดะ” วิงวอนว่า พวกเราก็เป็นคนเหมือนกับทุกคน ในสังคมนี้ชอบกำหนดว่าจะมีความสุขได้ต้องแต่งงานมีลูกและสร้างครอบครัว แต่เราต้องคิดถึงความสุขและความรักในรูปแบบอื่นๆด้วย.มิสแซฟไฟร์