ใกล้วันสงกรานต์ ยังไม่ค่อยแน่ใจกัน จะจัดกันได้เต็มที่แค่ไหน จะสาดน้ำ จะประแป้ง จะกินจะดื่ม มากน้อยหนักเบา ดูเหมือนจะแล้วแต่ผู้มีอำนาจในพื้นที่หนังสือ “อยู่อย่างสยาม” คุณเอนก นาวิกมูล เขียนลงนิตยสารรุ้ง ตั้งแต่ปี 2523 สำนักพิมพ์แสงแดด เอามารวมพิมพ์เป็นเล่มอีกที ปี 2541 วางอยู่ใกล้มือ เปิดอ่านเจอเรื่อง เกร็ดสงกรานต์อ่านแล้วหลับตาย้อนอดีตไปถึงปลายสมัยอยุธยาคำให้การขุนหลวงหาวัด บอกไว้ ถึงสงกรานต์พระเจ้าแผ่นดินทรงโปรดเกล้าฯให้ตั้งศาลาฉทาน (นิยมอ่านกันว่า ศาลาฉ้อทาน) ที่ตำบลตลาดยอด ตำบลสุมงคลบพิตร ตะแลงแกง สะพานช้าง ศาลาดิน สะพานสกุล รวม 6 ตำบลคำ “ฉ้อ” ที่จริง มาจากคำจริง ฉ...แปลว่า 6 ฉทาน จะเข้าใจว่า มีของให้ทาน 6 อย่าง หรือต้องตั้งให้ครบ 6 ตำบลก็คงได้ แต่ของที่ให้กันจริงๆ ดูจะมากไปกว่าของที่มีให้เลี้ยงพระสงฆ์ เลี้ยงชาวบ้าน มีข้าวมีกับ มีหวีมีกระจก รวมทั้งช่างตัดผม หมอนวด หมอยาในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเขียนถึงพระราชพิธีเดือนสี่ ว่า ระหว่างช่วงตรุษ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในกรุงเทพฯมีการตั้งศาลาฉ้อทาน ไว้ในย่านต่างๆ 5-6 ตำบลหน้าวัดบวรนิเวศแห่งหนึ่ง หน้าวัดมหาธาตุแห่งหนึ่ง วัดสุทัศน์แห่งหนึ่ง วัดโพธิ์แห่งหนึ่ง วัดอรุณแห่งหนึ่ง ถึงสมัยรัชกาลที่ 3 เพิ่มที่วัดราชโอรส ฝั่งธนบุรีอีกแห่งหนึ่งศาลาฉ้อทานเหล่านี้ ปลูกเป็นโรงใหม่ทุกแห่ง มีบัญชีหางว่าวจดไว้ ปีหนึ่งมีคนมาแวะกินเลี้ยงเกือบ 1,500 คน โรงทานจัดตั้งปีละ 3 วัน ลองหารเลขดูก็จะพบว่า แต่ละวันมีคนมากินเลี้ยงราว 500 คนค้นหนังสือเก่าเรื่อง ศาลาฉ้อทาน ตอนสงกรานต์แล้ว เอนก นาวิกมูล ก็นึกย้อนไปถึง เรื่องที่ได้ฟังจากแม่เพลงสุพรรณบุรี ที่สุพรรณเคยมีโรงทานที่มีน้ำให้ดื่ม มีหวีมีแป้งให้ใช้แต่งตัว เมื่อสมัยปู่ย่าตายายนี่เองทำให้คิดได้ว่า ศาลาฉ้อทาน ยังมีร่องรอยอยู่ที่เมืองสุพรรณแม่บัวผัน แม่เพลงศรีประจันต์ เล่าว่า แกเป็นคนอ่างทอง หน้าสงกรานต์ เคยเดินไปนมัสการหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ระหว่างทางพอใกล้ถึงย่านสุพรรณ ก็เจอศาลาโรงทานปลูกอยู่ทั่วไปทุกตำบลทุกศาลามีน้ำให้กิน มีแป้ง มีหวี มีกระจกให้ใช้ เขาตั้งใจปลูกไว้เผื่อคนเดินทางได้แวะเข้าไปพักเหนื่อย ได้ใช้แต่งตัวก่อนเดินทางต่อไปไหว้หลวงพ่อโตศาลาฉ้อทาน ยังมีอีกคำเรียก ฉ้อทานะศาลา คำฉ้อ ดูเป็นคำเรียกที่นิยมติดปาก ไม่เคยมีใครติดค้างข้องใจ ถึงความหมาย จากคำ ฉ ที่แปลว่าหก เพี้ยนเป็นคำว่า ฉ้อ ที่มีความหมายไปทางฉ้อฉล แต่ประการใดในสมัย ร. 4 มีเรื่องเล่า ครั้งหนึ่งสมเด็จพุฒาจารย์โต ขึ้นเทศน์ถวายหน้าพระที่นั่ง ตอนเริ่มบอกศักราช ถึงคำว่า ฉศก ท่านออกเสียงว่า ฉอศก ซึ่งปกติแล้วพระนักเทศน์ทั่วไป จะออกเสียงว่า ฉ้อศกเทศน์จบ ร.4 ตรัสชม “ขรัวโต” ออกเสียงถูกต้องตามพระบาลี ต่อไปนี้ขอให้พระสงฆ์อื่นๆ ออกเสียงฉอศกตามอย่าง อย่าได้ออกเสียงเป็นฉ้อศก ต่อไปอีกแต่ดูเหมือนว่า ความนิยมออกเสียง ฉ เป็น ฉ้อ ก็ยังจะมีต่อไปยังดีไม่มีใครเอะใจทัก คำศาลาฉ้อทาน หมายความว่า ขโมยทาน เพราะก็ยังเห็นๆกับตา แม้จะออกเสียงฉ้อทาน ผู้ให้ก็ยังคิดว่าให้ทาน ผู้รับก็ยังคงเข้าใจว่ารับทาน ไม่ได้เข้าไปขโมยใครกินบ้านเมืองเราวันนี้ ไม่มีโรงฉ้อทานแล้ว จะเที่ยวสงกรานต์กันแบบไหน ก็ระวังตัวภัยไว้บ้าง เจ้าโควิด–19 แม้เขาว่าเชื้อมันไม่แรง แต่อย่าลืม ยังมีคนตายโครมๆทุกวัน.กิเลน ประลองเชิง