ชะมวง (Garcinia cowa Roxb.) จัดอยู่ในวงศ์ Clusiaceae (Guttiferae) พืชประจำถิ่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในไทยพบในป่าทั่วไปในภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้ประโยชน์ได้แทบจะทุกส่วนของต้น ตั้งแต่ราก เนื้อไม้ ผลโดยเฉพาะใบ มีสรรพคุณมากมาย เช่น ช่วยฟอกโลหิต แก้กระหายน้ำ แก้อาการไอ ลดระดับคอเลสเทอรอลในเลือด และมีคุณค่าทางโภชนาการ ที่สำคัญสารสกัดจากใบชะมวงมีกรดซิตริก (citric acid) สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งเชื้อรา ลดการอักเสบ เมื่อปี 2555 สถานวิจัยยาสมุนไพรและเทคโนโลยีชีวภาพทางเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ค้นพบ สารชนิดใหม่จากใบชะมวง หรือ “ชะมวงโอน” (Chamuangone) มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งได้ดี ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคทางเดินอาหาร ช่วยยับยั้งเชื้อโปรโตรซัวได้เป็นอย่างดี แต่น่าแปลกใจทั้งที่สรรพคุณมากมาย ส่วนใหญ่นิยมนำไปประกอบอาหารคาวเพื่อให้มีรสชาติเปรี้ยว เช่น ขาหมูต้มชะมวง แกงกะทิปลากระเบนย่าง แกงส้ม เท่านั้น แถมมีแนวโน้มถูกโค่นไปปลูกไม้เศรษฐกิจมากขึ้น “เดิมทีแถบพื้นที่ จ.ชุมพร มีต้นชะมวงขึ้นอยู่ชุกชุม แต่ปัจจุบันชาวบ้านหันมาโค่นต้นทิ้งแล้วมาปลูกทุเรียนที่ได้ราคาดีกว่าแทน ทำให้ชะมวงที่เดิมรู้จักกันแค่นำมาประกอบอาหารกำลังถูกลืมเลือนไป ขณะที่ส่วนตัวคุณพ่ออายุกว่า 80 ปี ที่กินใบชะมวงมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันยังคงสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ตั้งแต่ปี 2557 เลยร่วมกับอาจารย์และนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร อนุรักษ์และฟื้นฟูชะมวง พร้อมกับไปให้ความรู้ถึงสรรพคุณอันมากมายของพืชชนิดนี้ โดยพัฒนาชะมวงให้เป็นมากกว่าแค่ขาหมูชะมวงหรือแกงส้มที่รู้จักกันอย่างดีมาจนปัจจุบัน” อ.กาญจนา นาตนิยม แผนกวิชาสามัญสัมพันธ์ หัวหน้าโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี (อพ.สธ.) เล่าถึงการอนุรักษ์ต้นชะมวง ไม้มากสรรพคุณที่กำลังถูกลืมเลือนจากคนรุ่นเรา และอาจถูกลบเลือนจากคนรุ่นหลัง...ปี 2558 จึงเริ่มนำใบชะมวงมาทำเป็นน้ำชะมวงผสมสมุนไพรพร้อมดื่ม โดยนำใบชะมวงมาผสมกับสมุนไพร อาทิ ดอกอัญชัน ตะไคร้ ใบมะกรูด จนได้น้ำสมุนไพรสีชมพูอมม่วง มีกลิ่นหอมสมุนไพร รสชาติเปรี้ยวอมหวาน อุดมไปด้วยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การันตีด้วยรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 มาตรฐานเหรียญทอง การประกวด สิ่งประดิษฐ์คนรุ่นใหม่ในงานประชุมวิชาการสมาชิกอกท.ระดับชาติ ครั้งที่ 36 เมื่อปี 2558 ต่อยอดสู่น้ำพริกใบชะมวง น่าจะเป็นที่แรกที่นำใบชะมวงมาทำน้ำพริก ด้วยสูตรเฉพาะตัวที่คิดค้นขึ้นเอง ใบชะมวงอ่อน 100 กรัม ผสมพริกขี้หนูป่น 25 กรัม หอมแดงหั่น 50 กรัม กระเทียม 50 กรัม กะปิ 20 กรัม กุ้งแห้ง 25 กรัม น้ำตาลทราย 50 กรัม น้ำสะอาด 150 กรัม น้ำมันพืช 150 กรัม และเกลือ 1 ช้อนชา ผัดในกระทะด้วยไฟปานกลาง 25 นาที ก็ได้น้ำพริกสีน้ำตาลเหลือง กลิ่นหอมไม่ต่างจากน้ำพริกมะขาม เนื้อสัมผัสนิ่ม รสชาติถูกอกถูกใจผู้ได้ลิ้มชิมรส แถมด้วยสุขภาพดีกันถ้วนหน้าและด้วยใบชะมวงมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย สารสกัดฆ่าเซลล์มะเร็งได้ จึงพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ผงขัดผิวใบชะมวงที่ผสมกับดินสอพองและผงขมิ้น เพื่อทำความสะอาด สร้างความราบเรียบให้ผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหลังใช้ และผลิตภัณฑ์สุดท้าย ไวน์ใบชะมวง ผลิตภัณฑ์จากใบชะมวง นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งให้ผู้คนตระหนักและเห็นถึงสรรพคุณอันมากมายของใบชะมวงแล้ว ยังได้เผยแพร่สู่ชุมชน สาธารณชน เพิ่มทางเลือกในการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสิ่งใกล้ตัว ยังเป็นการส่งเสริมฝึกทักษะแทบจะทุกด้านให้กับนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นความสามัคคี การอยู่แบบหมู่คณะ การบริหารจัดการ รวมถึงสร้างรายได้ระหว่างเรียน ขณะเดียวกันก็สามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพได้เป็นอย่างดี.กรวัฒน์ วีนิล