จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลายหน่วยงานรวมพลังช่วยเหลือปกป้องดูแลสุขภาพและชีวิตของคนไทยเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส (AIS) เป็นอีกหน่วยงานภาคเอกชนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เข้ามาช่วยเหลือในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 และการป้องกันการแพร่ระบาด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และ ผู้บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) ร่วมทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อทำรายงานการปฏิบัติหน้าที่ของ อสม. ผ่านแอปฯสมาร์ท อสม. และ อสม.ออนไลน์.จึงพัฒนาแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยการทำงานของ อสม. ในฐานะ “นักรบด่านหน้า” ให้มีความสะดวกในการเชื่อมโยงขั้นตอนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า ได้เริ่มพัฒนาแอปพลิเคชัน “อสม. ออนไลน์” เมื่อ 7 ปีก่อน เพื่อให้เหล่า อสม.ใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานดูแลประชาชน ปัจจุบันมี อสม.ใช้งานกว่า 500,000 ราย“วันนี้ประเทศต้องเผชิญกับโรคระบาดครั้งใหญ่ เราจึงร่วมพัฒนาฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานของแอป อสม.ออนไลน์ ให้สอดรับกับบริบทของสถานการณ์และตอบโจทย์การใช้งานมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับความไว้วางใจจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ให้ใช้เป็นอาวุธสำคัญในการรับมือปัญหาและดูแลคนไทย” นางสายชล กล่าวอสม. สามารถใช้แอปฯดังกล่าวในการส่งแบบรายงานผลการปฏิบัติงาน อาทิ การตรวจคัดกรอง ติดตามกลุ่มเสี่ยง ตรวจสุขภาพจิต เฝ้าระวังผู้มีความเสี่ยงจากภาวะเครียด ซึมเศร้า หรือเสี่ยงฆ่าตัวตาย ให้กับหน่วยงานสาธารณสุขชุมชน เพื่อเข้าสู่การแนะนำและรักษาได้อย่างทันท่วงที แอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ผ่านการรับรองจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้เป็นเครื่องมือของ อสม. เนื่องจากมีทางเลือกใช้งานที่สะดวกรวดเร็ว เชื่อมโยงขั้นตอนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ.นางสายชล กล่าวอีกว่า แอปฯ อสม. ออนไลน์ จะช่วยให้นักรบด่านหน้ามีความคล่องตัว เชื่อมโยงขั้นตอนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับ แอปฯ สมาร์ท อสม. ที่วันนี้ อสม. เป็นลูกค้าเอไอเอส ได้รับสิทธิ์ฟรีดาต้า เช่นเดียวกับการใช้งานแอป อสม.ออนไลน์ จะช่วยขับเคลื่อนการทำงานด้านสุขภาพให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น“ต้องยอมรับว่า อสม.ถือเป็นฟันเฟืองที่แข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 อสม. คือด่านหน้าในการเคาะประตูบ้านเพื่อดูแลประชาชน เสมือนกับเป็นวัคซีนชีวิตที่คุ้มครองคนไทยทั่วประเทศ ด้วยความกล้าหาญและเสียสละยิ่ง ขอชื่นชมยกย่องในการปฏิบัติหน้าที่มาอย่างต่อเนื่อง”นางสายชล กล่าวและย้ำอีกว่า เอไอเอส ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการศึกษาและสร้างบุคลากรในสายวิชาชีพด้านสาธารณสุขของบุตรธิดา อสม. ด้วยการมอบทุนการศึกษาภายใต้ชื่อโครงการ “ทุนการศึกษา เอไอเอส คนเก่งหัวใจแกร่ง เพื่อบุตร อสม.สานต่องานสาธารณสุขไทย” เจ้าหน้าที่ อสม. ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองและติดตามกลุ่มเสี่ยงผู้ติดเชื้อโควิด-19 พร้อมใช้แอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ในการปฏิบัติงานอย่างคล่องตัว.โดยจะมอบทุนให้แก่ บุตรธิดา อสม. ที่กำลังจะเข้าศึกษาในระดับชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก ปีการศึกษา 2565 จนจบปริญญาตรี จำนวน 5 ทุน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ รวมถึงส่งเสริมสายงานและบุคลากรด้านสาธารณสุขไทยนางสายชล กล่าวส่งท้ายว่า ชาวเอไอเอสทุกคน ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อพลังและกำลังใจแก่ จนท.สาธารณสุข และพี่น้อง อสม. ทุกคน และพร้อมอยู่เคียงข้างสนับสนุนการทำงานของพี่น้อง อสม.ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล“อสม.ออนไลน์” ให้เป็นศูนย์กลางเครือข่ายสื่อสารการทำงานสาธารณสุขสู่ชุมชนที่พร้อมทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป. นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ AIS โชว์แอปพลิเคชัน สมาร์ท อสม. และ อสม.ออนไลน์.ทีมข่าวภูมิภาค