ช่วงปี 2563 เกษตรกรผู้ปลูกมะละกอจำนวนมากหันไปปลูกพืชอื่นทดแทน หลังถูกกดราคาขายจากโรงงานเหลือ กก.ละไม่กี่บาท จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ตลาดปิดจากมาตรการล็อกดาวน์แต่มีเกษตรกรอยู่ท่านหนึ่งคิดต่าง มองว่าเมื่อคนเลิกปลูกกันเยอะ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ผลผลิตก็จะน้อย ราคาย่อมต้องดีตาม จึงเดินหน้าปลูกสวนกระแส และก็เป็นเยี่ยงนั้นจริง “เริ่มแรกปลูกขนุนทองพลอยประณีต ที่ตลาดค่อนข้างต้องการ บนพื้นที่ 30 ไร่ แต่ขนุนใช้เวลาเก็บเกี่ยวปีครึ่ง จึงมองว่าน่าจะมีพืชอื่นมาเสริมระหว่างรอผลผลิตขนุน พอดีเห็นคนเลิกปลูกมะละกอกันเยอะ จึงมองเห็นโอกาส ประกอบกับมะละกอปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก ปลูกแค่ 8 เดือน แต่ให้ผลผลิตยาวนานไปอีก 7-12 เดือน จึงทดลองปลูกมะละกอฮอลแลนด์แซมกับขนุน ปรากฏว่าสร้างรายได้เกินกว่าคาดหมาย เก็บผลผลิตได้ทุก 2-3 วัน ครั้งละ 7-8 ตัน ส่งขายตลาดไท แต่ละครั้งทำเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท จึงขยายปลูกมะละกอเดี่ยวๆอีก 30 ไร่ พร้อมวางแผนขยายเพิ่มอีก 150 ไร่” ชัยพร นันทอุดมพืช เกษตรกรผู้ปลูกมะละกอ ม.9 ต.ยางสูง อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร อธิบาย...ช่วงนี้มะละกอราคาดี กก.ละ 20-23 บาท และต่อจากนี้ไปมะละกอก็น่าจะราคาดีไปทั้งปี ส่วนหนึ่งจากคนปลูกเหลือน้อย หันไปปลูกพืชชนิดอื่น ขณะที่ช่วงปลายปีแหล่งปลูกใหญ่ในประเทศโดนมรสุมทั้งพัดต้นหักและน้ำท่วมผลผลิตเสียหาย เลยหลายเป็นอานิสงส์ให้ราคาสูง แต่เหนือสิ่งอื่นใด การวางแผนการปลูก ดูแล บริหารจัดการต่างหากที่เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ ส่วนจะวางแผนการปลูก ดูแล บริหารจัดการอย่างไรให้ได้ผลผลิตตรงกับช่วงเวลาที่มะละกอราคาแพง ชัยพรแนะจะให้ได้ผลผลิตช่วงมะละกอราคาสูง ส.ค.-ต.ค. ต้องเริ่มปลูกในช่วงหนาว ธ.ค.-ม.ค. ที่สำคัญช่วงหน้าร้อน มี.ค.-เม.ย. ช่วงมะละกอออกดอกเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด ต้องให้น้ำให้ถึง สร้างพื้นที่โดยรอบให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ดอกมะละกอร่วงจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่วนการดูแล บริหารจัดการ...ที่นี่ปลูกมะละกอแบบยกร่องกว้างราว 6 เมตร ระหว่างร่องกว้าง 1.50 เมตร เพื่อให้รถเข้าไปทำงานได้สะดวก ระยะปลูก 2.5x3 เมตร ระบบน้ำใช้สปริงเกอร์ทั้งหมด เพราะมะละกอต้องการน้ำเยอะ ต้องรดน้ำทุกวันถ้าฝนไม่ตก และต้องเป็นระบบน้ำที่มีอายุการใช้งานยาว เพื่อประหยัดต้นทุนให้ใช้ในครอปต่อไปได้ ส่วนของระบบน้ำลงทุนไร่ละประมาณ 15,000 บาท โดยทั้ง 30 ไร่ ลงทุนไปทั้งหมดประมาณ 8 แสนกว่าบาทจนถึงเริ่มเก็บ สำหรับการดูแล จะดูจากสภาพการเจริญเติบโตของต้นเป็นหลัก โดยต้องดูแลมะละกอให้ดีตั้งแต่เริ่มปลูกเลย เริ่มจากการเตรียมแปลงให้ดี โดยใส่ปุ๋ยคอกรองพื้นเพื่อสร้างพื้นฐานของดินให้ดีตั้งแต่แรก ต้นกล้าที่ลงปลูกต้องสมบูรณ์ แข็งแรง อายุประมาณ 1 เดือน หลังลงปลูกพ่นสาหร่ายทะเลและแคลเซียม-โบรอนเป็นอาหารเสริมทางใบทุก 10 วัน ตลอดจนถึงเก็บเกี่ยว เพื่อเร่งการเจริญเติบโตให้ต้นสมบูรณ์และโตเร็ว เพื่อจะได้คัดเพศดอกได้เร็ว เพราะยิ่งคัดเพศดอกเร็วเท่าไร ต้นจะยิ่งเตี้ย ติดผลดก การใส่ปุ๋ยใช้สูตรเสมอสลับกับตัวหน้า ตัวท้ายสูง ให้ทุก 15-20 วัน ปริมาณการให้ไร่ละ 30-40 กก. ขึ้นกับอายุของมะละกอ อย่างตอนนี้มะละกอเก็บผลผลิตแล้วจะให้ปุ๋ยประมาณพื้นที่ 30 ไร่ ประมาณ 25 กระสอบต่อครั้ง ส่วนของการพ่นสารเคมีกำจัดโรคและแมลง จะพ่นเมื่อพบการระบาดเท่านั้น ไม่ได้พ่นตามโปรแกรมทุก 5-7 วันเหมือนคนอื่น เพราะมองว่าการพ่นเมื่อพบการระบาดจะมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมายมากกว่า อีกทั้งยังประหยัดต้นทุนอีกด้วย สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.09-3361-4499.กรวัฒน์ วีนิล