เรียกได้ว่าต้องตามสถานการณ์กันอย่างกระชั้นชิด สำหรับเหตุความตึงเครียดในยุโรปตะวันออกและยูเครน ที่ยังไม่มีวี่แววจะคลี่คลายลงแต่อย่างใดโดยปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า แนวรบในยูเครนตะวันออก ที่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างกองทัพยูเครนกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ได้เกิดการปะทะระลอกใหม่ ต่างฝ่ายมีการสาดกระสุนปืนใหญ่ใส่กัน จนเกิดความกังวลว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะถูกใช้เป็น “ข้ออ้าง” เพื่อเคลื่อนไหวทางการทหารเพิ่มเติมกระนั้น หากมีการรบกันจริงๆแล้ว คงเรียกได้ว่า “ราบคาบเป็นหน้ากลอง” เพราะหากมองดูกำลังของรัสเซีย โดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับ “การรบระยะไกล” ก็มีทั้งฝูงเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินสนับสนุนภาค พื้นดิน เฮลิคอปเตอร์จู่โจม ไปจนถึงขีปนาวุธพิสัยใกล้ “อิสคานเดอร์” ที่ขณะนี้เรียกได้ว่า เข้าประจำการตามจุดต่างๆที่สามารถยิงถล่มยูเครนได้ทุกเมืองทุกตำบลขณะที่สหรัฐฯและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือนาโต (NATO) ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ส่งกำลังรบเข้าไปในโปแลนด์และโรมาเนีย ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนตะวันตกของยูเครน ฝูงบินกองทัพอากาศสหรัฐฯ ไม่ว่าเครื่องบินรบพรางเรดาร์สมรรถนะสูง “เอฟ-35” ไปจนถึงเอฟ-15 เอฟ-16 และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ “บี-52” ได้เข้าประจำ การตามฐานทัพต่างๆในยุโรปเป็นที่เรียบร้อยยังไม่รวมถึงการเสริมทัพเรือพิฆาตชั้น “อาร์เลห์ เบิร์ก” สำหรับยิงจรวดโจมตีภาค พื้นดินอีก 4 ลำ เข้าไปในภูมิภาค ที่เดิมทีก็มีกองเรือบรรทุกเครื่องบินจู่โจมที่ 8 ประจำการอยู่แล้วด้วยเหตุนี้เอง หนทางที่ถูกที่ควรจึงเป็น “โต๊ะเจรจา” เพื่อหลีกเลี่ยงการตายตกตามกัน แต่ปัญหาใหญ่คือ ต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนชัดเจน สิ่งที่รัสเซียต้องการคือคำรับประกันว่า นาโตจะไม่ดึงยูเครนดินแดนเก่าของรัสเซียเข้าเป็นสมาชิก และลดการขยายอิทธิพลทางทหารในยุโรปตะวันออก ซึ่งถือเป็นหลังบ้านของรัสเซีย ส่วนนาโตเสนอว่ารัสเซียต้องหาทางทำให้โลกมั่นใจว่าจะไม่เคลื่อนกำลังทหารมาทางพื้นที่ภาคตะวันตกของรัสเซียอีกเลยการไม่คุยในหัวข้อเดียวกัน จึงทำให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ น่าสนใจว่าหลังจากนี้จะเจรจากันต่ออย่างไร? เพราะรัสเซียได้เสนอข้อเรียกร้องเพิ่มเติมแล้วว่า พร้อมคุยกันภายใต้หัวข้อว่ายูเครนไม่ควรเป็นสมาชิกนาโต แต่ที่ดุกว่านั้น คือการยื่นเงื่อนไขให้สหรัฐฯถอนกำลังออกจากยุโรปกลาง-ตะวันออกทั้งหมด.ตุ๊ ปากเกร็ด