คนระยองโคตรเซ็ง น้ำมันดิบจากบริษัทเดิมรั่วไหลลงทะเลซ้ำซากรอบ 3 แต่ยังไม่ทราบปริมาณ “ผู้ว่าฯระยอง” ยอมรับ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ทำหนังสือส่งถึง สภ.มาบตาพุด ระบุพบความเสียหายของท่อส่งน้ำมันใต้ทะเลอีกจุดเป็นจุดที่ 2 อยู่ด้านบนของจุดที่ 1 มีน้ำมันรั่วไหลออกมาเป็นครั้งคราว เตรียมเข้าซ่อมแซมด้วยการใช้วัสดุห่อหุ้มรอยรั่วกลายเป็นความหายนะทางสิ่งแวดล้อมและกระทบระบบนิเวศทางทะเลซ้ำซาก กรณีบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ทำน้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก เมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค. ส่งผลให้เกิดมลพิษต่อท้องทะเล จ.ระยอง มีความเสียหายเป็นวงกว้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำจัดคราบน้ำมันจนสถานการณ์คลี่คลายไม่พบคราบน้ำมันแล้ว ต่อมาวันที่ 10 ก.พ. เกิดเหตุน้ำมันดิบที่ค้างอยู่ในท่ออ่อน เกิดรั่วไหลลงทะเลรอบที่ 2 เพิ่มอีก 5 พันลิตร สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ผู้ขายอาหารทะเล และกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับผลกระทบและยังไม่ได้รับการเยียวยาแต่อย่างใด และล่าสุดเกิดน้ำมันรั่วรอบที่ 3 ขึ้นมาอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ก.พ. นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง กล่าวถึงกรณีบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ส่งหนังสือถึง สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เพื่อขอเข้าแก้ไขจุดรั่วใหม่ใกล้กับจุดรั่วที่ 2 ตรงท่อน้ำมันใต้ทะเล เนื่องจากยังมีน้ำมันรั่วไหลออกมาเป็นครั้งคราว สำหรับการรั่วของท่อน้ำมันที่อยู่ใกล้กับจุดรั่วของท่อในครั้งที่ 2 พบว่ายังมีน้ำมันที่ค้างท่อไหลออกมาเป็นครั้งคราวแต่ไม่มาก อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการเฝ้าระวังเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีการขออนุญาตของทาง SPRC ขณะนี้ฝ่ายเทคนิคอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เพื่อหาทางแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนต่อไปทั้งนี้ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือลงวันที่ 15 ก.พ.65 ถึง สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง มีใจความดังนี้ หนังสือฉบับดังกล่าวเป็นการแจ้งเรื่องขอปฏิบัติงานพันท่อเพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำมัน พร้อมแนบหนังสือขั้นตอนหยุดการซึมของน้ำมันและพันปิดรอยรั่วที่ท่ออ่อนใต้ทะเล บริษัทแจ้งว่าพบความเสียหายของท่อส่งน้ำมันใต้ทะเลอีกจุดเป็นจุดที่ 2 อยู่ด้านบนของจุดที่ 1 จุดนี้ยังคงมีน้ำมันรั่วไหลออกมาเป็นครั้งคราว และถ้ามีน้ำมันค้างอยู่ในท่ออ่อนมีความเสี่ยงที่น้ำมันจะรั่วไหลออกมา เมื่อเกิดคลื่นลมรุนแรง หรือในระหว่างถอดท่อที่เสียหาย บริษัทแจ้งว่าเพื่อรักษาและป้องกันความเสียหายของท่ออ่อน และป้องกันน้ำมันรั่วไหลสู่ทะเล จึงต้องนำวัสดุมาห่อหุ้มรอยรั่วจุดที่ 2 โดยเร็ว ซึ่งในระหว่างดำเนินการใช้วัสดุพันปิดห่อหุ้มรอยรั่วแห่งที่ 2 อาจเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินบริษัทได้มีขั้นตอนเตรียมรับมือ จะดำเนินการดังนี้ 1.ติดตั้งเต็นท์ดักจับน้ำมันบริเวณด้านบนของจุดรอยรั่ว 2.เตรียมเรืออย่างน้อย 10 ลำ สำหรับลากบูมอย่างน้อย 5 ปาก เรือทุกลำสามารถใช้สำหรับฉีดสารขจัดคราบน้ำมัน dispersant 3.เตรียมเรืออย่างน้อย 3 ลำ สำหรับการฉีดสาร dispersant พร้อมแขนฉีด 4.ติดตั้งทุ่นกักน้ำมัน (boom) และอุปกรณ์กวาดน้ำมัน (skimmer) บริเวณที่ปฏิบัติงาน 5.นักดำน้ำ ลงดำบริเวณจุดที่มีรอยรั่ว เพื่อสังเกตการณ์ตลอดเวลาการทำงาน พร้อมส่งโดรนใต้น้ำสำรวจใต้ทะเล 6.โดรนอากาศยาน บินสำรวจทางอากาศ การดำเนินการพันปิดห่อหุ้มจุดน้ำมันรั่วไหลจุดที่ 2 ดังกล่าวนี้อยู่ระหว่างขออนุญาตจากกรมเจ้าท่าและ สภ.มาบตาพุด ตามที่เสนอไปแล้วนายพิษณุ เขมะพรรค์ ที่ปรึกษานายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด กล่าวว่า ทราบว่ามีน้ำมันรั่วไหลครั้งที่ 3 ยังไม่ทราบจำนวนเชื่อว่ารุนแรงยาวนานกว่าที่คิดไว้ SPRC คงไม่สามารถควบคุมการรั่วไหลได้สำเร็จ จากนี้ไปอีก 5 ปีการท่องเที่ยวทั้งบนฝั่ง จ.ระยอง และเกาะเสม็ด จะยังสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่ การท่องเที่ยวโดยเฉพาะชายทะเล จะเกิดผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ขอเรียกร้องให้บริษัทเร่งเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว และต้องเป็นระยะที่ยาวนานกว่าเดิม พร้อมเพิ่มตัวเลขจำนวนการเยียวยามากขึ้นไปอีกรวมทั้งขอให้มีการควบคุมการรั่วไหลอย่างจริงจังและเป็นระบบตามมาตรฐานสากลสายวันเดียวกัน ที่โรงแรมคลาสสิค คามิโอ จ.ระยอง นางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ระยอง นายไพโรจน์ ปิติพันธรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.ระยอง นางธารา บุญก่อเกื้อ เจ้าของเรือเฟอร์รี่เกาะแก้วพิสดาร ประชุมร่วมกับนายจิรศักดิ์ มหาสุคนธ์ ผจก.ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC และคณะ เพื่อเจรจาเรื่องการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่หาดแม่รำพึง และใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง และไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดผลการเจรจาแต่อย่างใดนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานพบว่า บริเวณรอยรั่ว รอบ 3 เป็นรอยเดิม ซึ่งยังแก้ไขไม่ได้ กรมเจ้าท่าจะไปหารือกับบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ว่าจะอนุญาตให้เข้าไปปรับแต่งได้หรือไม่ ส่วนสถานการณ์ทั่วไปได้เฝ้าระวังทางทะเล มีคราบฟิล์มน้ำมันขึ้นมาเป็นบางส่วน อยู่ระหว่างการควบคุม ในวันที่ 18 ก.พ. เวลา 10.00 น. จะประชุมของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินผล โลหะหนัก สารเคมีต่างๆที่บริเวณหาดแม่รำพึง ว่าจะปิดต่อหรือเปิดให้ประชาชนเล่นน้ำได้ ต้องประเมินคุณภาพของน้ำ และทรายบริเวณดังกล่าวอีกครั้งเวลา 14.30 น. นายคเชนท์ แจ่มใส นายก เทศมนตรีตำบลสุนทรภู่ อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินสำรวจบริเวณชายหาดแหลมแม่พิมพ์ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง หลังได้รับแจ้งว่าพบคราบสีดำคล้ายคราบน้ำมันลอยมากับเกลียวคลื่น โผล่เป็นคราบสีดำตลอดแนวชายหาด จากการตรวจสอบพบคราบสีดำเป็นปื้นเกาะอยู่กับผืนทรายเป็นทางยาวตลอดทั้งหาด ระยะทางประมาณ 500 เมตร บางจุดมีความหนาแน่นกระจายอยู่ทั่วชายหาดนายมนัส สิมชาติ อายุ 55 ปี ประธานชมรมล้อเลื่อนหาดแหลมแม่พิมพ์ กล่าวว่า เพิ่งพบคราบสีดำวันนี้ หลังการพิสูจน์ด้วยการกำทรายที่มีคราบสีดำเกาะติดอยู่ขึ้นมาดมดู พบมีกลิ่นฉุนคล้ายกลิ่นของน้ำมัน เมื่อลองขยี้ดูปรากฏว่าเป็นสีดำมีความลื่นและเหนียวติดมือ คาดว่าน่าจะเป็นคราบน้ำมัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวอย่างไปตรวจสอบ และเก็บคราบดังกล่าวออกจากชายหาดทั้งหมด ก่อนที่น้ำทะเลจะพากลับลงไปในทะเลอีกรอบนายคเชนท์ แจ่มใส นายกเทศมนตรีตำบลสุนทรภู่ กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบตลอดแนวชายหาด พบคราบสีดำจริง แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นคราบอะไรแน่ คราบลักษณะนี้ไม่เคยปรากฏในชายหาดแหลมแม่พิมพ์มาก่อน เบื้องต้นได้รายงานให้ น.ส.กานต์จรัส เอียดทองใส นายอำเภอแกลง ทราบเรื่องแล้ว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ลงเก็บตัวอย่างคราบสีดำดังกล่าว ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเตรียมระดมเจ้าหน้าที่ลงเก็บและกำจัดคราบดำออกจากชายหาด แต่ช่วงนี้เป็นช่วงน้ำขึ้น ยังกำจัดไม่ได้ ต้องรอให้น้ำลงก่อนด้านพ่อค้าแม่ค้าริมหาดแหลมแม่พิมพ์ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากมีน้ำมันรั่วส่งผลให้นักท่องเที่ยวลดจำนวนลงอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่กลัวจะมีผลกระทบอยู่แล้ว ยิ่งในวันนี้พบคราบสีดำโผล่อีก จากนี้ไปจะมีใครกล้ามาเที่ยว นายตะวันทอง นามวัน อายุ 39 ปี พ่อค้าหาบเร่ขายไข่ปิ้งถั่วต้ม กล่าวว่า ปกติวันธรรมดาขายได้วันละ 1,000 บาท แต่พอมีเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล นักท่องเที่ยวต่างจังหวัดไม่มาเที่ยว มีแต่คนในพื้นที่มาเดินเล่น ทำให้ยอดขายตกลงอย่างมากได้แค่วันละ 300-400 บาทเท่านั้น ขณะนี้ได้ไปลงชื่อเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไว้แล้ว