ทานิส (Tanis) เป็นแหล่งธรณีวิทยาที่ตั้งอยู่ในกลุ่มแนวหินเฮลล์ ครีก ในรัฐนอร์ท ดาโกตา ของสหรัฐอเมริกา ทานิสเป็นหนึ่งในแหล่งทางธรณีวิทยาที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ศึกษา ถึงยุคครีเตเชียส-พาเลโอจีน (Cretaceou-Paleogene) เพราะ มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ หรือฟอสซิลไดโนเสาร์ สัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนมยุคแรก ปลา พืชพรรณ ซากฟอสซิลถูกธรรมชาติอนุรักษ์ไว้อย่างดี ให้ข้อมูลเชิงลึกทางวิทยาศาสตร์อันมีค่าทว่า สิ่งที่ถกเถียงมายาวนานในสาขาบรรพชีวินวิทยา คือช่วงเวลาใดของปีที่เกิดเหตุการณ์สูญพันธุ์ยุคครีเตเชียส-พาเลโอจีน ที่ไดโนเสาร์ถูกกวาดล้างไปจนสิ้นจากอุกกาบาตพุ่งชนโลกเมื่อ 66 ล้านปีก่อน หลักฐานก่อนหน้าบ่งชี้ว่าไดโนเสาร์มรณากันไปในเดือน มิ.ย. ซึ่งผลวิจัยใหม่จากทีมนักบรรพชีวินวิทยา นำโดยโรเบิร์ต เอ.เดอพัลมา ลงในวารสารเนเจอร์ ได้ระบุช่วงเวลาของเหตุการณ์ดังกล่าวจากการรวมข้อสังเกต 3 ประการ คือฟอสซิลไดโนเสาร์ยุคครีเตเชียสและช่วงครีเตเชียส-พาเลโอจีน กับลูกแก้วเล็กๆที่ผุดออกมาจากแมกมา ซึ่งเกิดจากดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกตรงคาบสมุทรยูคาทันในเม็กซิโก เศษเล็กเศษน้อยหลอมเป็นทรงกลมก็กระจายไปไกลหลายพันกิโลเมตร และหลักฐานคลื่นนิ่งซีเชในทะเลสาบหรือแหล่งน้ำปิดที่พบตามร่องลึกในแหล่งธรณีวิทยาทานิสทีมพบว่ามีทรงกลมแบบฟอสซิลในหินมากมายในกระดูกเหงือกปลาบางตัวที่ค้นพบ เมื่อเทียบปลาสเตอร์เจียนที่ยังมีชีวิตกับฟอสซิลปลาสเตอร์เจียนจากทานิส กระดูกสันหลังครีบสเตอร์เจียนจากทานิสชี้ว่ามันตายตอนอายุ 7 ปี วงแหวนการเจริญเติบโตยืนยันว่าปลาอาศัยในน้ำจืดช่วงฤดูร้อน และย้ายไปน้ำเค็มช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ก็พบว่าดอกบัวยุคครีเตเชียสหยุดการเจริญเติบโตในฤดูร้อน และแข็งเย็นในต้นเดือน มิ.ย. เมื่อผนวกข้อมูลใหม่กับงานวิจัยก่อนหน้า ก็สรุปได้ว่าดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกช่วง พ.ค.หรือ มิ.ย. ซึ่ง เป็นการเปลี่ยนผ่านฤดูใบไม้ผลิไปฤดูร้อนในซีกโลกเหนือ ที่สำคัญคือการวิจัยใหม่ช่วยระบุช่วงเวลาที่แน่ชัดขึ้นว่าเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นในต้นเดือน มิ.ย.