ความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับปัญหาหนี้สินของตำรวจที่มีผลกระทบต่อการทำงาน ตรงกับความตั้งใจ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่รับตำแหน่งว่า “ต้องการดูแลตำรวจ ครอบครัวตำรวจ ทำให้ตำรวจยืนอยู่ได้ในสังคม ลดภาระค่าใช้จ่าย แก้ปัญหาหนี้สินตำรวจ”ผบ.ตร.มอบ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. มือบริหาร เป็น “โมเดล” ฝ่ายอำนวยการงานตำรวจ ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริหารงานบุคคล งบประมาณ พัฒนาหน่วยงาน โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวแรงใหญ่ช่วยขับเคลื่อนภารกิจนี้ให้สำเร็จพล.ต.อ.ปิยะเริ่มสำรวจข้อมูลพบหนี้ก้อนโตตำรวจทั่วประเทศเฉลี่ยตำรวจ 1 คนเป็นหนี้ 1 ล้านบาท ตำรวจ 205,448 คน ไม่มีหนี้สิน 41,157 คน คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ มีหนี้สิน 164,291 คน คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ หนี้สหกรณ์ 231,435,677,495 บาท เป็นหนี้สถาบันการเงิน 90,596,998,734 บาท รวมเป็นหนี้ 322,032,676,229 บาท แบ่งกลุ่มหนี้เป็น 3 กลุ่มสี กลุ่มสีเขียว มีหนี้สินแต่ชำระได้ปกติ 161,868 คน คิดเป็นร้อยละ 98.5 กลุ่มสีเหลือง มีหนี้สิน แต่ไม่สามารถชำระได้ตามปกติ 1,751 คน ร้อยละ 1.1 กลุ่มสีแดง ถูกฟ้องร้อง บังคับคดี 672 คน ร้อยละ 0.4พล.ต.อ.ปิยะ จัดทำ “โครงการแก้ไขหนี้สินให้ข้าราชการตำรวจ” เริ่มจากตำรวจที่ถูกฟ้องร้องบังคับคดี กลุ่มสีแดง 672 คน ให้คณะทำงานระดับ บช.และ บก.ขับเคลื่อนเจรจาต่อรองกับสถาบันการเงินที่ตำรวจเป็นหนี้ ขอลดดอกเบี้ยและเงินต้น นำเงินสหกรณ์ปิดชำระหนี้ให้เจ้าหนี้สถาบันการเงินถอนฟ้อง จากนั้นจะมาเริ่มดำเนินการกลุ่มสีเหลืองและกลุ่มสีเขียว เพื่อเร่งรัดแก้ปัญหาให้ตำรวจที่เข้าร่วมโครงการพล.ต.อ.ปิยะทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือแก้หนี้สินตำรวจ นำ 5 สถาบันการเงิน ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ใช้กลไกสหกรณ์หน่วยงานในสังกัด ตร. เป็นแหล่งเงินให้ตำรวจกู้ไปใช้หนี้สถาบันการเงินต่างๆ ตามโครงการแก้หนี้สินตำรวจ ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการ 7,333 ราย แก้ไขปัญหาหนี้สินได้ 2,778 ราย เป็นเงิน 4,041,750,256 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ 4,555 รายเมื่อแก้ปัญหาหนี้สินระยะสั้นได้ พล.ต.อ.ปิยะ วางแผนระยะยาวให้ตำรวจ ป้องกันเป็นหนี้สินอีก ก่อนกู้ยืมตำรวจต้องมีเงินเดือนเหลือไม่น้อยกว่า ร้อยละ 30 เพื่อควบคุมยอดหนี้ไม่ให้เกินความสามารถชำระหนี้ และให้สหกรณ์เข้าเป็นสมาชิกเครดิตแห่งชาติ เพื่อนำข้อมูลเครดิตบูโรประกอบการพิจารณากู้ยืมของสมาชิกสหกรณ์จัดอบรม เสริมสร้างวินัยทางการเงิน ให้มีความรู้ด้านการเงิน การสร้างอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มการออมและไม่ก่อหนี้เพิ่ม ปรับทัศนคติใช้จ่ายเงิน ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้ตำรวจไปเป็นหนี้ หรือถ้าเป็นหนี้สามารถใช้หนี้ได้ปกติ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพพล.ต.อ.ปิยะ เสนอ พล.ต.อ. สุวัฒน์ วางแนวทางช่วยเหลือตำรวจด้วยการไม่สร้างภาระให้ตำรวจ ไม่ใช้เงินส่วนตัวมาจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน ตร.จะเป็นผู้จัดหาให้ เช่น เครื่องแบบ อาวุธปืน กระบองสัญญาณไฟ เสื้อสะท้อนแสง ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงานพล.ต.อ.ปิยะ วางแผนแก้หนี้สินให้ยั่งยืนช่วยเหลือตำรวจ จัดตั้งสหกรณ์ต้นแบบที่สมัครใจและมีศักยภาพมาเป็นสหกรณ์นำร่องและให้สหกรณ์อื่นๆ ยึดตามแนวทางสหกรณ์ต้นแบบคู่ขนานกันไป ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้สมาชิกสหกรณ์ ลดภาระหนี้สินให้สมาชิกได้หมดเร็วขึ้น หารือสถาบันการเงินของรัฐปรับโครงสร้างหนี้และการเสริมสภาพคล่องการเงินสหกรณ์ จัดสรรผลกำไรสุทธิเป็นเงินเฉลี่ยคืนให้ผู้กู้มากที่สุดอย่างน้อยร้อยละ 20 หรือมากกว่าเป็นเงินเฉลี่ยคืนเงินกู้ ปรับโครงสร้างหนี้ให้สมาชิกชะลอถอนฟ้องลูกหนี้ที่ผิดนัดหรือไม่ชำระหนี้เน้นการใช้วิธีเจรจาและไกล่เกลี่ย นำผลประโยชน์ที่ได้ในอนาคตของตำรวจ บำเหน็จดำรงชีพ บำเหน็จตกทอดหรือเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ ยุบยอดหนี้ให้ลดลงให้สมาชิกมีเงินเดือนเหลือใช้ดำรงชีพการลดรายจ่าย โดย “แอปพลิเคชันแทนใจ” ที่มีฟังก์ชันใช้แทนบัตรประจำตัวข้าราชการได้ หรือที่เรียกว่าบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ นำไปลดราคาสินค้าและบริการต่างๆที่เข้าร่วมโครงการกับ ตร.ได้ แสดงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ แล้วขึ้น BTS หรือ MRT ฟรี หรือตำรวจเติมน้ำมัน ทานอาหารหรือซื้อสินค้าและบริการต่างๆจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ แล้วได้ส่วนลดในราคาที่ถูกกว่าราคาในท้องตลาดโดยทั่วไป พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า “นโยบายการแก้ปัญหาหนี้สินให้ตำรวจเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อช่วยเหลือตำรวจ มีสวัสดิการ ความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งปัญหาหนี้สินจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจ เบื้องต้นพบว่า ตำรวจมีหนี้สินกว่า 164,291 คน คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของตำรวจทั้งหมด รวมมูลหนี้กว่า 322,032,676,229 ล้านบาท สัญญาบัตรเป็นหนี้ 69,217 คน ชั้นประทวน 136,231 คน ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ กู้เงินมาผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ชำระหนี้ให้บิดามารดาและลงทุนประกอบอาชีพเสริม แนวทางการแก้ไขขั้นต้นจะเร่งรัดแก้ปัญหากลุ่มเสี่ยง สีแดงที่จะถูกฟ้องร้อง”“จากนั้นจะแก้ปัญหากลุ่มสีเหลืองและสีเขียว ให้หน่วยเป็นผู้ดำเนินการหลัก เริ่มจากสำรวจข้อมูลผู้สมัครใจร่วมโครงการ เจรจากับเจ้าหนี้ นำหนี้ตำรวจเข้าสู่กระบวน การอนุมัติของเจ้าหนี้และสหกรณ์ เมื่อช่วยเหลือได้แล้วอบรมให้ความรู้ไม่ให้ก่อหนี้อีก โดยใช้กลไกสหกรณ์จัดตั้งสหกรณ์ต้นแบบที่สมัครใจและมีศักยภาพมาเป็นสหกรณ์นำร่อง ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ จัดสรรผลกำไรสุทธิเป็นเงินเฉลี่ยคืนผู้กู้ให้มากที่สุด นำ “แอปพลิเคชันแทนใจ” มาช่วยตำรวจในการลดราคาสินค้า บริการและเป็นช่องทางให้ตำรวจเปิดร้านขายของ ขายสินค้าผ่าน “แอปพลิเคชันแทนใจ” เบื้องต้นร้านค้าของสมาคมแม่บ้านตำรวจจะเข้ามาจำหน่าย ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้ตำรวจ ช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของตำรวจได้”หนี้สินตำรวจชั้นผู้น้อยเป็นหนี้สินจำนวนมาก ทำให้เครียดส่งผลกระทบในการทำงานตำรวจ บางรายหาทางออกโดยการทำผิดกฎหมาย หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย เป็นปัญหาใหญ่ของตำรวจพล.ต.อ.สุวัฒน์ มอบ พล.ต.อ.ปิยะ มืออาชีพในงานบริหาร นำสหกรณ์ตำรวจ และทำข้อตกลงสถาบันการเงิน ลดภาระหนี้สินตำรวจ นำ “แอปพลิเคชันแทนใจ” มาช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้ตำรวจดึงตำรวจให้พ้นหนี้สินท่วมตัว เพื่อให้ยืนอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี.ทีมข่าวอาชญากรรม