สิ้น “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ” ศิลปินแห่งชาติ บรมครูเพลงแหล่และเพลงลูกทุ่ง ในวัย 79 ปี ด้วยอาการปอดติดเชื้อหลังเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตากสิน ฝั่งธนฯ ตั้งแต่เดือน พ.ย.64 ถือเป็นความสูญเสียศิลปินระดับบรมครูเพลงของ จ.สุพรรณบุรี ติดๆกัน 2 ราย ก่อนหน้านี้เป็นการเสียชีวิตของ “ศรเพชร ศรสุพรรณ” ด้านลูกสาวระบุคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินคือ “อยากกลับบ้าน” เตรียมรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดวังน้ำเย็น ต.มะขามล้ม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ขณะที่ “ขวัญจิต ศรีประจันต์” ถึงกับร่ำไห้น้ำตาไหลพราก บอกชีวิตนี้ไม่แน่นอน “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” เผยสุดช็อกรักเหมือนพ่อแท้ๆ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ในวงการลูกทุ่งตั้งแต่ต้นปีข่าวเศร้าช็อกวงการเพลงลูกทุ่งไทย โดยเมื่อเวลา 15.24 น. วันที่ 12 ม.ค. ศิลปินแห่งชาติในฐานะบรมครูเพลงแหล่และเพลงลูกทุ่งชื่อดัง “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ” เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยอาการปอดติดเชื้อ หลังเข้ารับการรักษาที่ รพ.ตากสิน ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.64 สิริอายุ 79 ปี นับเป็นการสูญเสียขุนพลเพลงลูกทุ่งของ จ.สุพรรณบุรี ไปถึง 2 คนติดต่อกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ “ศรเพชร ศรสุพรรณ” ได้เสียชีวิต ยังตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดยางไทยเจริญผล อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และจะพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 16 ม.ค. กระทั่งมาสูญเสียศิลปินแห่งชาติชื่อก้องไปอีกรายทั้งนี้ เฟซบุ๊ก “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ” โพสต์ข้อความว่า “คุณพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ จากไปอย่าง สงบที่ รพ. เวลาโดยประมาณ 15.24 น. คุณพ่อเริ่มป่วยเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านอดทนและสู้มาก ตอนนี้จากพวกเราไปแล้ว แต่จะยังคงอยู่ในใจพวกเราตลอดไป” ด้านลูกสาวของ “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ” โพสต์ข้อความไว้อาลัยต่อการจากไปในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า พ่อหลับสบายแล้ว ลูกวาสนาน้อยไม่ได้ลาพ่อด้วยตัวเอง ได้แต่ลาผ่านหน้าจอ เราจะคิดถึงกันนะพ่อต่อมาเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายใน รพ.ตากสิน หลังการเสียชีวิต โดยโรงพยาบาลวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 อย่างรัดกุม จากนั้นไม่นานนางอรชร สกุลนี อายุ 71 ปี น.ส.รมิตา สกุลนี อายุ 47 ปี ภรรยาและลูกสาวของไวพจน์ เพชรสุพรรณ พร้อมญาติๆและพระสงฆ์ 1 รูป ทำพิธีเชิญศพผู้ตายจากชั้น 8 หอผู้ป่วยวิกฤติ อาคารสมเด็จพระเจ้าตากสิน มาที่ห้องนิรมัยหรือห้องดับจิตด้านหลัง รพ.ตากสิน โดย น.ส.รมิตาเปิดเผยว่า คุณพ่อป่วยจากอาการปวดหลังเนื่องจากเคยผ่าตัดที่บริเวณหลังมาก่อน เมื่อเกือบ 3 เดือนที่แล้วอาการก็กำเริบขึ้นมา จึงเดินทางไปรักษาที่ รพ.ธนบุรี ก่อนส่งต่อมาที่ รพ.ตากสินกระทั่งหลังปีใหม่ อาการทรุดลงเนื่องจากปอดติดเชื้อกระทั่งเสียชีวิตลงวันนี้ คำพูดสุดท้ายของคุณพ่อที่ได้ยินเมื่อวันที่ 2 ม.ค.คือ “อยากกลับบ้าน” หลังจากนั้นโรงพยาบาลก็ห้ามเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ช่วงเช้าวันที่ 13 ม.ค. ญาติจะรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดวังน้ำเย็น ต.มะขามล้ม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี แต่จะตั้งสวดพระอภิธรรมกี่วันก่อนทำการฌาปนกิจ จะต้องรอปรึกษาญาติๆอีกที เนื่องจากจะมีพิธีรดน้ำหลวงอาบศพและพิธีพระราชทานเพลิงศพด้วยสำหรับบรรยากาศที่บ้านวังน้ำเย็น อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี บ้านเกิดของไวพจน์ เพชรสุพรรณ อยู่ในสภาพเงียบเหงา เนื่องจากบรรดาญาติพี่น้องพากันทยอยเดินทางเข้าไปที่ รพ.ตากสิน ใน กทม.กันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชาวบ้านก็จับกลุ่มพูดคุยกันถึงการจากไปของบรมครูเพลงแหล่ เพราะผู้ตายยังเคยเป็น ส.จ.เขต อ.บางปลาม้า ด้วย“ขวัญจิต ศรีประจันต์” คู่หูในการร้องเพลงแหล่และเพลงอีแซวกับไวพจน์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า รู้สึกช็อกหลังทราบข่าวการจากไปจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร่ำไห้อยู่คนเดียว น้ำตาที่เสียใจจากการจากไปของศรเพชร ศรสุพรรณ ยังไม่ทันแห้งก็ต้องมาเสียน้ำตาอีกครั้ง เมื่อวานคุยกับเสรี รุ่งสว่าง ยังเล่าให้ฟังว่าได้วิดีโอคอลคุยกับไวพจน์ หน้าตายังสดใสพูดคุยสนุกสนาน ไม่นึกว่าผ่านมาแค่ชั่วข้ามคืนก็มาจากไปเสียแล้ว ชีวิตนี้ไม่แน่นอนจริงๆขณะที่นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า สวธ.ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ เผยแพร่ถ่ายทอดผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนแล้ว ยังให้การช่วยเหลือด้านต่างๆด้วยการมอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิต จำนวน 20,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท ทั้งนี้ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ถือเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งผู้มีความสามารถรอบตัว เพราะนอกจากจะร้องเพลงลูกทุ่งได้ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีความสามารถเล่นเพลงพื้นบ้าน พื้นเมืองได้เกือบทุกชนิด โดยเฉพาะการแหล่จนทุกคนในวงการล้วนยกย่องให้ไวพจน์เป็น “ราชาเพลงแหล่”ไวพจน์ เพชรสุพรรณ หรือนายพาน สกุลณี เกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2485 ที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตรนายจำปีและนางอ่ำ สกุลณี เป็นชาวไทยเชื้อสายลาว เรียนจบชั้น ป.4 โรงเรียนวัดวังน้ำเย็น อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เริ่มหัดร้องเพลงอีแซว เพลงพื้นบ้านของ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ โดยได้ฝึกหัดและหัดตามมารดา ซึ่งเป็นแม่เพลงอีแซว สามารถร้องเพลงอีแซวและเพลงแหล่ได้เมื่ออายุ 14 ปี จากนั้นหัดร้องลิเกกับคณะลิเกประทีป แสงกระจ่าง เมื่ออายุ 16 ปี เข้าประกวดร้องเพลงครั้งแรกที่วัดท่าตลาด ต.วัดโบสถ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เพลงที่ร้องเป็นเพลงแหล่ของพร ภิรมย์ ชื่อเพลง “จันทโครพ” ได้รางวัลที่ 1ไวพจน์ นอกจากจะร้องเพลงลูกทุ่งได้ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีความสามารถเล่นเพลงพื้นบ้านได้เกือบทุกชนิดและเล่นได้ดีขนาดโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวีได้ โดยเฉพาะการแหล่สามารถแหล่ด้นกลอนสดได้อย่างไม่ติดขัดจนถึงขนาดที่ทุกคนในวงการยกย่องให้เป็น “ราชาเพลงแหล่” นอกจากนี้ ไวพจน์ ยังแต่งเพลงสร้างชื่อให้ลูกศิษย์มามากมาย ศิษย์เอกที่โด่งดังมีขวัญจิต ศรีประจันต์ เพชร โพธาราม และพุ่มพวง ดวงจันทร์ ในเพลงแก้วรอพี่ นักร้องบ้านนอก ทั้งได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างราชินีลูกทุ่งคนที่ 2 คือ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ขึ้นมาประดับวงการลูกทุ่งเมืองไทย ทั้งนี้ไวพจน์ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) เมื่อปี 40เย็นวันเดียวกัน “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า รู้สึกช็อก น้ำตาไหลพรากเพราะผูกพันกับคุณพ่อไวพจน์มาก ตั้งแต่ปีใหม่มาก็ยังไม่ได้ติดต่อกับคุณพ่อไวพจน์และไม่ทราบว่าท่านรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะท่านไม่ได้บอกใครเลย ก่อนหน้านี้ที่ได้โทรศัพท์คุยกันช่วงก่อนปีใหม่ ท่านก็ยังบอกว่าสบายดี สำหรับตนคุณพ่อไวพจน์เป็นเหมือนไอดอลคนแรกให้ยึดถือตั้งแต่เด็ก ดึงดูดเด็กบ้านนอกคนหนึ่งให้อยากเป็นศิลปิน เป็นแรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้นของการเป็นศิลปินของ “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” ในวันนี้ ซึ่งพอได้มาทำความรู้จักตนก็รักและเคารพท่านมากและรักเหมือนพ่อแท้ๆ เพราะตนก็สูญเสียคุณพ่อคุณแม่ไปหมดแล้ว เคยบอกคุณพ่อไวพจน์ว่าตนขอเป็นลูกอีกคนได้ไหม ท่านก็บอกว่าได้เลย ซึ่งช่วงหลังก็ได้มาทำงาน ทำธุรกิจด้วยกัน เรียกว่าสนิทกันเหมือนพ่อลูกจริงๆ ตนมีโอกาสดูแลพาท่านไปงาน ไปหารายได้ด้วยกัน ได้เจอกันทุกวันในช่วง 2-3 ปี จึงรักและเคารพท่านมาก นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ในวงการลูกทุ่งตั้งแต่ต้นปี ก่อนหน้านี้เพิ่งสูญเสีย “ศรเพชร ศรสุพรรณ” ตอนนี้ก็มาสูญเสียคุณพ่อไวพจน์ติดๆกัน ทั้งสองท่านถือเป็นศิลปินชั้นบรมครูของวงการลูกทุ่งจริงๆ