หนุ่มวัยเบญจเพสสุดปลื้มพบพ่อบังเกิดเกล้า หลังพลัดพรากกันมานาน 18 ปี เผยชีวิตรันทดไม่เคยมีบัตรประชาชน หมดสิทธิ์เรียนหนังสือ การรักษาพยาบาล และฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เจ้าหน้าที่ระดมกำลังหลายฝ่ายช่วยเหลือ กระทั่งไปพบพ่อต่างสุดปลื้มโผเข้ากอดกัน พ่อเผยลูกหายไปตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ออกตามหาแต่ไม่พบคิดว่าตายไปแล้ว กระทั่งมาพบลูกเป็นหนุ่มใหญ่หวังอยู่กันเป็นครอบครัวหนุ่มวัย 25 ปี สุดปลื้มพบพ่อบังเกิดเกล้า หลังพลัดพรากกัน 18 ปี เปิดเผยเมื่อช่วงสายวันที่ 24 ธ.ค. นายเทวัญ หอมตระกูล นายกเทศมนตรีตำบลเจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พร้อมนายธัมมสัญญ์ อุ่มเอิบ ประธานเครือข่ายดีเอสไอ ภาคประชาชน นายสุวัจน์ กิจนิตย์ชีว์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน และนายพนม ทองศาสตร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.คลองข่อย นำตัวนายปา เพชรใสดี อายุ 25 ปี พลัดหลงจากพ่อบังเกิดเกล้ามากว่า 18 ปี ไปพบพ่อถึงบ้านที่ จ.สมุทรสงคราม หลังรับทราบและได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือตามหาตัวนายบุญธรรม เพชรใสดี อายุ 52 ปี พ่อบังเกิดเกล้า ที่พลัดพรากจากกันมานาน เมื่อไปถึงนายปาโผเข้ากอดพ่อแล้วก้มลงกราบเท้าด้วยความคิดถึงนายเทวัญ หอมตระกูล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขประสานงานมายังผู้นำชุมชน ต.คลองข่อยและ ต.เจ็ดเสมียน ให้ช่วยเหลือนายปา เป็นคนไทยแต่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาและการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพราะไม่มีบัตรประชาชน หรือเอกสารยืนยันตัวตน เหตุเพราะนายปาพลัดหลงกับครอบครัวมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต. คลองข่อย และ ต.เจ็ดเสมียน ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ทำให้ไม่เคยได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย เช่น การเรียนหนังสือ การฉีดวัคซีน และการรักษาพยาบาล ทำให้การดำรงชีวิตของนายปาลำบากกว่าแรงงานต่างด้าวที่มีบัตรเสียอีก ทางผู้นำชุมชนร่วมมือกับ DSI Station ศูนย์ข้อมูลรับข่าวสาร จ.ราชบุรี เพื่อสืบค้นหาเบาะแสจนพบพ่อของนายปา และพานายปาไปพบพ่อถึงบ้านที่ จ.สมุทรสงครามนายบุญธรรม ผู้เป็นพ่อเปิดเผยว่า เป็นคน จ.บุรีรัมย์ เมื่อ 18 ปีที่แล้วไปทำงานเป็นยามที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พาน้องปาไปด้วยขณะนั้นอายุ 7 ขวบ ช่วงเกิดเหตุตนให้ลูกไปซื้อของที่ร้านขายของชำ ลูกชายปั่นจักรยานแล้วหายตัวไปไม่กลับมา ออกมาตามหาแต่ไม่พบตัว แจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าม่วง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนออกตามหาลูกตลอด ในใจคิดว่าลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว กระทั่งล่าสุดครูที่ จ.บุรีรัมย์ ติดต่อมาหาตนว่าเจอน้องปาแล้วจะพามาพบที่ จ.สมุทรสงคราม รู้สึกดีใจมากและตื่นเต้นเป็นอย่างมากพูดไม่ออกทำตัวไม่ถูก วันนี้พบลูกชายดีใจมากๆ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ให้การช่วยเหลือและดูแลลูกชายมาโดยตลอด หลังจากนี้ลูกชายจะได้มีบัตรประชาชนและเรียนหนังสือ อยากให้ลูกชายมาอยู่กับตนด้วยในช่วงบั้นปลายชีวิต แต่ต้องถามความสมัครใจลูกชายก่อนส่วนนายปาเปิดเผยว่า ตั้งแต่จำความได้มาอยู่กับนางปานทิพย์ สุดพิบูลย์ แม่บุญธรรม พักอยู่ที่หมู่ 6 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม กระทั่งอายุ 13 ปี ย้ายมาอยู่ที่หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียนกับเพื่อน ที่ผ่านมาไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน หรือได้รับสิทธิใดๆแบบคนไทยเลย เพราะไม่มีบัตรประชาชน ทุกวันนี้อ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ การเข้าถึงบริการของรัฐไม่มีเพราะไม่มีบัตรประชาชน ทำให้การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ยังมีงานทำเป็นช่างเชื่อมเหล็ก วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้พบพ่อหลังจากพลัดพรากมา 18 ปี ตนจะมีบัตรประชาชนและจะประกอบอาชีพสุจริตเป็นคนดีของสังคมต่อไปนางปานทิพย์ สุดพิบูลย์ อายุ 56 ปี แม่บุญธรรมของนายปา เปิดเผยว่า เห็นน้องปามานอนที่ศาลารอรถหน้าบ้าน เมื่อสอบถามน้องปาบอกไม่ได้ว่ามาจากที่ใด ตนให้ความช่วยเหลือนำน้ำและอาหารไปให้กิน ให้พักที่บ้านชั่วคราว และติดต่อประสานงานให้หน่วยงานต่างๆช่วยสืบหาที่อยู่พ่อแม่ของน้องแต่ไม่พบ เคยนำน้องปาไปฝากไว้ที่สถานสงเคราะห์แล้ว แต่น้องอยู่ไม่ได้ ขอรับตัวกลับมาอยู่ที่บ้าน กระทั่งน้องปาอายุ 13 ปี ย้ายออกไปทำงานกับเพื่อนที่ ต.เจ็ดเสมียน อุปนิสัยเป็นเด็กพูดน้อย ไม่ก้าวร้าว ช่วยงานบ้านทุกอย่าง รู้สึกดีใจกับน้องปาด้วยที่ได้พบพ่อและครอบครัว ตนจะขอเป็นแม่บุญธรรมต่อไปด้านนายธัมมสัญญ์ อิ่มเอิบ ประธานศูนย์เครือข่ายดีเอสไอ ภาคประชาชน เปิดเผยว่า ตนและ เจ้าหน้าที่ทุกคนช่วยกัน เพื่อตามหาตัวพ่อของนายปา กระทั่งเจอตัวพาทั้งคู่มาพบกัน หลังจากนี้จะทำตามขั้นตอนพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อทำบัตรประชาชนให้กับนายปา และให้เรียนหนังสือขั้นพื้นฐาน ระยะเวลาในการสืบค้นตามหาพ่อของนายปานั้นใช้เวลาเพียงแค่ 8 วันเท่านั้น เพราะนายปาสามารถจำชื่อนามสกุลของพ่อได้ สามารถตามหาอย่างรวดเร็ว ต่อจากนี้พ่อกับนายปาจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ คงต้องให้นายปาตัดสินใจตกลงกันเอง