ปลายสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งที่สื่อมวลชนทุกแขนงนำเสนออย่างละเอียด ซึ่งผมได้อ่านจากหนังสือพิมพ์และดูชมจากโทรทัศน์ด้วยความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งได้แก่ข่าวที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาใน “คดีล่าเสือดำ” ให้จำคุกจำเลยทุกๆคนในคดีนี้รวมทั้งจำเลยที่ 1 นาย เปรมชัย กรรณสูต เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือนเนื่องจากคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยทุกคนจึงถูกคุมตัวเข้าสู่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะเป็นสถานที่กักขังผู้ต้องโทษทุกคนตามคำตัดสินดังกล่าวมีข่าวสืบเนื่องต่อมาว่า นายเปรมชัย ซึ่งป่วยอยู่หลายโรคมีอาการเครียด และมีอาการท้องเสีย ทางเรือนจำจึงมอบหมายให้แพทย์ประจำเรือนจำเข้าตรวจและรักษาไปตามอาการแล้วในระดับหนึ่งต่อมาก็มีข่าวว่าทนายของนายเปรมชัยอยู่ระหว่างทำเรื่องขอตัวนายเปรมชัยไปรักษาในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทางเรือนจำและกรมราชทัณฑ์จะต้องพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายหรือกฎระเบียบต่างๆโดยส่วนตัวผมถือว่าคดีนี้จบลงแล้ว และก็จบด้วยความปลื้มปีติดังได้เกริ่นไว้ในตอนต้น...ที่ “กฎหมาย” ของประเทศไทยยังคงเป็นกฎหมายและไม่มีใครที่จะอยู่เหนือกฎหมายไปได้คำพูดที่ว่า “คุกมีไว้สำหรับขังคนจนเท่านั้น” อาจจะยังมีความจริงอยู่บ้างแต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วละ โดยมีคดีนี้เป็น คดีตัวอย่างสำหรับการอ้างอิงผมต้องขอชมเชยคุณเปรมชัยที่ไม่หลบหนีไปไหน แม้จะมีโอกาสที่จะทำได้อยู่แล้วสำหรับคนร่ำรวยที่เราเห็นอยู่เสมอๆในประเทศนี้หันมายืนหยัดสู้คดีแม้จะรู้ว่าในตอนจบหากตัวเองแพ้คดี...อะไรจะเกิดขึ้นก็ตามการถูก “จำคุก” สำหรับบุคคลที่มีฐานะทั้งทางการเงินและทางสังคมในระดับนี้ เป็นเรื่องที่หลายๆคนยอมรับไม่ได้...ทำให้ต้องหลบหนีผ่านช่องทางต่างๆไปอยู่ต่างประเทศ ดังที่เป็นข่าวบ่อยครั้งแต่คุณเปรมชัยคงตัดสินใจแล้วว่า...ขอทำตามกฎหมายบ้านเมืองจะดีกว่า...ถ้าสู้คดีชนะ ก็จะได้อยู่ต่อไปในประเทศนี้จนชั่วชีวิต...หรือหากแพ้ก็ไปรับโทษานุโทษสักระยะหนึ่งจากนั้นก็จะออกมาอยู่ต่อในประเทศนี้ได้ตลอดชีวิตเช่นกันใครจะวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยอย่างไร หรือบ่นว่าเบื่อหน่ายประเทศไทยแค่ไหน...แต่สำหรับผมแล้วยังมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ไม่มีที่ไหนในโลกนี้จะอยู่แล้วอบอุ่นใจสบายใจเหมือนอยู่ “บ้านเรา”ผมคิดว่าคุณเปรมชัยก็คงจะคิดเช่นนี้ จึงเลือกหนทางนี้...ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว เพราะการถูกจำคุก 2 ปี 14 เดือนนั้น ทำความดีไว้ระหว่างอยู่ในคุก เดี๋ยวก็ได้ลดหย่อนผ่อนโทษ...ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดมองอีกมุมหนึ่งผมก็เห็นว่าคุณเปรมชัยนั้น โดยแท้จริงก็เป็นบุคคลที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพราะบริษัทของคุณเปรมชัยเป็นบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่โตมาก...มีส่วนในการพัฒนาประเทศไทยมาโดยตลอดแต่เมื่อไปกระทำความผิดก็ต้องไปชดใช้ความผิดนั้นเสียให้ครบถ้วน และเมื่อครบแล้วค่อยออกมาพัฒนาประเทศชาติต่อไปในทางกฎหมายอาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ในทางปฏิบัติ คุณเปรมชัยยังสามารถดำเนินการได้ผ่านตัวแทนต่างๆ ซึ่งตามข่าวก็บอกว่าได้มอบหมายบุตรชายขึ้นมาทำงานแทนแล้วในหลายๆตำแหน่งบทเรียนของคุณเปรมชัยคงจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนร่ำรวยทั้งหลาย ที่ต่อไปจะต้องระมัดระวังตัวไม่ทำอะไรผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดแต่ถ้าเผลอ หรือหลงผิดไปทำผิดเข้าก็ขอให้มอบตัวสู้คดีตามครรลองกฎหมายไทย อย่าได้หลบหนีไปไหนสังคมไทยเป็นสังคมของคนใจนักเลงครับ ใครทำผิดแล้วยอมสู้คดี ตามกฎหมาย...มักได้รับความชื่นชม รวมทั้งจะได้รับการให้อภัย และ การยอมรับเข้าสู่สังคมเมื่อพ้นโทษแล้วอยู่เสมอๆแต่ถ้าผิดแล้วไม่ยอมรับผิด...มิหนำซ้ำยังหลบหนีไปเสียอีก คนไทยจะไม่ยอมยกโทษให้...ดังเช่นลูกชายมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่เป็นข่าวใหญ่มาหลายปีแม้จนป่านนี้สังคมไทยก็ยังมองครอบครัวมหาเศรษฐีครอบครัวนี้... รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมระดับต้นน้ำกลางน้ำ...ที่ปล่อยให้เด็กหนุ่มคนดังกล่าวหลบหนีไปได้...ด้วยสายตาที่ “ต่อต้าน” และคงยากที่จะให้อภัยจนกว่าจะกลับมามอบตัวสู้คดี.“ซูม”