ทุกวันนี้...ถ้าใครไม่รู้จัก “เชียงคาน” ถือว่าตกรุ่น เพราะถิ่นนี้เคยได้ชื่ออำเภอไกลปืนเที่ยง หลังแนวเขาฝั่งเหนือ จังหวัดเลย แต่ “คุณชาย 1” ว่าปัจจุบัน...ออร่าขึ้นชั้นเมืองท่องเที่ยว คนอยู่ไกลแค่ไหน ครั้งหนึ่งต้องไปให้ได้เชียงคาน...ตั้งอยู่ “แคมของ (ริมโขง)” ตรงข้ามเมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ ที่เคยเป็นเมืองท่าค้าขายกับเมืองหลวงพระบาง จึงมีวัฒนธรรมหลายอย่างคล้ายกัน ทั้งภาษา การแต่งกาย อาหารการกิน วิถีชุมชน งานบุญประเพณี จนเกิดคำกล่าวที่ว่า...ไผสิบ่เคยย่างหลวงพระบาง ก็ให้เยือนเชียงคานนี่แหละ...คือกันปัจจุบันอาจผิดเพี้ยนไปบ้างตามแรงปังคนรุ่นใหม่ที่นิยมไปเดินเฉิดฉายถ่ายเซลฟี่แล้วโพสต์ลงไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม “ขิงใส่ (อวด)” ทำนองให้รู้...มาถึงเชียงคานแล้วเด้อ “คุณชาย 1” คนยุคไนน์ทีน พอจบกิจกรรมช่วงเช้าตรู่ตรง ถ.ชายโขง วอล์กกิ้งสตรีท “ถนนคนเดิน” ตั้งแต่บ่ายถึงค่ำยันดึก จึงขอถือโอกาสชะแวบไปร้านอาหารประเภท “อันซีน” คือไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน อาหารที่ว่า...แม่นแล้ว จะเป็นอื่นไม่ได้นอกจาก “ข้าวปุ้นน้ำแจ่วแซ่บนัวป้าบัวหวาน” ตรงริมถนนหมายเลข 211 เส้นเชียงคาน-แก่งคุดคู้-ปากชม คู่ขนาน ถ.ชายโขง...อยู่ในซอยศรีเชียงคาน 14 (บน) เยื้องวัดมหาธาตุ ระหว่างซอยศรีเชียงคาน 14-15 (ล่าง) ห่างราว 200 เมตร ข้าวปุ้นร้านนี้เจ้าของชื่อน่ารัก “บัวหวาน วิชาชัย” วัย 59 ปี ขายมาแต่ครั้งตายายจนถึงพ่อแม่ก่อนส่งไม้ต่อให้ลูกเป็นรุ่นที่ 3...ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในอำเภอกับแหล่งใกล้เคียง หรือจากตัวจังหวัด ครั้นเชียงคานติดชาร์ตเมืองท่องเที่ยว ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์และหยุดแจกแถม จะเป็นรอบเหมาให้หมู่นักท่องเที่ยว...ที่รู้จักจากการส่งสารผ่านระบบ “ไวรัล” คือปากต่อปากร้านข้าวปุ้นป้าบัวหวาน...คุณชายฯว่าไม่ต่างอะไรกับร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป มีหม้อต้มน้ำและวัสดุอุปกรณ์ จานชาม ช้อน ตะเกียบ กับวัตถุดิบประกอบอาหาร ที่ต้องบอกให้รู้กันก่อนคือ...เขาขายเฉพาะข้าวปุ้น กับเนื้อหมูส่วนต่างๆเท่านั้นนะ สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ...สังเกตง่ายนิดเดียวใครสั่ง “ข้าวปุ้นน้ำแจ่วพิเศษใส่เครื่องใน” มีกระเพาะ เซี่ยงจี๊ ม้าม ตับ ไส้อ่อน ไส้ใหญ่ หัวใจ ไส้ตัน ผสมคากิกับหมูสันใน...ให้สันนิษฐาน คนนั้นอีหลี “หมู่เฮา” แน่นอน เพราะคนอีสานชอบกินเครื่องในเป็นอาหารประจำภูมิภาคแต่ยุคนี้บรรดา “อ้าย” “เอื้อย” มีไม่น้อยพิถีพิถันเรื่องการกินแบบถนอมสุขภาพ จึงเลือกส่วนที่พอกินได้ ส่วนไหนหมอไม่แนะนำก็ตัดมันออกไป...แม้จะรักพี่เสียดายน้องก็ต้องทำใจ ก็แอบเห็นอยู่นะ...บางคนดูออกว่ามาจากภาคกลางหรือกรุงเทพฯจะสั่ง “ข้าวปุ้นน้ำแจ่วเนื้อหมูล้วนๆ” ที่ใส่เฉพาะเนื้อสันในซึ่งมีความนุ่มและไม่มีมันแทรกให้เกิดผลข้างเคียงต่อน้ำหนัก บางรายใจยังสู้ขอเป็น “ข้าวปุ้นน้ำแจ่วคากิล้วนๆ”... บังเอิญกระผมเป็นคนใกล้หมอ ถึงจะระวังเรื่องอาหารแต่ก็ไม่คร่ำเครียด ขนาดห้ามนั่นนี่ให้ ฝืนนิสัยคนตามใจปาก อิอิ เมื่อมาเยือนป้าบัวหวานทั้งที ก็ควร “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ไปกับของกิน คนบ้านนี้ที่ขึ้นชื่อขึ้นชั้น ขอสั่ง “ข้าวปุ้นน้ำแจ่วพิเศษใส่เครื่องใน” นั่นแหละป้าบัวหวานจัดพาข้าวปุ้นมาให้ใส่เครื่องในครบตามเมนู ได้คากิกับเนื้อสันในติดมาด้วย ส่วนผักเป็นถั่วงอก ผักกาดขาว ต้นหอมซอย ผักชีปน ผักสดเครื่องเคียงที่เห็นลานตามีถั่วฝักยาว ใบชะพลู โหระพา สะระแหน่ ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง พริกขี้หนูสด ข้าวเหนียวจานน้อย กะปิ พริกส้มอีสานทั้งแบบคั่วแห้งและป่น...โอ๊ย! ขี้โผ่น (พุง) กางตั้งแต่ยังไม่ทันกินแล้วจ้าจะมัวช้าอยู่ไยเล่า...เมื่อข้าวปุ้นน้ำแจ่วสูตรสำเร็จมาวางกลางโต๊ะตรงหน้า ขี้คร้านจะสนใจอะไรอีก จัดแจงตักน้ำต้มกระดูกเล้งรสอ่อนจัดขึ้นชิม ได้กลิ่นข่า รากผักชี หัวไชเท้า มีรสเค็มจากเกลือเจือเล็กน้อย และรู้มาว่าเป็นน้ำซุปที่ป้าต้มทิ้งไว้แต่เช้า 2-3 ชั่วโมงก่อนเปิดร้าน มาเยือน@เชียงคาน จ.เลย ต้องห้ามพลาด.ขั้นตอนต่อไป...ให้ลงมือปรับน้ำซุปรสกลางๆ ปรุงเพิ่มเป็น “น้ำแจ่ว” ในชามข้าวปุ้นตามธรรมเนียมที่นี่ เริ่มจากใส่พริกส้มอีสานที่เห็นเป็นสีส้มกลิ่นหอมปนเผ็ดร้อน ได้ความรู้มาอย่างคุณสมบัติไม่ต่างพริกจินดาตรงมีสีส้ม...แต่ไม่หอมเหมือนพริกส้ม ซึ่งมีเฉพาะอีสานเท่านั้นพอเติมพริกเสร็จให้เติมน้ำปลาตามถนัด แล้วโรยน้ำตาลอ้อยเรียกความหวานตามใจชอบ ถ้าอยากกินเปรี้ยวก็บีบมะนาวเพิ่ม...เท่านี้ก็เป็นน้ำแจ่วกินคู่ข้าวปุ้นสูตรป้าบัวหวานที่คุณชายกินไปเหงื่อไหลไปจากความเผ็ดร้อนชนิดสนองพระเดชพระคุณ“น้ำแจ่ว” ชามนี้ คุณชายฯต้องยอมรับว่ามือหนักไปหน่อย เพราะคนอีสาน “ว่าซ่าน (ว่าอย่างนั้น)” ถ้าจะกินอาหารให้แซ่บอีหลี...ต้องเผ็ดนำ ส่วนบรรดาเครื่องในกับคากิและเนื้อหมูแต่ละชิ้นที่ผ่านการล้างเมือกจนสะอาดและลวกจนสุกในหม้อต้ม ช่วยเสริมคุณค่าอาหารเพิ่มขึ้น ขณะข้าวปุ้นกับน้ำแจ่วเป็นตัวช่วยให้กลืนกินได้อย่างคล่องคอในแต่ละคำ แน่นอนครับ...ต้องพยายามเลือกกินจัดเน้นๆทุกอย่างให้ครบถ้วนสมบูรณ์ “ข้าวปุ้นน้ำแจ่วแซ่บนัว” สูตรเด็ด ป้าบัวหวาน.อาศัยผักสดเครื่องเคียงลดความร้อนผ่าว ผสมกลิ่นเมนทอลจากใบสะระแหน่ และหอมสมุนไพรจากใบชะพลู กับบรรจงปั้นข้าวเหนียวจิ้มกินกับกะปิ สลับพริกขี้หนูสดจิ้มกินคู่กะปิ...ซึ่งครบเครื่องเรื่องการชิมเมนูนี้จบเมนูหลัก ป้าบัวหวานยังชวนให้ชิมเมนูเสริมเผื่อเลือก อาทิ ต้มเลือดหมูกินกับข้าวสวยหรือเกาเหลาน้ำแจ่วเครื่องใน...เกาเหลาเนื้อหมู และอีกเมนูทีเด็ดที่อยากแนะให้ลองคือ “ลวกจิ้มเครื่องใน” กินกับพริกน้ำปลาผสมมะนาว พริกขี้หนูตำ... รับประกันฟินเว่อร์เลยแหละเมนูนี้ สนนราคาขายก็ดูดี๊ดูดีชามละ 40 บาท พิเศษ 50 บาทเท่าลวกจิ้มเครื่องใน ถ้าพิเศษสุดๆเพิ่มเป็น 100 บาท เขาเปิดขายตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงบ่ายโมง (ไม่มีวันหยุด) สั่งล่วงหน้าหรือจองโต๊ะได้ที่เบอร์ (08) 3418-9809คนที่มองว่า...อาหารอีสานที่ไหนก็มีกินทั่วประเทศ แต่ “ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว” รับรองที่ไหนๆก็ไม่มีให้เห็น...นอกจาก “เชียงคาน” จังหวัดเลย เพียงแห่งเดียวเท่านั้น...สิเด้อหล่า. คุณชาย 1