ม็อบไล่บิ๊กตู่จัดกิจกรรม “กีฬาสีทะลุฟ้าประชาชน VS ทรราช” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไฮโซลูกนัทโผล่แจมลั่นต่อสู้ตามเจตนารมณ์เดิม ส่วนเรื่อง ฟ้องร้องเป็นเรื่องครอบครัว ที่สามเหลี่ยมดินแดงยังระอุรายวัน มวลชนทะลุแก๊ส ก่อหวอดป่วน อคฝ.ในกองดุริยางค์ทหารบก เจอสวนกลับโดนจับกุมได้ ทั้งรถทั้งคนจำนวนมาก เผยโจ๋ 15 เจอกระสุนยางแสกหน้าเลือดสาด ชาวแฟลตดินแดงแนะไม่ควรใช้ แก๊สน้ำตากำราบ พร้อมยกขบวนไปทำเนียบฯ 24 ส.ค. ร้องเรียนไม่ให้ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม “สิระ” ลงพื้นที่หาข้อมูลจี้ ผบ.ตร. ต้องมาตามคำเชิญในวันที่ 25 ส.ค. บช.น. ยันยังจำเป็นใช้แก๊สและกระสุนยาง จ่อประสานการเคหะติดตั้งประตูและตาข่ายเหล็กแยกผู้ชุมนุมกับชาวบ้าน เผยถอนกำลัง อคฝ.ไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่สัญลักษณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนทะลุฟ้า และแนวร่วมในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่งยังมีให้เห็นรายวัน สลับกับการปะทะกันระหว่างมวลชนวัยรุ่นกับตำรวจ อคฝ. ที่สามเหลี่ยมดินแดง บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เส้นทางที่จะไปบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ใน ร.1 ทม.รอ. ไฮโซลูกนัทโผล่แจมทะลุฟ้าเริ่มจากความเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุฟ้า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน กลุ่มทะลุฟ้า นำโดยนายทรงพล สนธิรักษ์ และนายนวพล ต้นงาม จัดการชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ ม็อบ 22 สิงหา กีฬาสีประชาชน vs ทรราช ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง มีกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา สมาชิกแนวร่วมกลุ่มราษฎรกลุ่มต่างๆเข้าร่วมกิจกรรมกันคึกคัก มีนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือลูกนัท ใช้ผ้าก๊อซสีขาวปิดตาขวาที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างเข้าร่วมชุมนุม “ม็อบ 13 สิงหา” เข้าร่วมกิจกรรมด้วยการถือป้ายนำขบวนพาเรด และร่วมปราศรัยเปิดกิจกรรม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ เฝ้าดูแลให้การชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดย พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3 และ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม เข้าเจรจากับแกนนำกลุ่มทะลุฟ้า ห้ามเผาวัตถุสิ่งของต่างๆ ช่วงทำกิจกรรมต้องมีตำรวจในเครื่องแบบดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ให้แจ้งผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า และขอความร่วมมือไม่ให้ปิดการจราจร ต้องให้รถเคลื่อนตัวได้ รวมถึงให้จัดกิจกรรมถึง 19.00 น.ลั่นต่อสู้ต่อตามเจตนารมณ์เดิมด้านนายธนัตถ์ หรือไฮโซลูกนัท กล่าวว่า ตาขวาไม่รู้สึกอะไรแล้วเนื่องจากเส้นประสาทถูกทำลายเสียหายทั้งหมด ต้องปิดตาไม่ให้ฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกเข้าไปโดนแผลเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แม้จะสูญเสียตาไปแล้วหนึ่งข้าง แต่ยังยืนยันที่จะต่อสู้ตามเจตนารมณ์เช่นเดิมในฐานะแนวร่วมกลุ่มทะลุฟ้า หลายคนอาจคิดว่าจะต้องนอนเสียใจ แต่ส่วนตัวได้กำลังใจเป็นอย่างมากทำให้กลับมาต่อสู้ การมาร่วมกิจกรรมในวันนี้เป็นเพียงแนวร่วม แต่ยินดีที่จะสนับสนุนทุกอย่างที่ทางกลุ่มต้องการเท่าที่สามารถทำได้ ยืนยันว่ายังไหว เพราะยังมีอีกหลายคนที่ได้รับ ผลกระทบจากการชุมนุม อย่างนายพริษฐ์ หรือเพน-กวิน ชีวารักษ์ ที่ยังนำตัวออกมารักษาในโรงพยาบาลได้ รวมถึงเด็กเยาวชนอายุ 15 ปี และเยาวชนอายุ 14 ปี ยิงด้วยกระสุนจริง ยังรอการช่วยเหลือ ส่วนกรณีที่ครอบครัวเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของครอบครัว ส่วนรายละเอียดอาการตาข้างขวาอยากให้ถามจากแพทย์อีกครั้ง จัดกีฬาสีทะลุฟ้า ปชช. VS ทรราชจากนั้นเวลา 15.30 น. กลุ่มทะลุฟ้าได้ไปจัดตั้งขบวน “กีฬาสีทะลุฟ้าประชาชน vs ทรราช” ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว มีขบวนดรัมเมเยอร์ แห่ป้ายผ้า มีข้อความ “ประยุทธ์ออกไป ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ปฏิรูปสถาบัน” มีรถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัยเรียกร้องให้นายกฯลาออก ในขบวนมีผู้ร่วมขบวน รถจักรยานยนต์ รถยนต์แล่นตาม พร้อมบีบแตสนั่นถนน เคลื่อนขบวนไปวนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 3 รอบ เหล่าแกนนำกลุ่มทะลุฟ้าต่างสลับปราศรัยโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่ล้มเหลวในการแก้ ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 จนมีคนต้องเสียชีวิตเพราะโควิด คนในครอบครัวที่ต้องมาตาย เพราะการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่เคยเห็นค่าประชาชนแข่งกีฬาสลับปราศรัยหวด “ตู่”ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้พื้นที่จราจรในวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยฝั่งทิศใต้ ทำกิจกรรม “กีฬาสีประชาชน vs ทรราช’’ ภายใต้แนวคิดพื้นที่เสรีภาพต่อต้านประยุทธ์ มีทั้งฟุตซอล ชักเย่อ ปิดตาตีตู่ วิ่งวิบาก สเกต ปาสีหน้าประยุทธ์ สลับกับปราศรัยโจมตีความล้มเหลวของระบอบประยุทธ์จนส่งผลให้ประเทศชาติพังทั้งระบบ มีการแสดงดนตรี เชียร์ลีดเดอร์ สร้างบรรยากาศการชุมนุมให้ครึกครื้นมีรายงานว่า หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างกลุ่มมวลชนวัยรุ่นกับตำรวจ อคฝ.ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดงขึ้นอีก กลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นเด็กนักศึกษาอาชีวะ ที่ขี่รถจักรยานยนต์มารวมตัวดูกิจกรรมกีฬาสีของกลุ่มทะลุฟ้าประมาณ 30 คัน ได้ทยอยเคลื่อนขบวนไปสมทบกับกลุ่มวัยรุ่นที่แยกสามเหลี่ยมดินแดงโซเชียลผุด “เพจทะลุแก๊ส”อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุปะทะที่บริเวณแยก ดินแดงอย่างต่อเนื่อง ในโลกไซเบอร์ได้ก่อตั้งเฟซบุ๊กเพจขึ้นในนาม “ทะลุแก๊ส thalugaz ”พร้อมโลโก้เป็นรูปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้านล่างมีชื่อกลุ่มและบนสุดมีสัญลักษณ์ 3 ขีด แบบเดียวกับที่ใช้เป็น สัญลักษณ์ในกลุ่มราษฎร สำหรับเนื้อหาส่วนใหญ่ เป็นการประมวลเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในรอบ 48 ชั่วโมง เน้นบริเวณแยกดินแดงโจ๋วัย 15 เจอแสกหน้าเลือดอาบทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. เหตุการณ์ที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง เริ่มระอุขึ้นอีก เมื่อกลุ่มมวลชนวัยรุ่นทะลุแก๊ส ขี่จักรยานยนต์ 30-40 คัน ถือธงขี่รถมุ่งหน้าไปยังถนนวิภาวดีขาออกจุดที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนรักษาการณ์อยู่ที่ทางเชื่อมถนนวิภาวดีรังสิตกับพหลโยธินก่อนถึงหน้า ร.1 ทม.รอ. เปิดฉากปาประทัดยักษ์เสียงดัง สนั่น ก่อนที่จะวนกลับมารวมตัวกันที่บริเวณแยกดินแดง มีเยาวชนรายหนึ่งที่ซ้อนจักรยานยนต์ไปกับเพื่อน บาดเจ็บที่บริเวณแสกหน้าเลือดไหลอาบ เพื่อนๆ ต้องพามาส่งที่รถพยาบาล ซึ่งจอดอยู่แยกดินแดงเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บระบุว่าอายุ 15 ระหว่างที่วนไปใกล้บริเวณเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน เห็นเจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงลงมาจากบน สะพานลอยถูกจนได้รับบาดเจ็บ ป่วนที่ตั้ง คฝ.ในกรมดุริยางค์ ทบ.ขณะเดียวกัน ที่หน้ากรมดุริยางค์ทหารบก มวลชนทะลุแก๊สระดมพลราว 50 คน ปักหลักประชิดแนวรับของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งยึดที่มั่นชั่วคราวบนทางเชื่อมถนนวิภาวดี-พหลโยธิน และสะพานลอยอยู่ห่างออกไปราว 50 เมตร โดยยิงพลุ หนังสติ๊กหัวประทัด ลูกแก้ว ระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิง เข้าไปในกรมดุริยางค์ทหารบก เจ้าหน้าที่ตำรวจ อคฝ. เริ่มเปิดตอบโต้ ออกจากที่ตั้งจัดกำลังบุกโดยใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง 2 คัน พร้อมกำลังติดอาวุธปืนยิงกระสุนยาง ก่อนเปิดฉากยิงเครื่องแอลแรดหรือคลื่นเสียงความถี่สูง ใส่ผู้ชุมนุมตามด้วยการฉีดน้ำ และยิงกระสุนยาง มวลชนแตกฮือถอนร่นไปรวมตัวที่หน้าปั๊มเชลล์ แต่ไม่นานเริ่มกลับมารวมตัว และระดมอาวุธตอบโต้ใส่เจ้าหน้าที่ สวนกลับรอบ 2 ถอยไม่เป็นขบวนต่อมาเวลา 18.15 น. ตำรวจสวนกลับครั้งที่ 2 แบบสายฟ้าแลบเพื่อสลายชุมนุม ทั้งรถฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาและกระหน่ำยิงกระสุนยางใส่ไม่ยั้ง กำลังตำรวจทั้งหมดวิ่งรุกไล่ต้อนม็อบทะลุแก๊สที่ตั้งตัวไม่ทันถอยหนีไม่เป็นขบวน ส่งให้ผลให้มีมวลชนจำนวนหนึ่งถูกจับกุม ทั้งยังตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของผู้ชุมนุมได้อีกจำนวนมาก ส่วนที่หนีรอดไปรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณย่านดินแดง ขณะที่เจ้าหน้าที่อคฝ.จะตั้งแนวรับอยู่ที่หน้าโชว์รูมเบนซ์ ถนนวิภาวดีตร.ยันต้องใช้ ก.ม.เฉียบขาดภายหลังตำรวจสามารถควบคุมพื้นที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออกได้ไปจนถึงบริเวณแยกดินแดง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เผยว่า ผู้ก่อเหตุความไม่สงบขว้างปาระเบิดปิงปอง ไปป์บอมบ์ เข้าใส่บริเวณกรมดุริยางค์ทหารบกและแนวเจ้าหน้าที่ เมื่อประกาศเตือนให้ยุติการชุมนุม แยกย้ายกลับบ้าน เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ยังคงมีการโจมตีเจ้าหน้าที่ สถานที่ราชการและสถานที่เอกชนอย่างต่อเนื่อง ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายด้วยการฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตา และกดดันเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมแยกย้ายสลายตัวกลับ สามารถ ควบคุมตัวผู้ก่อความไม่สงบและความวุ่นวายในบ้านเมืองได้ทั้งหญิงชายรวม 30 คน พร้อมตรวจยึดระเบิดปิงปองและไปป์บอมบ์ตลอดจนรถจักรยานยนต์ ยืนยันเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดกับผู้ที่มีเจตนาออกมาป่วนบ้านป่วนเมืองในขณะนี้ น.แถลงจับ 35 คน ยึด จยย. 20คันต่อมาเวลา 20.00 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษก บช.น. กล่าวว่า มีการก่อความวุ่นวายบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ตำรวจได้ประกาศให้ยุติการชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้สิ่งเทียมอาวุธทั้งพลุเพลิง ประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ขว้างเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทำให้ตำรวจบาดเจ็บ 2 นาย จากเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊ส และตำรวจควบคุมฝูงชนคือ ส.ต.ต.คัมภีร์ พรมวงศ์ ผบ.หมู่ กก.ควบคุมฝูงชน กองร้อยที่1มือขวา ขาขวามีแผลถลอก สาเหตุถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชน และ ส.ต.ต.จักรภพ ทิพย์โภชน์ ผบ.หมู่ กก.ควบคุมฝูงชน กองร้อยที่ 1บาดเจ็บที่เอวและต้นขาขวาสาเหตุ ถูกมอเตอร์ไซค์ผู้ชุมนุมเฉี่ยวชน นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สิน ทางราชการและเอกชน เสียหายจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมายเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุได้เบื้องต้น 35 คน ยึดรถ จยย. 20 คัน ปืนและวัตถุระเบิดอีกจำนวนหนึ่ง ผู้ที่มีอาวุธปืน วัตถุระเบิด และก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์ จะเข้าข่ายความผิดในกฎหมายอาญาหลายข้อหา โดยเฉพาะอั้งยี่ซ่องโจรและมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองมีอัตราโทษสูง พนักงานสอบสวนจะร้องขอต่อศาล ออกหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมายทุกรายบช.น.เตือนรายวันชุมนุมผิด ก.ม.ด้านความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัยโฆษก บช.น. เผยถึงการเตรียมความพร้อมดูแลสถานการณ์ชุมนุมว่าวันนี้มีการประกาศนัดชุมนุม 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้าบริเวณแยกคอกวัวเวลา 15.00 น. และมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายเวลา 17.00 น. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง บช.น. ขอแจ้งเตือนว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีลักษณะการรวมตัวมีการกระทำที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและ พ.ร.บ.ควบคุมโรคป่วนดินแดง 21 ส.ค.ตำรวจเจ็บ 8รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 21 ส.ค. เวลา 16.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเคลื่อนตัวมาที่บริเวณถนนวิภาวดีขาออกหน้า รพ.องค์การทหารผ่านศึก บางส่วนนำลูกแก้วลูกหินระดมยิงเข้าไปในพื้นที่หน่วยราชการทหาร กรมดุริยางค์ทหารบก เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องเข้าพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุม ยุติการชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาประทัดยักษ์ ระเบิดไปป์บอมบ์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 8 นาย บางส่วนเข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ จับผู้ชุมนุม 13 คน ยึดบึมเพียบพล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ผู้ชุมนุมทำลายทรัพย์สินราชการ เอกชน และสาธารณประโยชน์เสียหาย โดยเฉพาะทางการพิเศษแห่งประเทศไทย มีสิ่งของถูกทุบทำลายเสียหาย อาทิ เครื่องมือที่ใช้ในงานควบคุมจราจร ตำรวจจับกุมได้ 13 คน ของกลาง ระเบิดปิงปอง 53 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง 10 ลูก กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง แจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯจ่อออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องพล.ต.ต.ปิยะกล่าวด้วยว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมช่วง ก.ค.-ส.ค. ดำเนินคดีทั้งสิ้น 90 คดี มีผู้ต้องหาที่จะถูกดำเนินคดี 481 คน จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย 224 คน คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนบช.น. จะออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและกระทำผิดต่างๆ ภายใน 2 สัปดาห์ ขณะนี้ออกหมายเรียกไปแล้วทั้งหมด 118 หมาย แบ่งเป็นกลุ่มแกนนำ 16 หมาย กลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ 102 หมาย กรณีที่มีการใช้ความรุนแรงตามที่มีภาพปรากฏออกมา มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอั้งยี่ซ่องโจร การวางเพลิงเผาทรัพย์ และการสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดเหตุความรุนแรงในบ้านเมือง ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าวยันจำเป็นใช้แก๊สน้ำตากระสุนยางพล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ส่วนการปรับยุทธวิธี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เฝ้าติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและให้ทบทวนการปฏิบัติ และสั่งการให้นำสิ่งกีดขวางออกจากบริเวณถนนวิภาวดี รังสิต ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ยังคงเข้ามาบริเวณดังกล่าวขว้างปาสิ่งของทุบทำลายสิ่งของราชการเสียหาย การปรับกำลังต้องทบทวนการปฏิบัติในแต่ละครั้ง การใช้อุปกรณ์ระงับเหตุ อย่างกระสุนยาง แก๊สน้ำตา เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั่วไปอยู่แล้ว คงจะต้องมีการใช้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เว้นระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติหน้าที่กับกลุ่มผู้กระทำผิดรอผลสอบ ตร.จ่อยิงคนขี่ จยย.พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กรณีการตรวจสอบคลิปตำรวจควบคุมฝูงชนที่เอาปืนจ่อยิงระยะประชิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมขี่รถ จยย.ผ่านมา มีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องตรวจสอบให้เสร็จสิ้นก่อน เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบเป็นใครสังกัดหน่วยไหน พอมีข้อมูลแล้ว ส่วนจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ต้องรอผลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เน้นย้ำทุกครั้งในการปฏิบัติอยู่แล้ว มีการประชุมปล่อยแถวเป็นสัดส่วนระดับกองร้อย ระดับหมวด ระดับหมู่ ให้คำนึงถึง ความเดือดร้อนทั้งตัวประชาชนอื่นๆ และผู้ชุมนุม รวมถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติด้วยจ่อติดประตูเหล็ก-ตาข่ายกั้นสูงเมื่อถามถึงกรณีชาวแฟลตดินแดงที่ยังคงถูกลูกหลง พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แทบจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่อาจจะเกิดกรณีที่มีการติดตามตัวผู้กระทำความผิดระยะกระชั้นชิด ผบช.น.เน้นย้ำว่า ถ้าความผิดไม่ปรากฏต่อหน้าและมีผลกระทบอื่นๆ กรณีผู้กระทำผิดหลบไปบริเวณพื้นที่ส่วนบุคคล ให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีภายหลัง เบื้องต้นตำรวจได้ประสานการเคหะแห่งชาติ จะติดตั้งประตูเหล็ก ตาข่ายสูงกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมกับชาวแฟลตดินแดงอย่างชัดเจน ส่วนกรณีเยาวชนอายุ 14 ปี และ 15 ปี ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส คืบหน้าไปเยอะมาก ตอนนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวบุคคล บางส่วนพอจะทราบตัวแล้ว แต่ขอรอภาพรวมทั้งหมดเพื่อความกระจ่าง จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับในข้อหาพยายามฆ่าในเร็วๆนี้พื้นที่สัญลักษณ์-ถอน อคฝ.ไม่ได้พล.ต.ต.ปิยะยังกล่าวถึงกรณีชาวบ้านแสดงความเห็นว่าน่าจะถอนกำลังตำรวจออกดูก่อน เพื่อไม่เป็นชนวนเหตุนั้นว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำสิ่งกีดขวางบนถนนวิภาวดีรังสิตออกแล้วนำกำลังไปหลบไว้ในจุดที่ตั้ง ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุม มาก่อความไม่สงบขว้างสิ่งของทุบทำลายทรัพย์สินราชการเสียหาย พื้นที่ดังกล่าวต้องวางกำลังเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อย เนื่องจากเป็นเชิงสัญลักษณ์สถานที่ตั้งบ้านนายกรัฐมนตรี เกรงว่าหากผู้ชุมนุมฝ่าฝืนบุกเข้าไปในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นสถานที่ราชการแล้วเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร จะกลายเป็นประเด็น ส่วนการให้ความคิดเห็นว่า ถ้าปล่อยให้ผู้ชุมนุมไปทำกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์อาจทำให้ไม่มีเหตุปะทะกันนั้น เราไม่รู้เขาจะทำอะไรบ้าง หากเกิดเหตุรุนแรง มีการเผาทำลาย หรือบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการเขตทหารจะทำให้เกิดความเสียหาย ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวป้องกันบริเวณแยกดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต กลุ่มผู้ชุมนุมยังก่อเหตุเผาทำลายป้อมจราจรบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเสียหาย ก่อนเกิดการปะทะโดยที่จุดดังกล่าวก็อยู่ห่างจากที่ตำรวจตั้งแนวป้องกัน ชาวแฟลตขึ้นป้ายเดือดร้อนเพิ่มส่วนความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสลายกลุ่มมวลชนวัยรุ่นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ส.ค.ที่แฟลตดินแดง ถนนดินแดง แขวงและเขตดินแดง กทม. กลุ่มชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่บริเวณนี้ ได้ติดตั้งป้ายไวนิลสีขาว มีข้อความสีดำ-แดงเพิ่มเติมจากเมื่อวาน (21 ส.ค.) ว่า “ขอให้ยุติเสียงปืน-แก๊สน้ำตา! มันสร้างความเดือดร้อน ให้พวกเรารู้บางมั้ย? เรามีเด็ก คนชรา ผู้ป่วย โปรดช่วยคืนความสงบ ให้พวกเราด้วย” และข้อความว่า “พวกเราชาวดินแดง ไม่ต้องการให้ที่นี่เป็นสนามรบ”แนะไม่ควรใช้แก๊สน้ำตายิงสลายนายอดิศร โพธิ์ อายุ 47 ปี ชาวบ้านแฟลตดินแดง เปิดเผยว่า คนที่พักอยู่ที่นี่ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา เนื่องจากน้องๆที่รักในประชาธิปไตยจะใช้เป็นทางหนีทีไล่ เพราะซอยในย่านนี้มีมากกว่า 20 ซอย เข้าใจได้กลุ่มผู้ชุมนุมกลัวการโดนจับจึงได้หนีมาทางนี้ เจ้าหน้าที่ควรมีวิธีที่ดีกว่านี้ ไม่ควรถึงขนาดยิงแก๊สน้ำตา ส่งผลกระทบต่อคนที่อาศัยอยู่บนแฟลต ไม่ว่าจะด้านหน้าด้านหลัง ผลกระทบคือแสบตาจนทานข้าวกันไม่ได้ เด็กๆใช้ชีวิตกันลำบาก นอนก็ไม่ได้คันเนื้อคันตัวแสบไปหมด ยังไม่รวมถึงเสียงดังที่ไปรบกวนเวลานอน คนที่ได้รับผลกระทบบริเวณจุดนี้มีหลายพันคนอาจถึงเป็นหมื่นคน เพราะห้องๆหนึ่งไม่ได้อยู่คน สองคน มากกว่า 50% แต่ละห้องจะอยู่กัน 5 คน ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก อยากให้ย้ายตู้คอนเทนเนอร์ออกไป แล้วให้น้องๆไปแสดงสัญลักษณ์ที่หน้าบ้านนายกฯ เชื่อว่าถ้าไม่ไปปิดกั้น เขาก็ไปแค่แสดงสัญลักษณ์24 ส.ค. จะไปร้องทำเนียบฯนายประสงค์ หอมสนั่น อายุ 55 ปี กรรมการชุมชนดินแดง เผยว่า ชาวแฟลตดินแดงได้รับความเดือดร้อนตลอดหลายวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริเวณแฟลตที่ 1-4 ชาวบ้านหลายรายโดยเฉพาะผู้สูงอายุรับได้ผลกระทบทั้งจากแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ในวันที่ 24 ส.ค. จะไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม“สิระ” ยกทีมลงพื้นที่หาข้อมูลขณะเดียวกัน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ลงพื้นที่รับฟังความเห็นผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม นายสิระกล่าวว่า มาพร้อมคณะทำงาน เพื่อมาหาข้อเท็จจริงก่อนจะประชุมประเมินหาบทสรุปในวันที่ 25 ส.ค.ร่วมกับ กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขู่ ผบ.ตร.ต้องมาไม่มาจะไปที่ ตร.นายสิระกล่าวต่อว่า ต้องฝากถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ต้องให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นี้ และการที่สภาผู้แทนราษฎรมีการประชุมกรรมการร่วมกัน 2 คณะ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เสนอแนะวิธีการปฏิบัติ และทางออกให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้ความร่วมมือให้มาตามที่มีจดหมายเชิญ เน้นย้ำ ผบ.ตร.ต้องมา หากไม่มาจะไปประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะเชิญผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร.มาร่วมพิจารณาด้วย วานนี้ทางคณะฯได้เสนอให้ย้ายตู้คอนเทนเนอร์ไปที่เหมาะสม ไม่ให้ใกล้ชุมชน และไม่มีการยั่วยุ ชักชวนมาปะทะกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปปรับยุทธวิธี ปรับแนวทางการปฏิบัติ และต้องมาทบทวนว่าถ้าปรับแล้วเกิดผลดีหรือผลเสียตรงไหนอย่างไร จะต้องปรับไปเรื่อยๆ ขอย้ำกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องขอให้คัดกรองเรื่องอาวุธและผู้ที่ชอบใช้ความรุนแรงออกจากการชุมนุม ก็จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและปลอดภัย จะได้ไม่มีเหตุปะทะกันเผยชาวบ้านลงชื่อร้องกว่า 300 ชื่อนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ผู้ที่พักอาศัยบริเวณแฟลตดินแดง โดยเฉพาะแฟลต 1-8 ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม ระหว่างที่ลงพื้นที่ได้รับวัตถุที่ใช้ระงับเหตุที่ชาวบ้านเก็บได้ พร้อมรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านเรื่องของการสลายการชุมนุมว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่ การใช้อุปกรณ์ทั้งกระสุนยาง หรือแก๊สน้ำตา ในพื้นที่ที่มีประชาชนพักอาศัยอยู่จำนวนมาก ก่อนลงพื้นที่ทางคณะฯได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านแฟลตดินแดงรวบรวมรายชื่อกว่า 300 รายชื่อ เพื่อมายื่นต่อสภาผู้แทนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีการลงพื้นที่ในวันนี้ พร้อมกับประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องดีที่จะทำให้ความจริงปรากฏต่อสาธารณชน ในทุกมิติ ทุกมุม และยินดีทำงานร่วมกันเพื่อหาทางออกให้ประชาชน หากความจริงปรากฏหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องอาจจะต้องเยียวยาประชาชนที่ไม่ได้รู้เห็น ต้องมาเผชิญวิกฤตินี้4 นักโทษการเมืองยังอยู่ดีวันเดียวกัน นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 4 ราย ประกอบด้วย นายพรหมศร หรือฟ้า วีระธรรมจารี นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายสิริชัย นาถึง และนาย Sam Samart หรือแซมสาแมท แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตรวจร่างกายพบว่านายพริษฐ์รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหลังทำกิจกรรม เดินออกกำลังกายบริเวณรอบเตียงและภายในห้องผู้ป่วยได้ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด 99% หายใจได้เองโดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน รับประทานอาหารได้ สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้ จมูกได้กลิ่นและลิ้นรับรสได้ปกติ นอนพักหลับได้ดี สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์ให้การรักษาตามอาการร่วมด้วยกับยาพ่นโรคประจำตัว เช่นเดียวกับนายสิริชัย นายพรหมศร และนายแซม แพทย์รักษาด้วยยาตามแนวทางของกรมควบคุมโรค และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเชียงใหม่จัดคาร์ม็อบไล่นายกฯส่วนความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด เมื่อเวลา 14.00 น. กลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่สายใต้ ประกอบด้วย อำเภอจอมทอง ดอยหล่อ และอำเภอฮอด จัดจอมทองคาร์ม็อบไล่ประยุทธ์ โดยมี ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงเชียงใหม่ นายศรีวรรณ จันทร์ผง แกนนำกลุ่มเสื้อแดงล้านนา นางธีรวรรณ เจริญสุข แกนนำเสื้อแดง นัดรวมพลบริเวณสามแยกดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง ก่อนเคลื่อนขบวนมีรถยนต์ราว 50 คัน รถ จยย.ราว 150 คัน พร้อมคนเสื้อแดง ประชาชน นักศึกษา เคลื่อนขบวนตามถนนสายเชียงใหม่-ฮอด และย่านชุมชนไปสิ้นสุดที่ลานจอดรถหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และให้เจ้าหน้าที่รัฐหยุดคุกคาม กดขี่ ทำร้ายประชาชน ก่อนสลับกันขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลกระทั่งเวลา 16.30 น. แยกย้ายกันกลับอย่างสงบขอนแก่นละเลงสีป้าย บช.ภ.4ที่ จ.ขอนแก่น บริเวณลานจอดรถหน้าตึกสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น มวลชนคณะราษฎรขอนแก่นและกลุ่มภาคีเครือข่าย ร่วมจัดคาร์ม็อบครั้งที่ 3 มีเยาวชน นักศึกษา และประชาชน นำรถยนต์ และรถ จยย.เข้าร่วมขบวนหลายสิบคัน มีนายวชิรวิทย์ หรือเซฟ เทศศรีเมือง แกนนำขอนแก่นพอกันที ร่วมกิจกรรมด้วย จากนั้นได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าขึ้นถนนมิตรภาพ เข้าสู่ถนนกลางเมือง และหน้าอนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กระทั่งเวลา 18.30 น. ขบวนคาร์ม็อบมาถึงหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ปิดถนนหน้าเมือง นำรถเครื่องขยายเสียงมาจอดที่หน้าป้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แล้วนำถังสีแบ่งใส่ถุงสีละเลงใส่ป้าย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมกำลังชุดควบคุมฝูงชนได้ออกมาควบคุมสถานการณ์ เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง แกนนำกลุ่มต่างๆสลับกันขึ้นปราศรัยบนรถเครื่องเสียง ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยดูแลความสงบเรียบร้อย