ผมเขียนบทความนี้วันอาทิตย์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดใหม่เพิ่มขึ้น 21,882 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 907,157 คน อยู่อันดับ 35 ของโลก ถ้ายังเพิ่มขึ้นวันละกว่า 20,000 คน อีกไม่เกิน 5 วันหรือในสัปดาห์นี้ ไทยจะมีผู้ติดเชื้อโควิดทะลุ 1 ล้านคนแน่นอน ตัวเลขจริงอาจมากกว่านี้ เพราะตรวจหาเชื้อเชิงรุกน้อยมาก 15 ส.ค. ตรวจเพียง 49,865 คนเท่านั้นช่วงที่อังกฤษระบาดหนัก อังกฤษเร่งฉีดวัคซีนวันละหลายล้านโดส ตรวจหาเชื้อเชิงรุกวันละหลายล้านคน ทุกวันนี้ อังกฤษเปิดประเทศแล้วก็ยังตรวจหาเชื้อเชิงรุกวันละ 4-5 แสนคน รัฐบาลแจกฟรีชุดตรวจโควิด ATK ออกจากบ้านตอนเช้าเข้าบ้านตอนเย็นตรวจตัวเองด้วยชุด ATK ก่อนทุกครั้ง แต่เมืองไทยรัฐบาลปล่อยให้ขาย ATK กันชุดละ 300-500 บาท ฟันกำไรเป็นสิบเท่า ไม่รู้หัวใจคนในรัฐบาลทำด้วยอะไร จึงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อกันต่อครับ ผู้ติดเชื้อที่ ศบค.แถลงในวันอาทิตย์ เป็นตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงในวันศุกร์ โดยคาดว่า การล็อกดาวน์ที่ผ่านมาได้ผลเพียง 20% ทำให้คาดว่า ในกลางเดือนกันยายนจะมีผู้ติดเชื้อใหม่สูงถึง 45,000 คนต่อวัน ถ้าตัวเลขนี้จริง ไทยจะพุ่งขึ้นไป อยู่ท็อป 20 ของโลกทันที แซงหน้าจีนไปไม่เห็นฝุ่น จีนมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน วันอาทิตย์มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 53 คน (ไทย 21,882 คน) มีผู้ติดเชื้อสะสม 94,379 คน (ไทย 907,157 คน)นพ.ทวีศิลป์ บอกว่า เพื่อกดกราฟนี้ลงมา ต้องการล็อกดาวน์ที่มีประสิทธิภาพ 25% นาน 2 เดือน และ ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเป้าหมายภายใน 1-2 เดือน จะทำให้ ผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงมาอยู่ที่วันละ 20,000 ราย (เท่าปัจจุบัน) ทำให้อัตราการครองเตียงลดลง การเสียชีวิตลดลง ฟังแล้วก็ช็อก ล็อกดาวน์อีก 2 เดือน ผู้ติดเชื้อยังเพิ่มวันละ 20,000 คน ประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร แค่นี้เศรษฐกิจก็พังพินาศกันหมดแล้ว รู้สึกกันบ้างไหมถ้าเป็นจริงอย่างที่ นพ.ทวีศิลป์ โฆษก ศบค. แถลง คนไทยทั้งประเทศ คงไม่ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปแน่นอนความจริงไทยยังมีทางเลือกอีกมาก แต่ ผู้นำประเทศไม่เลือก เอาแต่เก็บตัวทำงานที่บ้านกลัวติดโควิด ยอมอยู่ใต้อำนาจพรรคการเมืองไม่กี่คน จนประชาชนไม่รู้จะพึ่งใคร ทั้งที่ภาคเอกชนเสนอทางออกให้นายกฯไปหลายครั้ง วัคซีนชั้นดีอย่าง ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ไปจนถึง วัคซีนรุ่นที่ 2 เอกชนก็มีศักยภาพติดต่อซื้อได้ แต่ติดที่กฎเกณฑ์ภาครัฐ ด้วยข้ออ้างว่า บริษัทวัคซีนต้องการขายให้หน่วยงานรัฐเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาอีก ปัญหาคือภาครัฐต้องทำงานร่วมกับเอกชน ทำงานด้วยความโปร่งใสและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเท่านั้นทุกคนก็รู้ดี วัคซีนชุดแรกนี้เป็นวัคซีนที่อนุญาตให้ใช้ฉุกเฉิน บริษัทผู้ขายจึงต้องการให้รัฐบาลที่ซื้อรับผิดชอบ รัฐบาลทั่วโลกก็รับผิดชอบ ซื้อไปฉีดให้ประชาชนฟรี ไทยก็เช่นเดียวกัน แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ รัฐบาลให้ องค์การเภสัชกรรม ผูกขาดการนำเข้าวัคซีนรายเดียว ทำให้เกิด “คอขวด” ขึ้น องค์การเภสัชฯไม่สามารถซื้อวัคซีนได้ตามต้องการ และไม่ให้เอกชนนำเข้าด้วย อ้างว่าเป็นวัคซีนหลัก ทั้งที่รัฐบาลต้องซื้อวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนฟรีทุกคนอยู่แล้ว องค์การเภสัชฯซื้อหรือบริษัทเอกชนช่วยซื้อ มันก็เหมือนกันทางออกที่ผมจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้ตรงนี้ ก่อนที่ประเทศไทยจะเลวร้ายไปกว่านี้ก็คือขอให้นายกฯออกคำสั่งให้ “หน่วยงานรัฐ” ที่มีอำนาจจัดซื้อวัคซีน ปรับตัวเองให้เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” หรือ Facilitator ให้กับ ภาคเอกชน ในการจัดซื้อวัคซีน เพื่อให้เอกชนจัดซื้อวัคซีนไปฉีดให้พนักงานของบริษัทโดยไม่ต้องพึ่งรัฐบาล ส่วนวัคซีนที่รัฐบาลซื้อก็ไปฉีดให้ประชาชนทั่วไป ผมเชื่อว่าวิธีนี้จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด คนไทยจะได้ฉีดวัคซีนทุกคนโดยไม่ต้องรอคิวนาน วันนี้วัคซีนที่กำลังจะหมดอายุมีเป็นพันล้านโดส ขอเพียงรัฐอย่าทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองเท่านั้น อย่าใจดำให้คนไทยต้องตายเป็นเบือเช่นนี้อีกเลย.“ลม เปลี่ยนทิศ”