ทั่วประเทศแสดงพลังคาร์ม็อบ 15 ส.ค. ไล่นายกรัฐมนตรีพ้นเก้าอี้ บรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างสงบจบตามกำหนด 6 โมงเย็น บีบแตร สนั่นยาวเท่าเพลงชาติก่อนสลาย ยกเว้นมวลชนเลือดร้อนใช้พื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงเป็นสมรภูมิปะทะเดือดกับ อคฝ.อีกยก เผย ผบ.ตร.เรียกประชุมตำรวจนครบาลรับมือแต่เช้า ยันไม่อยากให้มีใครเจ็บ ทำตามกติกาเพื่อรักษาความปลอดภัยของสังคมไม่ได้ทำตามอารมณ์ใคร “รุ้ง” โพสต์ไฮโซลูกนัทตาขวาบอด เลขาฯ รมว.ยุติธรรม ยันไม่เคยปล่อยให้ผู้ต้องขังติดโควิดง่ายๆ ความไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการบริหารประเทศ มีการชุมนุมขับไล่แทบรายวัน ล่าสุดนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดกิจกรรมคาร์ปาร์ก นัดรวมตัว 3 จุด ในวันที่ 15 ส.ค. เวลา 15.00 น. โดยนำขบวนไปรวมตัวแยกราชประสงค์ เส้นทาง-พระราม 4-สวนลุม-บ่อนไก่-คลองตัน-กลับแยกราชประสงค์ 2.กลุ่มคนหนุ่มสาว รวมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เส้นทาง-ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี-ยูเทิร์นใต้สะพานสายใต้ใหม่-สิรินธร-ซ้ายแยกบางพลัด-กลับรถพระราม 7-จรัญสนิทวงศ์-ปิ่นเกล้า-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 3. กลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ นัดรวมตัว อยุธยาพาร์ค เส้นทาง-วิภาวดี-ห้าแยกลาดพร้าว ล่าสุดกลุ่มทะลุฟ้า กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งกลุ่มเสื้อแดงจากพัทยา เข้าร่วมสมทบกิจกรรม คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเวลา 18.00 น. ขบวน car park จะวนครบรอบกลับไปยังจุดเริ่มต้น จากนั้นจะพร้อมกันบีบแตรความยาวเท่าเพลงชาติ เปล่งเสียงไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเป็นการแสดงพลังทางการเมืองแบบสันติ ทุกคนจะกลับบ้านหลังแสดงพลังโดยสวัสดิภาพบิ๊กปั๊ด เข้า น.รับม็อบ“คาร์ปาร์ก”เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุม พล.ต.อ. สุวัฒน์กล่าวว่า การชุมนุมที่ผ่านมาพบเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นอกเหนือจาก พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ เพื่อควบคุมการชุมนุม บางครั้งต้องเข้าขอคืนพื้นที่ก่อนที่จะมีการรวมตัวกัน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุความรุนแรงหรือการปะทะกัน โดยใช้กำลังเท่าที่จำเป็น ยืนยันว่าใช้วิธีการควบคุมฝูงชน ตามหลักสากล และใช้กำลังน้อยกว่าในต่างประเทศลั่นทำตามกติการักษาบ้านเมืองพล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้เริ่มใช้ความรุนแรงก่อน แต่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ต่อเมื่อผู้ชุมนุมเริ่มใช้ความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ การชุมนุมแต่ละครั้งจะมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ เราก็ไม่อยากให้ใครบาดเจ็บด้วย ทั้งนี้ ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาดำเนินคดีไปแล้วกว่า 130 คดี เกือบทั้งหมดศาลได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ในทางคดีก็ยังคงดำเนินต่อไป ที่ผ่านมา ตำรวจต้องใช้กำลังพลในหน้างานอื่นมาร่วมปฏิบัติงาน ทำให้การบริการประชาชนอาจจะไม่ได้รับความสะดวก ยืนยันว่า ตำรวจต้องทำตามกติกาเพื่อรักษาความปลอดภัยของบ้านเมือง ไม่ได้ทำตามอารมณ์ของใคร มีทั้งคนชอบไม่ชอบ แต่ก็ต้องยึดกติกาไว้ เพราะหากตำรวจไม่ทำก็ไม่มีคนทำ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนในระหว่างการชุมนุม ตำรวจระมัดระวังเรื่องการใช้อาวุธควบคุมสถานการณ์ และจะจัดพื้นที่ปลอดภัยให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวได้โดยที่ไม่กีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะหากเข้าไปอยู่ใกล้แนวประทะก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ อาชีวะเคลื่อนทัพ จยย.บีบแตรสนั่นจากนั้นเวลา 14.10 น. กลุ่มคาร์ม็อบที่รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์ เริ่มเคลื่อนไหวหลังทยอยมาตั้งแต่หลังเที่ยง โดยกลุ่มอาชีวะ ขี่รถ จยย.หลายร้อยคัน โบกธง บีบแตร มุ่งหน้าออกไปก่อน แต่ไม่มีใครยืนยันจุดเป้าหมายที่แน่นอนได้ อ้างว่าไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ทราบ มีนายปิยะณัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำกลุ่มวีโว่ เข้ามาที่บริเวณนี้แล้วออกไปพร้อมกลุ่มอาชีวะโดยไม่เปิดเผยข้อมูลเช่นกัน ขณะที่กลุ่มทะลุฟ้าได้ตั้งขบวนที่ด้านข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีรถร่วมต่อขบวนนับร้อยคัน เตรียมเคลื่อนขบวนไปยังสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เพื่อไปยังสะพานพระราม 7 ก่อนวกขบวนรถกลับมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตามกำหนดหมายที่วางไว้ก่อนหน้ารุ้งโพสต์ ไฮโซลูกนัทตาขวาบอดขณะเดียวกันเฟซบุ๊ก Panusaya Sithiji-rawattanakul ของรุ้ง-ปนัสยา แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความระบุว่า “ด่วน!! ลูกนัทตาบอด หลังโดนเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าที่บริเวณดวงตาเมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมา” มีผู้แชร์ข้อความดังกล่าวต่อเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ตาขวาของไฮโซลูกนัทได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ส่งผลให้ตาขวาบอดลง หลังจากนี้เตรียมประสานหาแพทย์เฉพาะทางเข้ามาช่วยเหลือต่อไป สำหรับไฮโซลูกนัท หรือนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย แกนนำกลุ่มสลิ่มกลับใจ เข้าร่วมม็อบทะลุฟ้าเมื่อวันที่ 13 ส.ค.เพื่อไปขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่บ้านใน ร.1 ทม.รอ.ถนนวิภาวดีรังสิต เกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อคฝ. ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม และถูกวัตถุของแข็งเข้าที่คิ้วขวาจนเลือดอาบบาดเจ็บสาหัส เสื้อแดงปิดแยกราชประสงค์ส่วนที่แยกราชประสงค์ จุดศูนย์กลางของขบวนคาร์ปาร์ค ช่วงเวลา 14.00 น. มีมวลชนแนวร่วม ส่วนใหญ่เป็นอดีตคนเสื้อแดง รวมตัวปิดสี่แยกราชประสงค์ตั้งแต่บริเวณถนนราชดำริจนถึงแยกประตูน้ำ ตั้งขบวนมุ่งหน้าสวนลุมพินีกันอย่างคึกคัก พร้อมประดับตกแต่งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ นานาชนิดด้วยการผูกแถบผ้าสีแดงบริเวณกระจกด้านหน้าหรือติดสติกเกอร์ แผ่นป้ายถ้อยคำต่างๆแสดงออกถึงการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้พ้นจากตำแหน่ง กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมต่างจับกลุ่มรับประทานอาหาร พร้อมเล่นดนตรี ร้องรำทำเพลง ก่อนกิจกรรมจะเริ่มในเวลา 15.00 น. “เต้น” ซักซ้อมผ่าน รพ.งดบีบแตรต่อมาเวลา 14.45 น.นายณัฐวุฒิ เดินทางมาถึงประกาศต่อมวลชนที่รอสัญญาณเคลื่อนทัพอยู่ โดยประกาศซักซ้อมเส้นทางการเคลื่อนขบวนว่า จะใช้เฉพาะเลนซ้าย เมื่อผ่านโรงพยาบาลใดจะงดบีบแตร นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า วันนี้จะเป็นสันปันน้ำที่จะไม่ทำให้เกิดความรุนแรงในการเคลื่อนไหวชุมนุมของประชาชนกับเจ้าหน้าที่อีกต่อไป ถ้ามาและรวมพลังได้สงบได้แบบนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าต้องออกไป เชื่อว่าไม่นาน ชัยชนะจะเป็นของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรม ไม่เหลือเวลาที่จะอยู่ในอำนาจอีกชู 3 นิ้วให้สัญญาณไปพระราม 4จากนั้นเวลา 15.05 น. นายณัฐวุฒิได้ให้สัญญาณเคลื่อนขบวนจากแยกราชประสงค์ มุ่งหน้าตามถนนราชดำริขาเข้า ไปฝั่งถนนพระราม 4 เจ้าตัวได้ขึ้นไปยืนบนตอม่อรถไฟฟ้า โบกรถให้สัญญาณเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าพร้อมชู 3 นิ้ว ทักทายมวลชน ก่อนขึ้นรถกระบะสีดำบอกกับผู้สื่อข่าวว่าจะไปเยี่ยมเยียน มวลชนที่เคลื่อนขบวนอยู่ในเส้นทางอื่น ส่วนเส้นทางราชประสงค์ จะมีนายวรชัย เหมะ เป็นผู้ดูแลรับกังวลเหตุไม่พึงประสงค์นายณัฐวุฒิเผยว่า การชุมนุมวันนี้เป็นการแสดงความรู้สึกร่วมกันของประชาชนที่ไม่สามารถยอมรับอำนาจการบริการประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ได้อีก เราไม่ได้จะทำลาย พล.อ.ประยุทธ์ในทางการเมืองแต่ที่ผ่านมาได้รับโอกาสในการบริหารประเทศ จนพิสูจน์แล้วว่าท่านไม่มีความสามารถที่จะรับมือวิกฤติได้ หากอยู่ต่อไปยิ่งทำให้เกิดความพินาศมากขึ้นเรื่อยๆ เราไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ยอมรับว่าการจัดงานในวันนี้มีความกังวลเรื่องสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางพื้นที่เฝ้าระวังทุกจุด หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนทุกกลุ่ม ขอร้องจากใจตรงนี้ว่า รูปแบบการเผชิญหน้าเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ของใครทั้งสิ้น ทั้งจะทำให้มวลชนจำนวนมากไม่เข้าร่วม ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นคาดว่าวันนี้จะอยู่ในที่ตั้งเพราะเราไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะเผชิญหน้ากัน แน่นอนเมื่อเกิดความรุนแรงรัฐต้องรับผิดชอบ แต่ทางฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็ถึงเวลาที่ต้องทบทวน แล้วถอดบทเรียนการต่อสู้ที่ผ่านมาจัดไลฟ์สดข่าย นปช.โจมตีรัฐบาลจากนั้นนายณัฐวุฒิได้ขึ้นไปนั่งบัญชาการบนรถกระบะสีดำ เปลี่ยนบทจากแกนนำม็อบมาเป็นผู้จัดรายการทอล์กสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เผยแพร่ทางเฟซบุ๊กเพจยูดีดีนิวส์ กระบอกเสียงกลุ่ม นปช.และเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยสัมภาษณ์สดผู้เข้าร่วมชุมนุมเพื่อเปิดพื้นที่ให้วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของรัฐบาล อาทิ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุดผศ.ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์สาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ ยังรายงานสดการชุมนุมจากเส้นทางต่างๆโดยสื่อต่างๆที่อยู่ในเครือข่าย นปช.กลุ่มอาชีวะคึกห้าแยกลาดพร้าวอีกด้านหนึ่งที่ห้าแยกลาดพร้าว กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดกิจกรรมรวมพลังคนพันธุ์ R และชาวสองล้อเยาวชนคนรุ่นใหม่รวมพลังอาชีวะขับไล่เผด็จการ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มวลชนหลายคนนำรถ จยย.ออกมาสมทบชู 3 นิ้ว ส่งเสียงให้กำลังใจคับคั่ง อีกทั้งนำป้ายข้อความ ไปติดไว้ที่บริเวณบนสะพานลอยทางเชื่อมระหว่างห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว กับห้างยูเนี่ยนมอลล์ด้วยบุกพรรคภูมิใจไทยทวงวัคซีนต่อมาเวลา 15.40 น. นายธนเดช ศรีสงคราม หรือ “ม่อน อาชีวะ” แกนนำกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศขอให้มวลชนนำรถ จยย.ตั้งขบวน จุดหมายยังที่ทำการพรรคภูมิใจไทยเพื่อแสดงพลัง ทั้งนี้ “ม่อน อาชีวะ” ได้ประกาศก่อนเริ่มทำกิจกรรมว่า วันนี้เรามาแสดงพลัง โดยมีจุดหมายที่ทำการพรรคภูมิใจไทยเพื่อไปทวงวัคซีนฟรีของเรา อีกทั้งขอยืนยัน พวกเราอาชีวะไม่ล้มสถาบันแต่จะล้มระบอบประยุทธ์บก.ลายจุดเคลื่อนเข้ากรุงสมทบส่วนขบวนของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่ประกาศนัดหมายทำกิจกรรม “คาร์ม็อบ สมบัติทัวร์” ได้เข้ามาถึงกรุงเทพฯแล้ว ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต ตัดเข้าหลักสี่ เพื่อไปเกษตร-นวมินทร์ ตัดเข้าเลียบด่วนรามอินทรา มุ่งหน้าถนนพระราม 9มีจุดหมายมาแสดงพลังที่จุดหมายปลายทางสุดท้ายที่ห้าแยกลาดพร้าว บีบแตรเท่าเพลงชาติก่อนสลายหลังจากขบวนคาร์ม็อบของนายณัฐวุฒิออกตัวจากแยกราชประสงค์ มุ่งหน้าถนนพระรามที่ 4 เลี้ยวซ้ายสวนลุมพินี ผ่านบ่อนไก่ แยกพระโขนง แยกคลองตัน แล้วเลี้ยวซ้ายแยกคลองตัน กลับเข้าราชประสงค์อีกครั้งตั้งแต่เวลา 17.00 น. หัวขบวนซึ่งส่วนใหญ่เป็นจักรยานยนต์กลับมาจุดสตาร์ตก่อน เมื่อทราบว่ามีเหตุปะทะที่ดินแดง เริ่มมีอารมณ์พากันเร่งเครื่องเสียงดังและพากันชักชวนกันไปสมทบทันที อย่างไรก็ตาม มวลชนส่วนใหญ่ที่ใช้พาหนะรถยนต์และกลุ่มอาชีวะบางส่วนที่เข้ามา สมทบยังคงปักหลักรอเวลา 18.00 น. ตามที่แกนนำกำหนด ก่อนทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ปล่อยลูกโป่งสีขาว บีบแตรเท่าความยาวเพลงชาติ จากนั้นสลายตัวกลับแว้น 400 คันลั่นอนุสาวรีย์ชัยฯขณะเดียวกัน การกระทบกระทั่งระหว่างตำรวจและมวลชนมีอีกตามคาด เวลา 16.40 น. ขณะที่กลุ่มคาร์ม็อบรวมพลใช้ถนนเส้นต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ขับไล่รัฐบาล ได้มีกลุ่มรถ จยย.คาดว่าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและนักเรียนอาชีวศึกษาประมาณ 300-400 คัน นัดรวมพลกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเคลื่อนพลไปที่ห้าแยกลาดพร้าว ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ระหว่างทางมีการจุดประทัดยักษ์ปลุกขวัญ แต่เมื่อถึงจุดกลับรถหน้าบริเวณกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ แกนนำหัวขบวนสั่งกลับรถมุ่งสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีกครั้งป่วน ตร.เจอแก๊ส-กระสุนยางสวนส่วนที่บริเวณแยกดินแดงใต้ทางด่วน กลุ่มมวลชนวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎกติกาที่แกนนำม็อบวางไว้ คือห้ามไม่ให้เคลื่อนขบวนไปจุดเฝ้าระวังมารวมตัวกันที่จุดปะทะเดิมพร้อมเร่งเครื่องเสียงดัง ทั้งยังเข้าไปประชิดแนวตู้คอนเทนเนอร์ที่วางขวางสกัดไว้ที่จุดเดิม ฝั่งถนนวิภาวดีขาออกช่องคู่ขนาน แม้เจ้าหน้าที่ออกมาประกาศแจ้งเตือนขอให้ออกไปจากบริเวณ แต่กลุ่มวัยรุ่นยังคงตะโกนด่าทอ ยิงหนังสติ๊กเข้าใส่ จุดไฟเผาวัตถุต่างๆ ไม่นานก็ถูกตอบโต้จากตำรวจควบคุมฝูงชนที่ขนกำลังติดอาวุธยาวทั้งปืนยิงแก๊สน้ำตาและปืนยิงกระสุนยางขึ้นไปยึดชัยภูมิสูงข่ม บนทางด่วนดินแดง ระดมยิงใส่ผู้ชุมนุมแบบไม่ยั้ง พร้อมนำรถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดสกัดไม่ให้เข้าใกล้แนวตู้คอนเทน–เนอร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมสวนกลับด้วยประทัดยักษ์ที่ยิงจากหนังสติ๊ก และหัวกระสุนลูกแก้ว ขึ้นไปบนที่มั่นเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ด้านบน มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการหกล้ม สำลักควันแก๊ส และเหยียบกัน ทำให้เกิดการชุลมุนหามนำคนเจ็บออกจากจุดเกิดเหตุ “เต้น” หย่าศึกหัวร้อนไม่สำเร็จต่อมาเวลา 18.05 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. เดินทางจากแยกราชประสงค์มาที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เพื่อเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มวัยรุ่น ส่วนใหญ่เป็นเด็กอาชีวะกว่าพันคนที่ก่อการจลาจลปะทะกับแนวป้องกันของตำรวจบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต นายณัฐวุฒิพยายามขอร้องให้กลุ่มมวลชนยุติการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากจุดบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงสามเหลี่ยมดินแดง-แยกสุทธิสาร ไม่ใช่เส้นทางเป้าหมายของการจัดกิจกรรมในวันนี้ ขอให้กลุ่มวัยรุ่นทุกคนขี่รถจักรยานยนต์ตามขบวนรถของนายณัฐวุฒิออกไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นอกจากนั้นนายณัฐวุฒิยังอาสาจะไปเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้หยุดยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา แต่มีเพียงกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนยอมยุติการปะทะและเคลื่อนขบวนรถ จยย.ตามนายณัฐวุฒิไป แต่มีส่วนใหญ่ก็ยังยิงหนังสติ๊กด้วยลูกแก้ว หัวนอต ปาระเบิดปิงปอง ยิงพลุตะไลใส่แนวป้องกันของตำรวจต่อไปไม่ยอมยุติ อีกทั้งยังมีกลุ่มวัยรุ่นอีกหลายคนทยอยเดินทางมาสมทบกับแนวปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจ อคฝ.กระชับพื้นที่ ผู้ชุมนุมกระเจิงกระทั่งเวลา 18.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนระดมยิงแก๊สน้ำตาจากบนทางด่วนมหานครตอบโต้ใส่ผู้ชุมนุม บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดงอย่างหนัก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมวิ่งหนีกันชุลมุน ถอยร่นมาบริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ส. แต่ยังมีการปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มวัยรุ่นยังคงดำเนินต่อเนื่อง เสียงดังจากแก๊สน้ำตา กระสุนยางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สลับกับเสียงประทัดยักษ์ และแสงไฟจากพลุไฟและแสงเลเซอร์สีเขียวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยิงใส่ กระทั่งเวลา 19.40 น. ชุดควบคุมฝูงเคลื่อนกำลังจากแยกราชปรารภเข้ากระชับพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และยึดคืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถอยร่นกระจัดกระจายไปตามซอยต่างๆ ขณะที่บางส่วนหลบไปทางหน้าแฟลตดินแดง 1 ทำให้การปะทะกันเริ่มสงบปะทะเดือดเผาป้อมจราจรวอดตลอดช่วงหัวค่ำ สถานการณ์การปะทะบริเวณ ถนนราชปรารภเป็นไปด้วยความดุเดือด กลุ่มผู้ชุมนุม ที่ถูกสลายจากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและดินแดงใช้ความคล่องตัวของรถจักรยานยนต์มารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณแยกถนนราชปรารภ ก่อนเผาทำลายป้อมสัญญาณไฟจราจรที่แยกตัดเข้าถนนศรีอยุธยาเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนนำกำลังมาที่บริเวณปากซอยรางน้ำ เพื่อผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางยิงใส่เพื่อไล่ให้ออกนอกพื้นที่แต่ไม่ได้ผล กลุ่มวัยรุ่นยังคงใช้รถจักรยานยนต์เร่งเครื่องเสียงดังพร้อมตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วยกระสุนลูกแก้วและพลุสีเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 21.00น. กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนตัดสินใจระดมกำลังเข้ารุกขอคืนพื้นที่บริเวณแยกราชปรารภ โดยใช้รถติดเครื่องขยายเสียงประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยออกจากบริเวณ จากนั้นระดมยิงด้วยแก๊สน้ำตาและกระสุนยางแล้วนำกำลังบุกเข้ายึดพื้นที่ และดับเพลิงที่ลุกไหม้ป้อมสัญญาณไฟจราจรได้สำเร็จ บช.น.แถลงสรุปคาร์ม็อบ 15 ส.ค.ต่อมาเวลา 20.30 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. แถลงกรณีนัดหมายชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ ของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ตามสถานที่ต่างๆในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีกลุ่มต่างๆ จัดกิจกรรม CarMob และ CarPark ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในวันที่ 15 ส.ค. จำนวน 6 กลุ่มสำคัญ ดังนี้ 1.กลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) 2.กลุ่มไทยไม่ทน โดยนายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋งดอกจิก) 3.กลุ่มนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 4.กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายธนเดช ศรีสงคราม (ม่อน) 5.กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) 6.กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้าสลายเพราะผู้ชุมนุมฝ่าแนวกั้นพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษก บช.น. กล่าวว่า ผู้ชุมนุมเริ่มทำกิจกรรมเวลา 13.00-18.00 น. หลังประกาศยุติกิจกรรม ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนมารวมตัวกันที่บริเวณแยกดินแดงในเวลาประมาณ 18.05 น. พยายามจะฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขว้างปาสิ่งของ ประทัดยักษ์ พลุไฟ ลูกหิน ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่เวลา 18.10 น.เป็นต้นไป เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นายก่อนหน้าจับ 3 ผู้ต้องหาปืน 1 กระบอกรอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า เวลาประมาณ 14.00 น. วันเดียวกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณแยกสามย่านพบบุคคลต้องสงสัย 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์มีพิรุธ ได้เรียกหยุดแต่กลุ่มผู้ต้องสงสัยขี่หนีไป ได้ติดตามมาจนถึงแยกปทุมวัน ก่อนสกัดไว้ได้ตรวจค้นพบปืนไทยประดิษฐ์ .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 2 นัด มีดยาวประมาณ 30 ซม. 1 เล่ม ได้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย อยู่ระหว่างการสอบสวนทั้งนี้ บช.น.จะได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติม และจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปทุกรายนายพล ผบ.เหตุการณ์โดนยิงขามีรายงานด้วยว่า ในการปะทะกันระหว่างตำรวจ อคฝ.และผู้ชุมนุม ที่หน้ากองดุริยางค์ทหารบก สามเหลี่ยมดินแดง พล.ต.ต.อัศวยุทธ นุชพุ่ม ผบก.ประจำ บช.น. รรท.ผบก.น.2 ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ถูกยิงด้วยกระสุนไม่ทราบชนิดเข้าที่ขาขวาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย คาร์ม็อบชลบุรี รวมพลเข้า กทม.ส่วนบรรยากาศคาร์ม็อบในต่างหวัด ที่ จ.ชลบุรี กลุ่มไทยไม่ทน “ประยุทธ์” ออกไป ทั้งรถยนต์ และรถ จยย.ประมาณ 100 คัน รวมตัวบริเวณถนนอ่างศิลา-สุขุมวิท หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.อ่างศิลา อ.เมืองชลบุรี ขณะที่ พ.ต.อ.ชนะไชย เกษมวงศ์ ผกก.สภ.เสม็ด นำกำลังมาดูแล พร้อมชี้แจงว่า จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และห้ามมีการชุมนุมเกิน 5 คน พร้อมทั้งระบุโทษการชุมนุม แต่ไม่เป็นผลรถทุกคันได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าขึ้นถนนสุขุมวิท สมทบกับกลุ่มไทยไม่ทน “ประยุทธ์” ออกไป ที่รวมตัวอยู่บนถนนสุขุมวิทขาเข้าเมืองชลบุรี มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ต่อไปปากน้ำมุ่งสมทบราชประสงค์ที่หน้าศูนย์การค้าอิมพิเรียลเวิลด์สำโรง จ.สมุทรปราการ ที่นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำ นปช.ประกาศทางโซเชียลเป็นจุดนัดรวมพลคาร์ม็อบกลุ่มปากน้ำ เพื่อรวมกันแสดงเจตนา ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน และตำรวจนอกเครื่องแบบ นำกำลังสังเกตการณ์บริเวณโดยรอบ กระทั่งถึงกำหนด 12.00 น. กลุ่มมวลชนไม่สามารถที่จะมารวมตัวกันได้ เพราะการจราจรติดขัดเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านคัดกรองโควิด-19 หน้าปั้มเชลล์ถนนสุขุมวิท ขาเข้ากรุงเทพฯ ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ นายวรชัยประกาศให้แนวร่วมประชาธิปไตยไปรวมตัวกันบริเวณสี่แยกบางนา เขตกรุงเทพฯ มีกลุ่มคนเสื้อแดง และแนวร่วมประชาธิปไตยนำรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ส่วนตัว เดินทางมากันคึกคักก่อนทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปตามถนนสุขุมวิท ไปสมทบกับกลุ่มคาร์ม็อบที่แยกราชประสงค์พระสมุทร-พระประแดงมาเป็นร้อยส่วนกลุ่มคาร์ม็อบ พระสมุทรเจดีย์-พระประแดง นัดรวมตัวกันที่สามแยกพระสมุทรเจดีย์ ถนนสุขสวัสดิ์ ต.ปากคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เคลื่อนขบวนตามถนนสุขสวัสดิ์ เข้า อ.พระประแดง มุ่งสู่กรุงเทพฯ ขบวนมีความยาวร่วม 5 กม. ในขบวนมีทั้งรถเก๋ง รถปิกอัพ และรถ จยย.หลายร้อยคัน มีกำหนดจะวนกลับมารวมตัวกันที่บริเวณสามแยกพระประแดง เพื่อร่วมเคารพธงชาติและบีบแตรเพื่อแสดงสัญลักษณ์จากนั้นจะแยกย้าย ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมหรือคาร์ม็อบ ส่วนมากจะเป็นคนในอ.พระสมุทรเจดีย์และ อ.พระประแดง เดินขบวนดังกล่าว โดยในขบวนมีทั้งรถจักรยานยนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคล หลายร้อยคัน และบางคันของรถยนต์มีข้อความเขียนติดไว้ข้างรถและหน้ารถในข้อความโจมตีการทำงานของรัฐบาลตร.ปราจีนหยุดไม่อยู่-นำขบวนให้ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี หลังเก่า ที่กลุ่มคนปราจีนไม่เอาประยุทธ์นัดรวมตัวกัน มีแผนเคลื่อนขบวนข้ามสะพาน เข้าสู่ตลาดเทศบาลผ่านค่ายจักรพงษ์ ไปถึงบริเวณวงเวียนศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แล้วย้อนกลับมายังจุดเดิมก่อนสลายตัว ท่ามกลางฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมขับรถเก๋ง รถปิกอัพ และรถ จยย. ทยอยมารวมตัวตามกำหนด ขณะที่ตำรวจนำกล้องวงจรปิดติดตั้งเพื่อจับภาพผู้มาร่วมชุมนุม อีกทั้งแจ้งว่าการรวมตัวดังกล่าว เป็นการกระทำความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ไม่สามารถหยุดผู้ชุมนุมได้ ตำรวจจึงเปลี่ยนแผนใช้รถจราจรนำขบวนอำนวยความสะดวกตามเส้นทาง คาร์ม็อบปทุม-อยุธยาบุกกรุงส่วนที่ จ.ปทุมธานี บริเวณถนนพหลโยธิน หน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ร่วมกันตั้งจุดตรวจ ขณะที่กลุ่มมวลชนจาก จ.ปทุมธานี ราว 100 คน ใช้รถ จยย.ราว 50 คัน และรถยนต์ประมาณ 30 คัน รออยู่ริมถนนทั้งก่อนและหลังจุดตรวจของตำรวจ กระทั่งมวลชนจาก จ.พระนคร-ศรีอยุธยาใช้รถยนต์และรถ จยย.กว่า 100 คัน เคลื่อนขบวนมาถึงกลุ่มมวลชน จ.ปทุมธานี ก็ออกไปสมทบมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร พร้อมบีบแตรชูสามนิ้วเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยไม่มีเหตุร้ายแรงโคราชเปิดไฟหน้าเสียงแตรสนั่นที่ จ.นครราชสีมา มีการจัดม็อบคู่ขนาน ในนามกลุ่ม “Korat No เผด็จการ” นัดหมายร่วมกับกลุ่มคาร์ปาร์ก Car Park เพจกลุ่มโคราชมู้ฟเม้นต์ โดยเยาวชน นักศึกษา ประชาชน รวมทั้งคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง นัดรวมพลที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหรือลานย่าโม อ.เมืองนครราชสีมา นำรถยนต์กว่า 50 คัน และรถ จยย.กว่า 100 คัน รวมมวลชน 500คน เคลื่อนขบวนไปตามถนนมิตรภาพ ผ่านห้างเทสโก้โลตัส สาขามิตรภาพ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ห้างแม็คโคร นครราชสีมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ห้างบิ๊กซี แล้ววกกลับไปที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี กดบีบแตร เปิดไฟหน้ารถ แกนนำผลัดขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากรณีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโควิด-19 การบริหารจัดการวัคซีน ชู 3 นิ้ว ตะโกนประยุทธ์ออกไปขอนแก่นฮึ่มจะไปเยี่ยมบ้านลุงตู่ที่ริมบึงแก่นนคร เขตเทศบาลนครขอนแก่น เวลา 16.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมในนามคณะราษฎรขอนแก่น รวมตัวจัดกิจกรรมคาร์ม็อบขับไล่รัฐบาลคู่ขนานกับกิจกรรมที่กรุงเทพฯ นำรถ จยย. รถยนต์ รวมถึงรถบรรทุกติดธงสีแดงและป้ายข้อความขับไล่รัฐบาล เคลื่อนขบวนไปตามถนนรอบเขตเทศบาล ท่ามกลางการคุมเข้มของตำรวจและฝ่ายปกครอง นายวรพจน์ สวัสดิ์ถาวร คณะกรรมการกลุ่มราษฎร 64 กล่าวว่า ผู้ร่วมชุมนุมทำตามกรอบกฎหมายและชุมนุมอย่างสันติวิธี ต้องการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งจากการบริหารงานที่ล้มเหลวผิดพลาด จะจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกสัปดาห์ หากรวมตัวกันได้ 10,000 คนภายในเดือน ต.ค. จะเคลื่อนขบวนไปสมทบการชุมนุมที่กรุงเทพฯเพื่อไปเยี่ยม พล.อ.ประยุทธ์ถึงบ้านคาร์ม็อบกาญจน์ไปศาลากลาง จว.ที่ จ.กาญจนบุรี ผู้ร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบ ทยอยมารวมตัว 4 จุดตามที่เพจเสรีกาญจน์ โพสต์นัดหมาย คือโซนท่าเรือ ท่ามะกา นัดที่หน้าโรงเรียนวัดตะคร้ำเอน รถประมาณ 50 คัน โซนท่าม่วง ถนนหน้าโครงการชลประทานที่ 13 (ก่อนถึงเขื่อนแม่กลอง) รถประมาณ 100 คัน โซนอำเภอเมือง จุดพักคอยหน้าโลตัส รถร่วมขบวน 100 คัน ส่วนจุดที่ 4 ขบวนจะไปที่ศาลากลางจังหวัดพร้อมกัน มีรถร่วมขบวนประมาณ 400 คัน โดยนายเจษฎา เอียมอุ่น อายุ 26 ปี ผู้ประสานงานเพจเสรีกาญจน์ พร้อมรถแนวร่วมราว 100 คัน รวมตัวบนถนนหน้าโครงการชลประทานที่ 13 กล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ให้เยียวยาร้านค้าและประชาชน การที่รัฐปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดระลอก 3 และการใช้กำลังอย่างไม่เหมาะสมต่อผู้ชุมนุมที่ กทม. เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อุบลฯจี้ มทบ.22 เลิกหนุนเผด็จการที่สวนสาธารณะห้วยม่วง ถนนแจ้งสนิท อ.เมืองอุบลราชธานี กลุ่มมวลชนอุบลปลดแอก คนเพลิง เสรีชน จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ นำภาพคณะ ครม. และภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้ผู้ร่วมกิจกรรมกว่าร้อยคนใช้สีผสมน้ำปาใส่หน้า จากนั้นผู้ร่วมชุมนุมได้เคลื่อนขบวนรถยนต์และรถ จยย. ไปที่ กก.ตชด.ที่ 22 ยื่นหนังสือเรียกร้องไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม อ่านแถลงการณ์บนรถยานเกราะด้านหน้า กก.ตชด.ที่ 22 จากนั้นไปยื่นหนังสือที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี ไม่ให้ส่งกำลังชุดควบคุมฝูงชนเข้ากรุงเทพฯ แล้วเคลื่อนขบวนไปที่หน้าประตูแดง มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เรียกร้องให้เป็นทหารของประชาชน ไม่รับใช้รัฐบาลเผด็จการ ก่อนไปปิดสี่แยกอุบลพลาซ่าติดสวนสาธารณะ ทุ่งศรีเมือง ปราศรัยเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลแยกตัวไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนนท์ไม่ทน ปาสีป้าย ก.พาณิชย์ที่สถานีรถไฟฟ้า MRT แยกพระนั่งเกล้า ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี พร้อมมวลชนรวมตัวทำกิจกรรมคาร์ม็อบ โดยนายชินวัตรขึ้นรถขยายเสียงปราศรัยโจมตีการทำงานของนายกรัฐมนตรี ที่บริหารประเทศล้มเหลว และเรื่องการจัดหาวัคซีนทางเลือก และโจมตีนายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ ไม่มีการควบคุมชุดตรวจโควิดทำให้มีราคาสูง ก่อนเคลื่อนขบวนไปหน้ากระทรวงพาณิชย์ นำถุงใส่สีแดงปาใส่ป้ายกระทรวงพาณิชย์ ก่อนเคลื่อนขบวนไปที่ บก.ภ.จ.นนทบุรี ปรากฏว่าตำรวจนำลวดหนามหีบเพลงมาขึงกั้น มีตำรวจควบคุมฝูงชน ยืนตั้งแถวไม่ให้กลุ่มคาร์ม็อบฝ่าเข้าด้านใน นายชินวัตร ได้เคลื่อนขบวนไปกระทรวงสาธารณสุข และบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เชียงใหม่ลำพูนขออย่ารุนแรง ปชช.ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ ประชาชนและเยาวชนชาวเชียงใหม่ และลำพูน 2,000 คน จัดกิจกรรมคาร์ม็อบล้านนาต้านศักดินาทัวร์ รวมตัวบริเวณแยกปอยหลวง ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง เพื่อขับไล่และกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ก่อนเคลื่อนขบวนรถยนต์ รถ จยย.ต่อแถวยาวเหยียดร่วม 10 กม. ไปตามถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง เลี้ยวเข้าสู่ถนนอัษฎาธร เข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึง ผบช.ภ.5 เรียกร้องไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน จากนั้นได้โปรยภาพ พล.อ.ประยุทธ์บนถนนให้ประชาชนและผู้ชุมนุมใช้มะเขือเทศขว้างปาและเหยียบภาพ จุดสิ้นสุดของคาร์ม็อบอยู่ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แต่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นและวางกำลังกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปตามเส้นทางต่างๆของตัวเมืองเชียงใหม่กรมคุกแจงยิบ “ปูนทะลุฟ้า” ติดโควิดวันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงกรณีนายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือปูน ทะลุฟ้า 1 ใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับในคดีสาดสีหน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ว่า ได้รับรายงานจากนายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรี พบว่าเรือนจำได้รับตัวนายธนพัฒน์ เมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 ตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมถึงตรวจหาเชื้อโควิ-19 ด้วย ATK (Antigen Test Kit) เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 ผลเป็นลบไม่พบเชื้อโควิด ทั้งนี้ การควบคุมตัวผู้ต้องขัง ในคดีเกี่ยวกับการชุมนุมทั้งหมด 8 ราย เรือนจำ ได้จัดสถานที่ควบคุมไว้อย่างเป็นสัดส่วน ไม่ได้อยู่รวมกับผู้ต้องขังอื่น ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. นายธนพัฒน์ ได้รับการประกันตัว เรือนจำได้ตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้ง เบื้องต้นก่อนปล่อยตัวพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากนั้นได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้ต้องขังที่อยู่ร่วมห้องเดียวกับนายธนพัฒน์ทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจเพื่อความชัดเจนทนายรับพาไปศูนย์พักคอยวัดสิงห์กรมราชทัณฑ์ชี้แจงอีกว่า ส่วนที่นายธนพัฒน์ ติดเชื้อโควิด-19 เรือนจำได้ดำเนินการตามแนวทางการปล่อยตัวผู้ต้องขังในภาวะที่มีการแพร่ระบาดอย่างชัดเจน ประสานไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายแจ้งให้ญาติทราบถึงผลตรวจโควิด-19 แต่ญาติอยู่ต่างจังหวัดไม่สามารถมารับตัวได้ประสานไปยังทนายความนายธนพัฒน์ และได้แจ้งความประสงค์ขอรับตัวนำส่งศูนย์พักคอยวัดสิงห์ เขตจอมทอง กทม.เรียบร้อย ขณะนี้กรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคผู้ต้องขังภายในสถานที่ดังกล่าวโดยละเอียดอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ได้ความชัดเจนเกี่ยวกับไทม์ไลน์การติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์ มิได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไปเลขาฯ รมว.ยธ.โต้ทนายอานนท์ด้านว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีเพจเฟซบุ๊กอานนท์ นำภา และเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เผยแพร่ข้อความว่า ผู้ชุมนุมที่ถูกจับคุมขังในเรือนจำถูกปล่อยให้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ไม่ปฏิเสธว่าในเรือนจำมีเชื้อโควิด แต่การแพร่ระบาดไม่ได้มาจากในเรือนจำ มาจากผู้ที่ทำความผิดแล้วศาลมีคำสั่งให้ควบคุมตัวในเรือนจำ คนข้างนอกต่างหากที่นำเชื้อเข้าไปแพร่ แต่กรมราชทัณฑ์มีมาตรการที่เข้มงวดดูแลผู้ต้องขังและคัดกรองผู้ต้องขังใหม่ มีการตรวจโรคและกักตัวผู้ต้องขังใหม่ในแดนกักโรคก่อนเข้าไปในแดนก่อน 21 วัน เมื่อครบแล้วจะตรวจหาเชื้อซ้ำ พยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันลดการแพร่เชื้อและให้ยารักษา ไม่ปล่อยให้ผู้ต้องขังติดเชื้อ และภายในเรือนจำมีกฎหมายเฉพาะในการควบคุมผู้กระทำผิดตามที่ศาลออกคำสั่งและตัดสิน ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากชุมนุมในช่วงสถานการณ์ปกติและไม่ได้ทำอะไรที่ละเมิดกฎหมาย ก็คงไม่ถูกจับกุม แต่ตอนนี้มีการ ทำผิดฝ่าฝืนกฎหมายก็ถูกตำรวจจับ ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ฝากขังเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ดีๆจะเอาคนไปเข้าเรือนจำได้เลย ทุกอย่างมีขั้นตอน และมีกฎหมายบัญญัติเอาไว้